ความทื่อหรือคมคิด...เด็กโรงงาน


ความทื่อ หรือ คมคิด ของเด็กโรงงาน...

จริงๆแล้วคนทำงานโรงงานทั่วไปที่ผมรู้จักมีหลากหลายอาชีพ ซึ่งเหมือนทุกอาชีพ รวมถึงผมเอง...

ที่มีส่วนดี ส่วนไม่ดีคละเคล้ากันไป...

เมื่อวานผมได้เห็น comment อันหนึ่งในบล็อกของผมของเด็กโรงงานในเครือปูน ดังนี้ (ผม copy มาทั้งหมดนะครับ)

  • oh..god..you just think onlt this..
  • The war of Shin and TPI?
  •  so pity.. wider and deeper thinking..you will know more
  • ทำให้ได้คิดหลายอย่างว่า หลายครั้งเราอ่านสิ่งต่างๆโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองถึงทุกอักขระที่ผู้เขียนต้องการจะบรรยายและสื่อให้ทราบ ทำให้เราอาจเข้าใจแบบที่โทสะจริตของเรานำไป และพาลพาให้แสดงความทื่อของความคิดของตนออกไป...มิใช่แสดงความคมเหมือนที่เด็กโรงงานมี ambition ตั้งใจจะสื่อผ่านบล็อกของเขา...

    ตรงนี้ถือเป็นจุดหนึ่งที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ว่า หลายครั้งที่มีกลุ่มที่หวังดีแต่ประสงค์ร้าย ดำเนินการใช้วิธีทางจิตวิทยามวลชน แล้วสามารถชักจูงคนจำนวนมากไปดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ โดยที่ไม่แคร์ว่าจริงๆแล้วผิดจริยธรรม ผิดกฎหมาย หรือทำให้ผู้คนอื่นๆ เดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน...

    เราจะเห็นได้ในสังคมของสากลโลก ที่มีลัทธิมากมาย หลายครั้งหลายหน อาจใช้วิธีจิตวิทยามวลชน นำเสนอความจริงบางส่วนที่เห็นชัดเจนโจ่งแจ้งมาเป็นออร์เดิร์ฟ ทำให้มวลชนมาเป็นพวก จากนั้นก็นำสิ่งที่จริงบ้างเท็จบ้างมาปะปนผสมกับวิธีการสื่อสารมวลชนและบันเทิง ทำให้มวลชนเกิดการเสพติดสิ่งที่ทำให้เจ้าลัทธิดำเนินการให้มวลชนทำในสิ่งที่ผิดได้ ไม่ว่าจะลัทธิโอม....ในเพื่อนบ้านเรา หรือลัทธิแบบตะวันตกที่เคยเห็นพระเอกหนังฮอลลีวู้ดไปขลุกอยู่ด้วย...จนทำให้เขาหมดโอกาสแสดงหนังและทำให้ความนิยมชมชอบลดลงฮวบฮาบ...

    ยิ่งกว่านั้น บทเรียนที่ผมกล่าวถึง น่าจะสอนอะไรเราได้อีกบางอย่าง เช่น

    - การท้าทายและ invade คนอื่นนั้น หลายครั้งผมก็เป็น แต่ก็กลับมารู้สึกละอายใจหรือรู้สึกผิดทุกครั้งที่ทำ

    - โมหะและโทสะ มักจะนำเราก้าวไปในทางที่ผิดทุกครั้ง หรือไม่ช้าก็เร็ว

    - การเติบโตของเด็กโรงงานไปเป็นผู้จัดการได้ อาจทำให้ลืมนึกไปว่า มีขึ้นก็มีตก หากเด็กโรงงานที่มีโมหะและโทสะดำเนินการเช่นนี้ต่อไป ทำให้ผมกังวลว่า เขาอาจไม่ได้อยู่ในตำแหน่งต่อไป หากมีการกระทำเช่นนี้อีก เพราะที่ทำงานของเขานั้น จริงอยู่ที่นิยมชมชอบคนเก่งและอุตสาหะ แต่ยังมีปัจจัยภายนอกที่อาจทำให้เขาต้องร้อนรนได้ครับ...

    - หากมองในเชิง Strategic thinking บางทีอาจได้ประโยชน์ที่จะสอนให้เด็กโรงงาน ลองทำ SWOT analysis เปรียบเทียบการดำรงอยู่ของกลุ่มอย่างน้อยสามกลุ่ม คือ PAD, TRTand its nominees, และ กลุ่มผู้รักความสงบที่เข้าใจเหตุผลและข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย แล้วลองใช้ความรู้ที่เด็กโรงงานเรียกในบล็อกของตนเองว่า "Strategy management" มาดำเนินการจัดการ ร่วมกับการทำ Scenario writing และ Evidence-based Foresight Analysis เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา

    สุดท้าย ผมอยากย้ำเตือนว่า บทเรียนของประเทศเรามีมากมาย มีน้อยครั้งมากที่จะไม่เห็นการฉ้อฉล กินบ้านกินเมืองของผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเรื่องมือถือ เรื่องสปก. เรื่องบริษัทก่อสร้าง เรื่องรถดับเพลิง...หรือแม้กระทั่งเรื่องฝายกั้นน้ำในปัจจุบัน...

    แต่ตอนนี้เรามาอยู่ในยุคที่ผลประโยชน์เป็นใหญ่...จึงเห็นกระบวนการทุ่มเทสู้ตายเพื่อประโยชน์ของตนของทั้งสองกลุ่ม...ไม่เว้นแม้กระทั่งการขับรถปาดซ้ายปาดขวา การแซงคิว และอื่นๆ ที่มากขึ้นทุกทีทุกที...

    แม้เราจะแก้ปัญหาของทุกคนไม่ได้ แต่หากเรายังยึดมั่นในสถาบันหลักๆ ทั้งหมด เคารพกฎกติการมารยาท และร่วมกันสร้าง ไม่ใช่ร่วมกันทำลาย...ผมยังเชื่อว่า เรายังมีอย่างน้อยก็แสงหิ่งห้อยที่อยู่ตรงปลายทางเขาวงกต...  

    และผมขอสงวนสิทธิ์ไม่ให้เด็กโรงงานได้มีโอกาสแสดงความเห็นครับ... :)

    หมายเลขบันทึก: 225315เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2008 08:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (0)

    ไม่มีความเห็น

    ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท