“จังหวัดน่าน” เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มเหล้า(หมายถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด) มาอย่างต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรม มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนสามารถประกาศเป็นวาระของจังหวัดในการจัดแข่งเรือปลอดเหล้า และงานของดีและกาชาดจังหวัดปลอดเหล้า ได้สำเร็จมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๐
ในขณะที่ชุมชนก็มีการขับเคลื่อนวาระลดละเลิกเหล้าในระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ เกิดมาตรการลดละเลิกเหล้าได้หลายงาน เช่น งานศพ, งานวัด, งานแข่งขันกีฬา เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์ในภาพรวมการขับเคลื่อนการลดละเลิกดื่มสุราจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม แต่สถานการณ์การดื่มเหล้าก็ยังไม่ได้ลดลงไปเท่าที่ควรเป็น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่านร่วมกับเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดน่าน จึงได้จัดเวทีถอดบทเรียนชุมชนลดละเลิกเหล้าขึ้น โดยแบ่งเป็น ๓ โซน ได้แก่
โซนเหนือ ประกอบด้วยอำเภอเฉลิมพระเกียรติ, ทุ่งช้าง, เชียงกลาง, สองแคว, ปัว, บ่อเกลือ
โซนกลาง ประกอบด้วยอำเภอท่าวังผา, บ้านหลวง, แม่จริม, สันติสุข
โซนใต้ ประกอบด้วยอำเภอเมือง, เวียงสา, นาน้อย, นาหมื่น, ภูเพียง
โดยเชิญชวนทีมขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มสุราในระดับอำเภอ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข, ปกครอง, ตำรวจ, ครู, กศน., ผู้นำชุมชน, อสม, ผู้สูงอายุ, สภาวัฒนธรรม และผู้ที่เกี่ยวข้อง อำเภอละ ๖-๑๐ คน เข้ามาร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินสถานการณ์การดื่มเหล้า, สรุปบทเรียนการทำงาน, แนวทางการขับเคลื่อนในพื้นที่ และข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มเหล้า ใช้ระยะเวลา ๑ วัน
สำหรับโซนเหนือได้ดำเนินการในวันเสาร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ณ วัดหนองแดง ตำบลเปือ อำเภอเชียงกลาง (ดูบันทึกวัดหนองแดง ที่นี่) มีผู้เข้าร่วมเวทีราว ๖๐ คน
กระบวนการเรียนรู้เริ่มด้วยการแนะนำทำความรู้จักคุ้นเคยกันและบอกถึงวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ หลังจากนั้นทีมวิทยากรกระบวนการได้ให้ข้อมูลสถานการณ์การป่วยและตายของคนเมืองน่านที่เกี่ยวเนื่องกับดื่มสุราและสูบบุหรี่ แล้วแบ่งกลุ่มให้แต่ละอำเภอได้สรุปบทเรียนการขับเคลื่อนการดื่มเหล้าในพื้นที่
บทเรียนในการขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มเหล้าในพื้นที่โซนเหนือ สรุปได้ดังนี้
๑. สถานการณ์การดื่มเหล้า
การดื่มเหล้าพบได้ในทุกกลุ่มวัย ตั้งแต่กลุ่มเยาวชน, พ่อบ้าน, แม่บ้าน , สูงอายุ, กลุ่มสล่า(ช่างปลูกบ้าน),ข้าราชการ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางส่วน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชนทั้งในระบบการศึกษาและนอกระบบการศึกษา
โอกาสในการดื่มนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการดื่มหลังเลิกงานการเกษตร, งานเลี้ยงต่างๆ, งานเลี้ยงผี/เลี้ยงเจ้าที่/พิธีกรรมต่างๆ
พื้นที่ที่ใช้ในการดื่ม – นอกจากพื้นที่การเกษตรแล้ว ยังนิยมดื่มในพื้นที่สาธารณะ, บ้านที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้านไปทำงานต่างถิ่น, หลังโรงเรียน, แหล่งท่องเที่ยว, และร้านจำหน่ายเหล้า
นอกจากนี้เหล้ายังสามารถหาซื้อได้ง่ายในชุมชน โดยเฉพาะเหล้าเสรีหรือเหล้าพื้นบ้าน ขณะที่อำเภอชายแดนยังมีสามารถหาซื้อเหล้าจากชายแดนได้ง่ายและมีราคาถูก
๒. กระบวนการขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มสุราในระดับพื้นที่ มีความแตกต่างหลากหลายกันไปตามแต่สภาพปัญหาและศักยภาพของแกนนำในพื้นที่ พอสรุปภาพรวมได้ดังนี้
• มีการขับเคลื่อนผ่านเวทีประชาคม เพื่อแลกเปลี่ยนและให้ข้อมูลสถานการณ์ปัญหา ผลกระทบที่เกิดจากการดื่มเหล้า รวมทั้งได้กำหนดกำหนดแนวทางหรือมาตรการการลดละเลิกเหล้าร่วมกัน ซึ่งเวทีประชาคมมีทั้งในระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ ทั้งนี้พบว่าในบางอำเภอที่นายอำเภอได้ให้ความสำคัญและประกาศเป็นนโยบายชัดเจนก็มีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนในภาพรวมของอำเภอ แต่บางอำเภอก็เริ่มจากหมู่บ้านนำร่องแล้วขยายผลออกไป ทั้งนี้พบว่าผู้นำที่เป็นแบบอย่างที่ดีจะช่วยให้กระบวนการขับเคลื่อนได้เป็นรูปธรรม
• กำหนดมาตรการ/กฎระเบียบในชุมชน เช่น
– ห้ามดื่มในวันหรือประเพณีที่สำคัญ เช่น ในงานศพ, งานกีฬาของหมู่บ้าน/ตำบล, งานวัด, วันพระ, วันอสม., วันกำนัน/ผญบ., วันเด็ก เป็นต้น
– ลดปัจจัยเอื้อที่สนับสนุนให้มีการดื่มเหล้า เช่น ไม่ให้เหล้าเป็นของขวัญ, ร้านค้าไม่ขายเหล้าวันพระ, ไม่ขายให้เด็ก, จำกัดเวลาดื่มไม่เกินเวลาที่กำหนด, บางชุมชนสามารถขอความร่วมกับร้านค้างดขายเหล้าและบุหรี่ในชุมชนได้
– ห้ามดื่มในสถานที่ราชการ และวัด
– ห้ามการรถเร่ แผงลอย เข้ามาขายในชุมชน
– มีมาตรการเสริมเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลดการดื่มเหล้า เช่น หักเงินฌาปนกิจเจ้าภาพงานศพที่เลี้ยงเหล้า, ให้ของขวัญรางวัลแก่ผู้ที่เลิกดื่มเหล้าได้สำเร็จ, การให้ประกาศเกียรติคุณยกย่อง, ให้ของที่ระลึกแก่ผู้เลิกเหล้าหรือแกนนำขับเคลื่อนการลดเหล้า เป็นต้น
• สร้างบุคคล/ครอบครัว/วัด/ชุมชนต้นแบบ ที่เป็นตัวอย่างให้แก่คนในชุมชน โดยมีการทำป้ายติดหน้าบ้านครอบครัวที่ปลอดการดื่มเหล้า
• รณรงค์ให้ความรู้เรื่องพิษภัยและผลกระทบจากการดื่มเหล้า ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เวทีประชาคม, การประชุมประจำเดือน, หอกระจายข่าว เป็นต้น
• รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา และให้เกียรติบัตรแก่ผู้ที่ทำได้สำเร็จ
• จัดเสวนากลุ่มผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และให้ป้ายร้านค้าไม่จำหน่ายบุหรี่/เหล้า ให้แก่ร้านค้าไม่จำหน่ายบุหรี่/เหล้า
• บางพื้นที่ได้มีการชักจูงให้ผู้ติดเหล้าเข้ามารับการบำบัดผู้ติดเหล้าในรพ. หลังจากการบำบัดได้ให้ชุมชนเข้าไปดูแลฟื้นฟูต่อเนื่อง
• บางพื้นที่จัดประกวดบุคคลตัวอย่าง ครอบครัวตัวอย่าง แล้วให้รางวัล
• หลายพื้นที่สามารถจัดงบประมาณต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกมาดำเนินการขับเคลื่อน เช่น กองทุนสวัสดิการในชุมชน, กองทุนสปสช., อปท., สสส. เป็นต้น
๓. พื้นที่ต้นแบบ
สำหรับพื้นที่ต้นแบบที่สามารถเป็นตัวอย่างให้สำหรับพื้นที่อื่นๆ ได้เข้าไปเรียนรู้ได้ในแต่ละอำเภอ มีดังนี้
• บ้านเจดีย์ ต.เชียงกลาง อ.เชียงกลาง
• บ้านซาววา อ.เชียงกลาง
• ตำบลพญาแก้ว อ.เชียงกลาง (ทั้งตำบล)
• อ.ปัว ทุกหมู่บ้าน
• บ้านวังไผ่ อ.สองแคว
• บ้านปางปุก ต.นาไร่หลวง อ.สองแคว
• บ้านสองแคว ต.นาไร่หลวง อ.สองแคว
• บ้านงอบเหนือ ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง
• บ้านสลี ต.ทุ่งช้าง อ.ทุ่งช้าง
• บ้านนาขาม อ.บ่อเกลือ
• บ้านห่างทางหลวง อ.บ่อเกลือ
• บ้านบ่อหยวก อ.บ่อเกลือ
• บ้านสะปัน ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ
๔. การขับเคลื่อนต่อไป
ในแต่ละพื้นที่ได้มีแนวทางในการขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มสุราในพื้นที่ต่อไป ดังนี้
• จัดเวทีระดับพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนร่วมกัน
• ขยายพื้นที่รูปธรรมจากเดิมให้มากขึ้น
• หาวิธีการลดการผลิต เช่น จัดเวทีเสวนากลุ่มผู้ผลิต/ร้านจำหน่าย
• จัดทีมออกตรวจตราให้คำแนะนำ
• ติดตามกำกับการดำเนินงานตามมาตรการที่กำหนดขึ้น
• สรุปผลแบบบูรณาการร่วมกัน
๕. ข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มเหล้า มีดังนี้
• แต่งตั้งคณะทำงานระดับอำเภอ และมีเจ้าภาพชัดเจน
• บูรณาการแผนงานทำงานร่วมกัน
• หน่วยงาน/อปท.ให้การสนับสนุนงบประมาณต่อเนื่อง
• การดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง
• การมาตรการทางสังคมในระดับอำเภอครอบคลุมทุกพื้นที่
• รณรงค์ต่อเนื่องตลอดปี
• สนับสนุนบุคคล/ครอบครัว/ชุมชนต้นแบบ
• ติดตามประเมินผลอย่างจริงจัง
• ยกเลิกกฎหมายผลิตเหล้าเสรี
กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นไปอย่างสนุกสนานได้ความรู้ ได้แบ่งปันประสบการณ์ แต่ละทีมเกิดแรงบันดาลใจที่จะกลับไปขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่ต่อ ในขณะที่ทีมจังหวัดก็ยังต้องเดินหน้าจัดเวทีอีกสองโซนที่เหลือ และวางแผนการดำเนินการต่อไปดังนี้
• สรุปเป็นข้อมูลภาพรวมของจังหวัดและนำไปเสนอให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการ
• จัดเวทีถอดบทเรียนชุมชนต้นแบบ
• จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับจังหวัด นำพื้นที่ต้นแบบไปนำเสนอเป็นตัวอย่างให้พื้นที่อื่นๆ ได้เรียนรู้
• จัดกิจกรรมรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา
• จัดทำฐานข้อมูลหมู่บ้าน/ชุมชนลดละเลิกเหล้า
• จัดทำเอกสารชุดความรู้เรื่องการขับเคลื่อนชุมชนลดละเลิกเหล้า เพื่อเผยแพร่
• ผลักดันประเด็นการขับเคลื่อนเป็นวาระจังหวัด
ก็หวังว่าหลังจากนี้กระบวนการขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มเหล้าในระดับพื้นที่และจังหวัดจะมีความเข้มข้นมาก สามารถลดทุกข์และลดโรคให้คนเมืองน่านได้
..............................................
ขอบคุณแกนนำการขับเคลื่อนการลดละเลิกการดื่มเหล้าในพื้นที่โซนเหนือทุกท่าน
บทเรียนดีดี เรื่องราวดีดีจากพื้นที่
ทีมวิทยากรกระบวนการและทีมสนับสนุนสสจ.น่าน
ขอบคุณเจ้าอาวาสวัดหนองแดงที่เอื้อเฟื้อสถานที่จัดเวที
ขอบคุณทีมสุขภาพอำเภอเชียงกลางที่ช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวก
วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๒
สมัยเป็นวัยรุ่นเคยดื่มกับเพื่อนๆ ด้วยความคิดแบบสมัยนั้นต้องเป็นชายเต็มตัว ดื่มทีไรก็จะมีผื่นคันไปทั้งตัวต้องหยุดเข้าโรงพยาบาลทุกครั้ง คุณหมอบอกว่าคุณแพ้แอลกอฮอร์ ดื่มมากๆอาจถึงชีวิตได้ ด้วยความรู้สึกนึกคิดที่ผิดๆไม่ถูกต้องในขณะนั้น ผมรู้สึกดีใจมากที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอร์ทุกชนิด จนถึงทุกวันนี้ เป็นความโชคดีของชาวน่านเพราะเจ้านี่แหละครับถ้าดื่มมันแล้วมันสั่งให้เราทำผิดทำชั่วได้โดยไม่รู้ตัว ขอให้โครงการประสบความสำเร็จครับ โชคดี
สุดยอดจริงๆ เป็นกำลังใจให้คนทำงาน โดยเฉพาะทีมสาธารณสุข เราทำในสิ่งที่หลายคนคิดว่าทำไม่ได้ ถ้าหากลองย้อนในอดีตที่งานEPI ที่หลายคนต้องบุกป่าฝ่าดง จนกระทั่งในปัจจุบันที่ลูกฉันไม่ได้วัคซีนเป็นเรื่อง ข้าพเจ้ามองว่าเป็นสิทธิของประชาชนที่จะปลอดภัยจากภัยที่อยู่ใกล้ตัว มีอยู่ในครอบครัว ชุมชน สังคม อีกไม่นานเราคงเห็นปฏิกริยาที่เห็นคนดื่มเหล้า ไม่มีสติ แล้วน่ารังเกียจเหมือนกับการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ
การรณรงค์มักจะนิยมใช้มาตรการบังคับ ห้าม ซึ่งอาจได้ผลในช่วงเวลาหนึ่ง การดื่มเป็นพฤติกรรมที่ฝังลึก ต้องต่อสู้กับอารมณ์ความรู้สึก ดังนั้นต้องใช้หลายมาตรการทั้งมาตรการกดดันจากสังคม ชุมชน และมาตรการภายในให้คนรู้สึกสำนึกรักตัวเอง รักสุขภาพ และรักคนรอบข้างจากการรู้จริง รู้เรื่องใกล้ตัว สัมผัสได้จริงๆ ดังนั้นน่าจะทำหลายด้านให้เกิดนโยบาย มาตรการชุมชน มาตรการครอบครัว และมาตรการระดับบุคคล เชื่อมโยงจากแรงกดดันของชุมชนสังคม การบังคับใช้ ก.ม. สร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย ส่งเสริมพฤติกรรมบุคคลให้เกิดขึ้นในทุกสถานการณ์ที่เป็นสาธารณะ ไม่ปากว่าตาขยิบ ช่วยกันสร้างต้นแบบและสกัดกั้นนักดื่มหน้าใหม่สร้างวินัยในการดื่มกินสนุกสนาน สนับสนุนให้สังคมได้ร่วมกันรับผิดชอบต่อการดื่มและผลพวงที่เกิดขึ้นตามมา รวมทั้งสร้างสิ่งแวดล้อมรอบข้างให้ปลอดจากการดื่ม เช่นงานที่เป็นสาธารณะควรงดให้เลี้ยง ให้ดื่มเป็นต้น
อยากให้มีเวทีเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่
ของทุกโซน ใครมีอะไรดีๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนกัน
หากผู้นำชุมชน ร่วมใจ ร่วมพลัง สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้เด็กเห็น
สังคมเราคง จะสอน บอกเด็กด้วยการ เป็นแบบอย่างที่ดี
ตอนนี้ดำเนินการครบ ๓ โซนแล้ว (กำลังเขียนบันทึกลง Blog ครับ) ต่อไปจะถอดบทเรียนในพื้นที่ต้นแบบ แล้วค่อยจัดรวมทุกโซนครับ เอาสิ่งดีดีมาแบ่งปันกันครับ