สวัสดีครับเอาล่ะ วันนี้เราก็มาต่อกันเลยก็แล้วกัน เพราะอาจมีบางท่านคงอยากรู้ว่าวิธีที่จะลดต้นทุนการผลิตสุกรอีกวิธีคืออะไร วิธีนี้ไม่น่าจะมีอะไรยากเลย และคิดว่าทุกฟาร์มสามารถทำได้อย่างแน่นอนโดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหมูไม่ดังใจ หวังเท่าไหร่ ก็ทำให้ต้องมีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะขายหมูไม่ได้ หรือได้ก็โดนกดราคา (ให้ผู้บริโภคมีซื้อโดยตรงกับฟาร์มเลยน่าจะดี อิอิ…) อีกต่างหาก
เอาล่ะเกริ่นมาตั้งนานแล้ว มีบางท่านบ่นมาแล้วว่าเมื่อไหร่จะบอกซักที อยากรู้แล้ว อิอิ... ใจเย็นก่อนครับ บอกเดี๋ยวนี้ล่ะครับ (เดี๋ยวมีอะไรลอยมาไม่รู้ด้วย อิอิ...) วิธีลดต้นทุนของชาวหมูก็คือ การยืดระยะเวลาหย่านมออกไปให้นานกว่าปกตินั้นเอง (บอกแล้วทุกฟาร์มทำได้แน่นอน อิอิ...) จากปกติที่เราหย่านมใช้เวลาเพียง 21-28 วัน (บางทีอาจเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำไป) เราก็ต้องให้อาหารเลียรางแก่ลูกหมู ก็ทำให้เราต้องแบกรับรายจ่ายในส่วนนี้เต็ม แทนที่จะให้แม่หมูเป็นฝ่ายเลี้ยงลูกหมูเอง งั้นเอาอย่างนี้เราก็ให้แม่หมูเลี้ยงต่อไปจนถึง 40-45 วัน ดีกว่า จะได้ไม่ต้องให้อาหารเลียราง
ก็เป็นการลดต้นทุนอีกทางหนึ่ง อีกทั้งเมื่อหย่านมแล้วก็ได้ลูกหมูที่มีน้ำหนักดี (12-14 กก.) สุขภาพแข็งแรง ลดความสูญเสียในช่วงอนุบาล กินอาหารได้มาก ส่งผลทำให้โตดีนั้นเอง แต่ในช่วงที่แม่สุกรให้นมเราก็ควรมีอะไรเสริมหน่อยเพื่อกระตุ้นการหลั่งของน้ำนมจะได้เพียงพอกับลูกหมูตัวน้อยนั้นเอง เป็นสิ่งนั้นก็คือ สมุนไพรที่ชื่อว่า นมราชสีห์ ผักโขมแดง หญ้าน้ำหมึกหรือ หญ้าหลังอึ่ง เอาชื่อวิทยาศาสตร์ กันหน่อย Euphorbia hirta Linn. โดยเก็บมาให้สุกรกินวันล่ะ 1 กำมือ เพราะนมราชสีห์จะมีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน จะกระตุ้นการหลั่งของน้ำนมนั้นเอง
นี่ล่ะหน้าตาของนมราชสีห์ (เหมือนไหมครับ อิอิ...)
ตอนนี้เราก็มาคำนาณค่าอาหารกันครับว่าระหว่างการไม่ยืดระยะเวลาหย่านมกับยืดระยะเวลาหย่านมนั้น จะต่างกันหรือไม่ ( ปวดหัวอีกแล้วซิ อิอิ...) แม่สุกรจะได้รับอาหารที่มีโปรตีนประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ กินวันล่ะ 7 กก.ขณะที่ลูกจะกินอาหารกับแม่เฉลี่ยวันละ 350 กรัม และได้รับน้ำนมจากแม่ ตัวละประมาณ 850 ซี.ซี. ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับอาหารเลียรางและอนุบาล
เมื่อชั่งน้ำหนักลูกสุกรที่อายุ 44 วัน หนักเฉลี่ย 12.19 กก. ซึ่งจะมีการเจริญเติบโตประมาณ 341 กรัมต่อวัน ได้รับอาหารประมาณ 370 กรัมต่อวัน รวมใช้อาหาร 10 กก. แบ่งเป็นอาหารเลียราง 2 กก. อาหารอนุบาล 8 กก.รวมเป็นเงิน 60+144= 204 บาทต่อตัว คิดเป็นค่าอาหารลูกทั้งครอก(14ตัว) ประมาณ 2,856 บาท แต่หากยืดระยะหย่านมออกไปก็มีต้นทุนค่าดูแลแม่พันธุ์สุกร ตั้งแต่หลัง 28 วันจนถึงหย่านม 44 วัน เพียง 560 บาทเท่านั้นจึงช่วยเกษตรประหยัดต้นทุนได้ถึง 2,296 บาท หรือลดต้นทุนการผลิตลูกสุกรได้ถึง 164 บาทต่อตัว
นี้ก็เป็นการเปรียบเทียบถึงต้นทุนการผลิตสุกรให้ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็จะสรุปให้ฟังกันว่าการลดต้นทุนการผลิตสุกรนั้นมีอยู่ 2 วิธีด้วยกันคือ การใช้ Bio feed หรือโปรตีนจากยีสต์ และการยืดระยะเวลาหย่านมออกไปให้นานขึ้นนั้นเอง
หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่อ่านไม่มากก็น้อยครับ
วันนี้เอาไว้แค่นี้ก็แล้วกันครับ
(ตาลายแล้ว...ไม่หรอกครับ ง่วงมากกว่า อิอิ...) หลับฝันดีครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านและได้ความรู้....
บ้านพี่สาวที่นครปฐม มีต้นน้ำนมราชสีห์มากเลยค่ะ (พี่เขยเคยชี้ให้ดู)
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ ค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ คุณเทพ
ยังไม่รู้จักนมราชสีห์ค่ะ...ขอบคุณข้อมูลอันมีประโยชน์ต่อชุมนุมอนุรักษ์พืชสมุนไพรของครูนก...ค่ะ
ขอบคุณครับ คนไม่มีราก
ที่แวะมาทักทาย และร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นครับ
(คิดว่าเคยเห็นอยู่เหมือนกันครับ อิอิ...)
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ คุณnoktalay
ที่แวะมาเยี่ยม ดีใจนะครับ
ที่เป็นประโยชน์สำหรับทุกท่าน อิอิ...
ตอนเด็กๆเหมือนเคยจับมาทาที่แผล
ก็ปรากฎว่า แผลหายเร็วขึ้น ครับ
ขอบคุณครับ คุณหมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
ที่แวะมาทักทายครับ
ความไม่รู้คือไม่ผิดแต่เราต้องทำให้รู้สำคัญกว่า
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีคะ
มาขอความรู้ไปเผยแพร่ในชาวบ้านหน่อยนะ
เพราะตอนนี้มีกลุ่มอาชีพเลี้ยงหมูอยู่หลายหมู่บ้าน
ทั้งหมูหลุมและหมูเล้า
(เอาฝูงแม่-ลูกเป็ดมาฝากเลี้ยง เผื่อมีเคล็ดลับเด็ดเกี่ยวกับการเลี้ยงเป็ด จะได้มาขอแบ่งปันความรู้ไปใช้อีก ....คริ ๆ)
ขอบคุณครับคุณ ปีตานามาจิตต์
ที่แวะมาเยี่ยมเยียน
ยินดีอย่างยิ่งครับที่บันทึกนี้มีประโยชน์กับชาวบ้านครับ
ส่วนเคล็ดลับเรื่องเป็ดนะ หากเจออะไรดีจะเอามานำเสนออีกครับ อิอิ...
เข้ามาอ่านและรับความรู้ครับ
ขอบคุณครับไปชมนกนางนวล
แวะมาทักทายค่ะ
รออ่านบันทึกใหม่ค่ะ
(^___^)