วันที่ 23 - 25 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลกอีกครั้ง หลังจากครั้งล่าสุดที่มาเยือนก็เมื่อปีที่แล้ว
เนื่องในงานโสต-เทคโนฯ สัมพันธ์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 22 ซึ่งมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก เป็นเจ้าภาพในปีนี้
ในฐานะศิษย์เก่าจึงต้องไปเยือนและทำหน้าที่เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยไปด้วย อีกทั้งเป็นการเยี่ยมเยือนอาจารย์ที่ได้สั่งสอนเรามา แต่เรื่องราวเหล่านั้นยังจะไม่กล่าวในบันทึกนี้
เมื่อการประชุมสัมมนาทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมและคณาจารย์จึงได้มาเยือน "วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร" หรือ "วัดใหญ่" ที่ชาวพิษณุโลกเรียกกันโดยทั่วไป
ซึ่งไม่ว่าใครที่ผ่านพิษณูโลกเป็นต้องแวะเกือบทั้งหมดทั้งสิ้น อันด้วยความเป็นมงคลต่อตัวเองและคณะเดินทางที่ต้องมากราบนมัสการ "หลวงพ่อใหญ่" หรือ "พระพุทธชินราช" อันเลื่องลือไปทั่วโลกนั่นเอง
ประวัติโดยสังเขป
วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ เป็นวัดสำคัญที่สุดในจังหวัดพิษณุโลก ตั้งอยู่ริมลำน้ำน่าน ฝั่งตะวันออกริมถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง
เป็นวัดหลวงชั้นเอก "วรมหาวิหาร" ภายในวิหารของวัดเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธชินราช" หรือชาวพิษณุโลกเรียกว่า "หลวงพ่อใหญ่" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) โปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินสีห์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศนเทพวรารามและพระศรีศาสดา ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
พุทธลักษณะของพระพุทธชินราช มีความสวยงาม เส้นรอบพระวรกายอ่อนช้อย พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิง พระหัตถ์มีปลายนิ้วทั้งสี่เสมอกัน ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษเรียกว่า "ทีฆงคุลี" ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในโลก
ด้านซ้ายมือภายในวิหารหลวงพ่อพุทธชินราช
มุมด้านขวาของหลวงพ่อพุทธชินราช
ด้านซ้ายมือภายในวิหารหลวงพ่อพุทธชินราช
มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาชม และสักการะพระพุทธชินราชเป็นจำนวนมาก ทุก ๆ ปีจะมีงานนมัสการพระพุทธชินราชในวันขึ้น 6 ค่ำ ถึง วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 3 เรียกว่า "งานวัดใหญ่"
ทางเข้าพระวิหารด้านหน้ามีบานประตูขนาดใหญ่ประดับมุกสวยงาม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2299 เป็นฝีมือช่างหลวง สมัยอยุธยาตอนปลายในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมโกศ
พระอัฎฐารส
บริเวณหลังวิหารพระพุทธชินราช มี "พระอัฏฐารส" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติสูง 18 ศอก สร้างในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช ราว พ.ศ.1800 เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่ แต่วิหารได้พังจนหมด เหลือเพียงเสาที่ก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ 3 - 4 ต้น เรียกว่า "เนินวิหารเก้าห้อง"
เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างบูรณะของกรมศิลปากร อยู่ด้านซ้ายมือของภาพ
ด้านหลังพระอัฎฐารส เป็นพระปรางค์ประธาน สร้างแบบสมัยอยุธยาตอนต้น ฐานย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ สันนิษฐานว่า เดิมเป็น เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (ดอกบัวตูม) ซึ่งถือว่า เป็นสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยแท้ ต่อมาถูกแปลงให้เป็นพระปรางค์ในสมัยอยุธยา
นอกจากนี้ยังมี "พระเหลือ" ซึ่งพระยาลิไทรับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดามารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก และพระสาวกยืนอีก 2 องค์ ประดิษฐานในวิหารน้อย เรียกว่า "วิหารพระเหลือ"
ภาพมุมอื่น ๆ บ้างนะครับ
มุมมองลอดช่องประตูวิหารพระพุทธชินสีห์
พระพุทธชินสีห์
พระพุทธรูป 3 องค์ ที่อยู่ด้านหน้าของพระพุทธชินสีห์
ภาพที่แสดงมานี้ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง นะครับ ... มีเวลาเดินถ่ายภาพอยู่ 1 ชั่วโมง ไม่ครบถ้วนกระบวนความเท่าไหร่ แถมฝนทำท่าจะตกอีกต่างหาก ดังนั้น บางภาพจึงเห็นว่า มีเมฆขาวโพนทีเดียวครับ
สิ่งที่ได้จากการเที่ยววัดในครั้งนี้ สำหรับผม คือ การคิดถึงวันเวลาเก่า ๆ ย้อนหลังไป 10 ปี นะครับ ... รับน้อง ก็ต้องมาไหว้พระพุทธชินราช หรือ ยามไม่สบายใจก็จะเข้ามานั่งพักใจในวิหารหลวงพ่อใหญ่ โดยการขี่จักรยานข้ามฝั่งแม่น้ำน่านมา หรือ จะกลับบ้าน ก็ต้องมาแวะซื้อกล้วยตาก เปลี่ยนพระบูชา ที่นี่
หลวงพ่อใหญ่ ทำให้ผมจิตใจสงบทุกครั้งที่ผมเข้ามาในวิหาร ... ท่านที่เคยมาแวะเที่ยววัดแห่งนี้ ท่านรู้สึกเหมือนกับผมหรือไม่ครับ
ภาพของหลวงพ่อใหญ่นั้น ผมถ่ายตั้งแต่ผมเรียนถ่ายภาพสมัยปริญญาตรีครับ สมัยเรียนใช้กล้อง Pentax K-1000 ฟิล์มขาวดำ ถ่ายเอง ล้างเอง อัดเอง ... อาจารย์ผู้ประสาทวิชา คือ ท่านอาจารย์สัญญา วันงาม ครับ
ดังนั้น มุมกล้องทุกมุมของหลวงพ่อใหญ่ ผมจะค่อนข้างชินและคุ้นเคยพอสมควร เรียกว่า รู้มุมครับ ยิ่งเห็นมุมด้านข้างขวามือของหลวงพ่อ ถ้าผมจะไม่ผิด มุมนี้ มีนักถ่ายภาพถ่ายไปแล้วได้รางวัลชนะเลิศด้วยนะครับ
ก่อนกลับเชียงใหม่ ผมจึงได้เปลี่ยนพระมาบูชาอีก 3 องค์ (มาทีไรได้พระกลับไปบูชาทุกที)
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะครับ
ขอให้หลวงพ่อใหญ่ได้ดูแลรักษาท่านให้มีความสุขทุกคนตลอดไปนะครับ
สาธุ !
แหล่งอ้างอิง
ธวัชชัย ปทุมล่องทอง. เกร็ดน่ารู้ประเทศไทย ภาคเหนือ. พิมพ์ครั้งที่ 2.
กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์น้ำฝน, 2544.
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยม และชมวัดใหญ่ จากภาพ ซึ่ง พุทธลักษณะของพระพุทธชินราช มีความสวยงาม ชมภาพแล้วจะเข้าใจ เพราะเป็นที่พึ่งและสักการะทุกวัน และช่วงที่ไปเรียนจะไปสักการะ เป็นประจำค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณพี่อาจารย์ wasawatdeemarn
ไม่อยู่หลายวัน ไปไหว้พระนี่เอง สวยมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ อ๋อไม่ค่อยได้ไปไหนค่ะ ขออาศัยไปเที่ยวกับบันทึกคุณพี่ด้วยคนนะคะ
ถ้าคุณพี่สิ้นเนื้อประดาตัวเพราะเดินทางมาละก็นะ วันนี้เอากล้วยน้ำว้ามาฝาก ที่บ้านอ๋อมีกล้วยเป็นดงกล้วยเลยค่ะ ออกเครือทีเเจกกันไม่หวาดไม่ไหว
ไม่ถือว่าแย่งลิงกินนะคะ ไม่ต้องเกรงใจเพราะที่บ้านไม่มีลิงค่ะ มีแต่คนสวย ว่ะ ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
อ๋อค่ะ
สวัสดีครับ .. คุณ MSU-KM :panatung
ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมเยือนกัน :)
สวัสดี คุณน้องหมอ "อ๋อ"
ขอบคุณนะจ๊ะ แวะมาชมภาพ :)
เคยไปกราบ พระพุทธชินราช มีความสวยงามมากๆค่ะ
อ่านแล้ว มีความสุขสงบจังค่ะ
สวัสดีครับ พี่ Sasinanda
ขอบคุณครับ พี่ Sasinanda :)
ตามมา สาธุ
อ.wasawat ไปเที่ยวปายไหมค่ะ วันเสาร์-อาทิตย์นี้ค่ะ มีคนอยากเจอค่ะ
ค่ะ สงสัยคนชวนไม่เร้าใจพอ คุณเอกมาชวนเองล่ะกัน อิอิ
อ้าวไหงงั้นล่ะ ครูเอ แหม ... ติดภารกิจจริง ๆ หนา บ่ได้โม้ครับ :)
ว่าจะชวนไปสวนสัตว์เชียงใหม่อ่ะ ไปดูลิง ดู...(จุดๆๆ).ตามที่น้องภู่ภู่แนะนำหน่ะ
แต่ท่าทาง พี่ชายเราจะไม่ว่างซะเเล้ว ไปดีก่า ...หุ หุ
สวัสดีครับ ครูเอ
ขอบคุณครับ ที่ชวน ๆ :)
สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
บุญรักษา อาจารย์นะครับ :)
สวัสดีครับ น้องหมอ "อ๋อ"
ขอบคุณครับ :)
สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
บุญรักษา ครับอาจารย์ :)