Easy tomato sauce


ซอสมะเขือเทศ

ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนยังไง ขอเริ่มด้วยสูตรอาหารพื้นฐานละกันครับทำเองได้ง่าย อร่อยเหมือนทานที่ร้านอาหารหรูๆ ซอสมะเขือเทศเป็นซอสเริ่มต้นสามารถนำไปทำอาหารได้หลายประเภท  เป็นซอสพิซซ่า พาสต้า ทำซุป หรือทำซอสสำหรับเมนคอร์สก็ได้

เริ่มกันดีกว่าครับ ขั้นแรกขอแนะนำตัวเหล่าส่วนผสม  ตัวเอกคือมะเขือเทศท้อ(ถ้าจะให้หรูหราใช้มะเขือเทศเนื้อก็ได้ครับ) และตัวประกอบครับ

กระเทียม หอมใหญ่สับ น้ำมันมะกอก เบย์ลีฟ(เรียกว่าใบกระวานหรือเปล่า ไม่แน่ใจครับ) เกลือ พริกไทย น้ำ และตัวเอกอีกตัวที่จะโผล่มาตอนท้ายๆ คือ โหระพาอิตาเลียน(Italian basil)ครับผม

ของไทยใช้แทนกันไม่ได้นะครับ เหมือนกับเพื่อนกับแฟนแทนกันไม่ได้ คนละฟีลกัน  นักแสดงมากันครบละ คราวนี้ก็มาเซ็ตฉากกัน                                                                                                      มีด เขียง กะละมัง หม้อต้มซอส(ขอหนาๆหน่อยนะครับ บางๆไหม้เร็ว) ทัพพีหรือตะหลิวไว้คนซอส

Act#1 นู้ดมะเขือเทศ

ต้มน้ำครับ เอาหม้อใส่น้ำเยอะๆหน่อยตั้งไฟปิดฝา ใส่เกลือนิดหน่อย ระหว่างรอน้ำเดือด ล้างมะเขือเทศให้สะอาด ใช้ปลายมีดกรีดด้านบนมะเขือเทศเบาๆเป็นรูปกากะบาด เพื่อจะได้ลอกผิวง่ายๆ

เตรียมกะละมังใส่น้ำแข็ง+น้ำนิดหน่อย น้ำในหม้อเดือดปุ๊บใส่มะเขือเทศลงไปนับ1 2 3 จนถึง15 เอาขึ้นมาแล้วใส่ในน้ำแข็งทันที ค่อยๆทำทีละน้อยนะครับ จะได้ไม่เละ เมื่อลวกจนหมดแล้ว ก็ถึงวิธีการปอก สังเกตุได้ว่ารอยกากะบาดแผลงฤทธิ์ เปลือกจะร่อนออกมาจากรอยกรีด ปอกง่ายดายกว่าปอกกล้วยอีก ต่อไปต้องเรียกว่า"ง่ายเหมือนปอกมะเขือเทศ"แทนซะแล้ว

Act#2 สับ! สับ! สับ!

กระเทียมสับละเอียด หอมใหญ่สับละเอียด มะเขือเทศสับละเอียด จบ! แอ็คนี้ง่ายจัง

Act#3 ผัดๆต้มๆหอมอร่อยในพริบตา

นำหม้อตั้งไฟครับ ใส่น้ำมันมะกอก พอน้ำมันเริ่มๆอุ่น(ยังไม่ร้อนนะครับ) ใส่กระเทียมลงผัดจนหอม เหลืองจริงๆแล้วมันก็เหลืองตั้งแต่ยังไม่ผัด เอาเป็นว่าให้สีเข้มขึ้นละกันครับ ใส่หอมใหญ่สับ ผัดจนหอมใหญ่สุกใสทั่วกัน จำเป็นต้องสุกนะครับ ถ้าไม่สุกกลิ่นหอมใหญ่จะแรงมากจนไม่น่าทาน อยากได้รสหวานของหอมใหญ่ครับ ไม่อยากได้กลิ่น จากนั้นใส่มะเขือเทศสับลงไปผัดไปเรื่อยๆ ใส่เกลือ พริกไทยนิดหน่อย เติมน้ำ ทำคล้ายๆแกงน่ะครับ ใส่เบย์ลีฟและโหระพาลงไปเพื่อกลิ่นที่หอมมมมม น่ารับประทาน หรี่ไฟลงเล็กน้อยครับ เคี่ยวไปเรื่อยๆไม่ต้องคนตลอดเวลานะครับ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ว่างๆก็กลับมาคนซอสซักทีนึง หมั่นชิมและปรับรสด้วยเกลือ พริกไทยนะครับ ระวังอย่าให้เค็มมากเพราะตอนท้ายๆเมื่อซอสข้นขึ้น รสเค็มจะออกมาให้ยลอย่างเด่นชัด เคี่ยวจนเห็นได้ว่าซอสงวดลงเกือบๆครึ่งนึง ก็ปิดไฟนอน เอ๊ยปิดไฟ ยกลง รอจนซอสเย็นก็เก็บเข้าตู้เย็นได้แล้วครับ คราวนี้จะทำอาหารอะไรที่ต้องการซอสมะเขือเทศ ก็สามารถนำออกจากตู้เย็นมาใช้ได้เลยครับ

จบแล้วเหมือนจะง่ายนะครับ นี่ขนาดพื้นฐานนะเนี่ย ทำซอสวันนี้ได้ข้อคิดอันนึงนะครับ

"ไม่ว่าจะยากหรือง่าย ต้องอาศัยเวลาและความพยายามจึงจะประสบความสำเร็จ เหมือนซอสมะเขือเทศที่ว่าง่ายๆ ก็ต้องใช้เวลาในการทำ จนกว่าจะได้รสที่ต้องการ"

จบครับ

คำสำคัญ (Tags): #อาหาร
หมายเลขบันทึก: 204648เขียนเมื่อ 31 สิงหาคม 2008 18:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 16:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ถ้าไม่มี โหระพาอิตาเลียน(Italian basil)ก็ทำไม่ได้ซิ
  • แล้ว โหระพาอิตาเลียน  กับ  โหระพาไทย ต่างกันที่ตรงไหน
  • รีบๆตอบนะเผื่อพรุ่งนี้จะผัดสปาเกตตี้ ให้พี่หมูกิน
  • ท่าทางน่ากิน
  • ฮ่าๆๆๆ
  • ขอบ้าง
  • อ้าวพี่มนัญญากินหมดแล้ว
  • อิอิอิๆๆ
  • ตาซ้ายขยิบๆ
  • เหมือนมีลางสังหรณ์เลยตามมาอ่านดู
  • จริงๆด้วยมีคนมาแซว

 

ไทยเผ็ด จัดจ้าน กลิ่นแรงกว่าครับ

แต่ถ้าผัดพาสต้าแบบไทยๆ อนุโลมให้ใส่ได้

สปาเก็ตตี้หอยลายน้ำพริกเผาก็อร่อยนะครับ ลองทำดู

  • บ้านเราปลูกได้ไหม
  • หรือต้องสั่งจากนอก
  • ถ้าปลูกได้จะปลูกไว้สักแปลงคงได้หลายตังค์
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท