สองสามวันก่อนคุณสามีบอกให้อ่านหนังสือ TIME ฉบับวันที่ 31 Mar 08
คอลัมน์สุขภาพ ภายใต้หัวเรื่อง The Labor Market. Why Asian women are choosing
C-sections. แล้วบอกกับดิฉันว่า
"ภูมิใจมากที่แม่คลอดน้องต้นไม้ได้เองตามธรรมชาติ"
ดิฉันยิ้มกริ่มแล้วบอกว่า "มันอยู่ที่ใจ"
ดิฉันอ่านจบก็ได้ข้อสรุปที่ไม่น่าเชื่อหลายๆ อย่าง เช่น
สถิติการผ่าคลอดในไทยสูงถึง
65%
(ไม่ได้แจ้งไว้ว่าตั้งใจผ่าคลอดโดยไม่ใช่เหตุสุดวิสัยนั้นคิดเป็นกี่
%)
สาเหตุยอดฮิตที่ผู้หญิงเอเชียนิยมผ่าคลอด
คือ กลัวเจ็บ และ อยากกำหนดวันคลอด
เทรนด์การผ่าคลอดเพิ่มขึ้นไม่ใช่เป็นแค่ทาง
demand แต่เป็นที่ supply ด้วยค่ะ คือ
หมอจะได้ไม่เสียเวลานานในการทำคลอด
และ หมอไทยเริ่มท้อแล้วค่ะในการกระตุ้นให้ผู้หญิงไทยหันมาคลอดเองโดยธรรมชาติ
ดิฉันจำได้ว่า ก่อนคลอดมีคนรอบข้าง 3 ใน 10 คน บอกให้ดิฉันผ่าคลอด
แต่ดิฉันเลือกที่จะคลอดเองและไม่ต้องการบล็อคหลังเพื่อลดอาการเจ็บ
ก็มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ แล้วจะฝืนมันไปทำไม เกิดมาเป็นหญิงทั้งทีอย่าให้เสียชาติเกิด
เจ็บมากๆ จนแทบทนไม่ได้นั้นไม่นานหรอกค่ะ ไม่ถึง 20 นาที พอลูกหลุดออกมาก็หายเจ็บเป็นปลิดทิ้งค่ะ
มันอยู่ที่ใจจริงๆ นะค่ะ ไม่ต้องกลัวค่ะ เตรียมตัวให้พร้อม
ฝึกหายใจมาก่อนจะช่วยได้เยอะค่ะ
พยายามรักษาพลังกายพลังใจก่อนคลอดสักหนึ่งเดือนค่ะ นอนเยอะๆ อย่าออกกำลังกายมากไปเดี๋ยวจะคลอดก่อนกำหนด
ฝึกสมาธิฝึกจิตค่ะ สติสำคัญมากในการเบ่งคลอดเพราะคุณแม่ต้องทำหลายอย่างตอนใกล้ๆ จะคลอด เช่น ยกหัว จับที่จับให้มั่น เป่าลมหายใจทิ้งเป็นระยะ เป็นต้น
ลูกเขาอยากจะออกมาวันไหนวันนั้นก็คือวันดีที่สุดค่ะ แต่ถ้าหากคลอดเลยกำหนด วันดีก็คือวันที่คุณหมอสะดวกค่ะ
ไม่ต้องกลัวค่ะ ฝึกขมิบเข้าไว้ค่ะ
เช่น ปลอดภัยกว่า ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แผลหายเร็วกว่า ร่ายกายฟื้นตัวได้เร็วกว่า เป็นต้น
ก็หวังว่า บันทึกนี้คงช่วยเปลี่ยนใจคนที่ตั้งใจผ่าคลอดให้มาคลอดเองโดยธรรมชาติได้บ้างนะค่ะ และดิฉันต้องขอบคุณคุณหมอและคุณพยาบาลแห่ง รพ.มอ. ค่ะ ที่แม้คนไข้จะเยอะมหาศาลแต่ทีมงานทำคลอดก็ทำให้ดิฉันสามารถคลอดเองได้โดยธรรมชาติค่ะ :)
แต่บางคนก็จำเป็น เพราะเด็กไม่ยอมเอาหัวลงค่ะ คือเป็นเหตุสุดวิสัยนะคะ
เหตุสุดวิสัยนี่ต้องผ่าแน่นอนค่ะ เช่น ปากมดลูกไม่เปิด เด็กท่าขวาง เด็กตัวใหญ่เกินไป เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และเด็ก
ดิฉันเองเกือบต้องโดนใช้ทั้งสองวิธีค่ะ เพราะปากมดลูกเปิดประมาณแปดเซ็นติเมตร แต่ที่สุดแล้วคุณหมอก็ใช้ vacuum ช่วยค่ะ ไม่ต้องผ่าคลอดค่ะ
จากข่าวด้านบน เทรนด์นิยมผ่าคลอดเพราะเจ็บหรือเพือเลือกวันกำหนดคลอดนี่มาแรงมากค่ะสำหรับผู้หญิงเอเชีย แต่ยังไม่เท่ากับที่เวเนซูเอล่า ที่นั่น 90% ผ่าคลอดค่ะ
ผ่าคลอดไม่เห็นมีดหมอค่ะ เขาใช้ผ้าบังไว้ แต่ถ้าคลอดเองได้จะดีกว่าค่ะ ฟื้นตัวได้เร็วกว่ามาก
สวัสดีค่ะ ดร จันทวรรณที่เก่งและน่ารักสุดๆ
เข้ามายินดีกับอาจารย์ด้วยค่ะ
ปกติอัตราการผ่าคลอดในโรงพยาบาล ประมาณร้อยละ 10-20ค่ะ อัตราจะสูงถ้าเป็นคนไข้ที่ฝากหมอพิเศษ
ตัวเลขประมาณร้อยละ50ขึ้นไปค่ะ
ขอให้อาจารย์มีความสุขกับการเลี้ยงน้องต้นไม้นะคะ
กว่าลูกจะโตต้องอดทนอดกลั้นสำหรับแม่ที่ทำงานค่ะจริงๆค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
มาเชียร์ค่ะว่าคลอดธรรมชาติดีที่สุด...ตัวเองผ่าคลอดค่ะ เพราะลูกไม่ยอมเอาหัวลง เมื่อมีอาการจะคลอดมีความตั้งใจที่จะคลอดธรรมชาติค่ะ แค่เมื่อคุณหมอตรวจแล้วพบว่าเด็กไม่เอาหัวลง จึงเกิดการเตรียมผ่าค่ะ ดมยาสลบไม่บล็อกหลังเพราะกลัวมากค่ะ...แต่ตอนจะดมยาก็น่ากลัวค่ะ เพราะจะถูกครอบจมูก เมื่อสลบไปแล้วก็จะถูกแหย่ท่อช่วยหายใจทางหลอดลมอีก แถมถูกสวนปัสสาวะอีกอีก...เจ็บหลายจุดค่ะ
เมื่อฟื้นขึ้นมาเจ็บรอยผ่ามากๆ ขยับนิดหน่อยก็เจ็บสุดๆ คิดดูนะค่ะ แผลมีดบาดแค่นิดเดียวยังเจ็บ แต่นี่แผลยาวเป็นคืบค่ะ เจ็บทรมานอยู่หลายวัน หมอ พยาบาลก็จะมาคอยเตือนให้ลุกเดินไม่งั้นลำไส้จะติดกัน แต่กว่าจะลุกจากเตียงได้ก็ 3 วันค่ะ ลุกเดินก็เจ็บค่ะ
แถมระคายคอจากท่อช่วยหายใจ เมื่อตอนสลบ ทำให้ไออีกค่ะ ไอทีก็กุมท้องเพราะสะเทือนแผลผ่าตัด เจ็บค่ะ หัวเราะก็เจ็บแผลค่ะ
คุณแม่ท่านอื่นที่คลอดธรรมชาติ หลังคลอด หลับพักที่เตียง เมื่อตื่นขึ้นมาก็เห็นเดินกันปร๋อๆ อิจฉามากค่ะ เพราะตัวเองลุกไม่ได้ แถมมีสายน้ำเกลือ สายปัสสาวะสวนไว้ (ตอนดึงออกก็เจ็บอีก) แถมนอนแบปลุกไม่ได้ ท้องก็อืด ลมก็ดันแผลเจ็บอีก...โอยยย
ขอโทษนะคะ เขียนยาวไปนิด แต่ก็อยากจะเชิญชวนและเห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ ว่าคลอดธรรมชาติดีที่สุด...
แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ค่ะ
เห็นด้วยกับการคลอดธรรมชาติ ถ้ามีโอกาสจะเลือกคลอดธรรมชาติเช่นเดียวกันค่ะ แต่สงสัยจะแก่เกินแกงเสียแล้ว
มีเพื่อนคลอดธรรมชาติเหมือนกัน แต่ปวดตั้งแต่เช้า คลอดได้ตอนเย็น คุณหมอต้องคอยถามตลอดว่าไหวไหม แต่เพื่อนตัวเล็กก็ใจเด็ดมาก สู้จนคลอดธรรมชาติสำเร็จ ลูกสาวก็คลอดออกมาแข็งแรงดี หลังคลอดไม่กี่วันก็ขี่จักรยานปร๋อเลยค่ะ
ในขณะที่เพื่อนซึ่งบล็อคหลังคลอดลูก ปัจจุบันกลับมีปัญหายกของหนักไม่ได้ มีอาการที่เจ็บชาที่หลัง ลูกก็หลายขวบแล้วอาการยังไม่หายเลยค่ะ
สรุปว่าขอชื่นชมอาจารย์ค่ะ
ยอดเยี่ยมเลยค่ะ อ.จัน เราได้เห็นการถ่ายทอด Tacit ในช่วงก่อนคลอดจากคุณแม่คนเก่งกันแล้ว พี่โอ๋คิดตั้งใจไว้แล้วว่าจะนำรูปชุดที่ถ่ายไว้ตอนรอเข้าห้องคลอดไปให้ค่ะ พวกเราประทับใจความเข้มแข็งของคุณแม่คนนี้มากๆค่ะ เอารูปประทับใจที่เข้ากับคำชื่นชมของคุณพ่อน้องต้นไม้มาฝากด้วยค่ะ
แล้วก็มายกมือสนับสนุนด้วยประสบการณ์ตรงของการคลอดทั้ง 2 แบบ คือพี่วั้น พี่เหน่น คลอดมาด้วยวิธีธรรมชาติไม่ดมยา ไม่บล็อคหลัง แม้ว่าทั้ง 2 หนุ่มจะอยู่ในท่าขวาง กว่าจะคลอดได้เจ็บท้องร้องอยู่เป็นชั่วโมงเลยค่ะ แต่ก็รอดมาได้เพราะคุณหมออยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงก่อนคลอด ส่วนน้องฟุงคลอดเองไม่ได้ เพราะตัวโตมาก (4200 กรัม) ก็เลยต้องผ่าออกในโค้งสุดท้ายเพราะคลอดเองไม่ไหวจริงๆ
ยืนยันว่าถ้าไม่มีความจำเป็นอันใด การคลอดเองคือของขวัญมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติให้เราและลูกมาจริงๆค่ะ
ใครกลัวไม่ฟิตครับ
ช่างซ่อมอยู่ตรงนี้แล้ว ฮา....
สบายดีนะครับจัน
อ่านบันทึกอันนี้แล้ว ไม่อยากให้บอสมีน้องแล้วครับ กลัวบอสเจ็บ T_T
น้องเก่งค่ะ เมื่อถึงเวลาคือมีความพร้อมก็จะอยากมีลูกเองค่ะ มีลูกเหมือนมีส่วนเติมเต็มให้กับชีวิตค่ะ ส่วนเรื่องเจ็บนั้นเป้นแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิตค่ะ การเลี้ยงลูกซิค่ะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ค่ะ
หมอแป๊ะค่ะ ถ้าได้ลองสำรวจดู น่าจะพบว่าคุณแม่กลัวไม่ฟิตนี่ท่าทางจะมีเยอะค่ะ แต่เป็นเหมือนการไม่กล้าพูดกล้าถามออกมาค่ะ ที่แน่ๆ มีหลายคนที่รู้จักเขากลัวกันทั้งนั้นแหละค่ะ
พี่โอ๋ค่ะ กำลังใจแรงเชียร์จากเพื่อนฝูงพี่น้องตอนช่วงรอคลอดช่วยได้เยอะค่ะ มีคนคอยมาช่วยส่งเสียง อื้บบบบบบ มันช่วยให้มีพลังเบ่งเยอะขึ้นค่ะ
คุณใบไม้ย้อนแสงค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาแลกเปลี่ยนค่ะ เรื่องบล็อคหลังนี่ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร แต่ได้ฟังมาเขาก็บอกว่ามีความเสี่ยงพอสมควรเหมือนกันค่ะ
พี่อักษร ทับแก้ว ดิฉันเองคลอดเลยกำหนดค่ะ คุณหมอก็เลยต้องใช้ยาแหนบเร่งคลอดค่ะ แต่ไม่ต้องฉีดค่ะ ได้หลานสาวหรือหลานชายอย่าลืมแวะมาบอกนะค่ะ :)
คุณณัฐยาค่ะ สี่กิโลนี่ตัวใหญ่มากนะค่ะ น้องสาวเก่งมากๆ เลยนะค่ะที่คลอดได้เองตามธรรมชาติ
อ.แป๋วค่ะ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่อาจารย์ช่วยมาถ่ายทอดไว้ค่ะ ท่านอื่นได้มาอ่านคงเห็นประโยชน์ของการคลอดธรรมชาติมากกว่าที่ดิฉันเขียนไว้ค่ะ
อ.หมออัจฉราค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนค่ะ จากในข่าวที่แจ้งว่า 65% นั้นได้มาจาก รพ.กรุงเทพ ค่ะ
ป้าแดงค่ะ พยาบาลเลือกผ่าเยอะเหรอค่ะ อืมมม
คุณหมูอ้วนค่ะ ยังไม่มีลูกก็ฝึกดีนะค่ะ อิอิ
แม่นีโอเห็นด้วยกับอ.จันทวรรณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
การมีลูกเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในชีวิต เจ็บเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น
แต่แม่นีโอจำเป็นต้องผ่าค่ะ เพราะน้ำเดินแล้วแต่ปากมดลูกไม่เปิด
แถมรกพันคอลูกอีก (คุณหมออัลตราซาวด์ดู)
การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีนี่สิยิ่งใหญ่กว่า :-)