รายละเอียดของโรคและวิธีรักษาที่ง่ายดายราวกับเสก เชิญไปดูกันเอาเองที่ www.lockfinger.com)


น.พ.วิชัย วิจิตรพรกุล คุณหมอประดิษฐ์เครื่องมือวิเศษเจาะรูเข้าไปที่โคนนิ้วนิดเดียว ก็ผ่าตัดปลอกเอ็นยึดที่เป็นต้นตอของโรคจนไม่เหลือซาก ผมกำนิ้วได้ตั้งแต่ยังนอนบนเตียง
ปริญญา ผดุงถิ่น
คอลัมน์สะเทินน้ำสะเทินบก/มติชนสุดสัปดาห์
ฉบับที่1304 12/08/48



แหะ แหะ เผลอๆ ลืมๆ ปาเข้าไป 3 ตอนแล้วหรือนี่ คณะผจญภัยบุกป่าสาละวิน ย้อนรอย "รพินทร์ ไพรวัลย์" ของพวกผมยังไปไม่ถึงไหนเล้ย
เอาละครับ วันนี้ได้ฤกษ์ลงเรือล่องสาละวินกันเสียที
เรือเช่าของเราเป็นหางยาวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น 2 อย่างพรั่งพร้อม นั่นคือหลังคากันฝนและเสื้อชูชีพใหม่เอี่ยม การเดินทางช่วงแรก ป๋องกับดี เอ็นจีโอคนนำทางบอกว่าจะพาไปเที่ยวสบเมย
สำหรับผมเองอยู่ในสภาพลำบากกว่าเพื่อน ก่อนเดินทางไม่กี่วัน ตัดสินใจปุบปับที่จะรักษาอาการ "นิ้วล็อค" รู้จักไหมครับนิ้วล็อคคืออะไร ? หลายๆ คนได้ยินคำนี้แล้วก็งง อะไรของมัน มันคืออาการพิการทางนิ้ว โดยมากก็จะเป็นที่นิ้วในมือที่ถนัด จู่ๆ นิ้วก็งอแต่ไม่สามารถเหยียดออกได้ รวมทั้งอาการตรงข้าม นิ้วเหยียดตรงตลอดเวลา งอเข้าไม่ได้ ฝืนไปก็เจ็บปวดน้ำตาแทบเล็ด
ผมเป็นนิ้วล็อคที่นิ้วชี้มือซ้ายมานานหลายปีแล้ว เป็นอาการแบบชี้เด่งอไม่ลง นึกแล้วก็ยังดีที่เป็นที่นิ้วชี้ หากเป็นที่นิ้วกลาง ใครไม่รู้จักคงนึกไอ้เวรนี่หยาบคายฉิบโผง หลังจากผัดวันประกันพรุ่งมานานหลายปี ตอนแรกก็ร่ำๆ ว่าจะรักษาสักปี 2549 หรือปี 2550 ดี สุดท้ายก็ตัดสินใจฉับพลัน รักษามันก่อนเดินทางแค่ 5 วันเท่านั้น
นาทีนี้ ศูนย์กลางรักษาโรคนิ้วล็อคที่เฉียบที่สุดในประเทศ อยู่ที่ "รุ่งเจริญโพลีคลินิค" ย่านถนนนนทรี ของ น.พ.วิชัย วิจิตรพรกุล คุณหมอประดิษฐ์เครื่องมือวิเศษเจาะรูเข้าไปที่โคนนิ้วนิดเดียว ก็ผ่าตัดปลอกเอ็นยึดที่เป็นต้นตอของโรคจนไม่เหลือซาก ผมกำนิ้วได้ตั้งแต่ยังนอนบนเตียง แถมยิ้มให้กล้องวิดีโอที่มาถ่ายทำด้วย (อยากรู้รายละเอียดของโรคและวิธีรักษาที่ง่ายดายราวกับเสก เชิญไปดูกันเอาเองที่ www.lockfinger.com)
ผมก็เลยต้องมาบุกสาละวินในสภาพพันมือราวกับ จา-พนม แต่ตีเข่าเขย่าศอกใครไม่ได้ เพราะใต้ผ้าพันนั้นมีแผลขนาดมดกัดที่คุณหมอวิชัยกำชับนักหนาห้ามโดนน้ำเด็ดขาด ที่ว่าคนเราจะไปกลัวมันทำไม มีสองมือสองตีนเท่ากัน ตอนนี้ผมจำต้องกลัว เพราะเหลือมือแค่มือครึ่งเท่านั้น มิหนำซ้ำ พื้นที่ที่บุกไปต้องใช้เรือเป็นพาหนะ ห่างจากมือและแผลรูเข็มของผมแค่ไม่เกิน 2 ฟุตคือสายน้ำขุ่นคลั่กน่าสยองใจ บนฟ้าก็เป็นเมฆดำที่บัดเดี๋ยวก็โปรยละอองฝนมา บัดเดี๋ยวก็หุบครึ้มข่มขวัญอยู่อย่างนั้น ใจลอยเมื่อไรมีหวังแผลโดนน้ำเมื่อนั้น
แม่น้ำสาละวินมีบุคลิกของลำธารน้ำป่าสายยักษ์ สีน้ำตาลขุ่นแดงแบบเดียวกับน้ำป่าที่พัดถล่มแคมป์กลางดึกใน "เพชรพระอุมา" (ซึ่งพระเอกกับนางเอกต้องจับพลัดจับผลูไปรอดชีวิตหลงป่าด้วยกันสองต่อสองทุกทีสิน่า น่าอิจฉาทั้งคู่) เรือของเราแล่นตะบึงน้ำบาน สวนกับฝอยกระเซ็นที่สาดชุ่มไปทั้งลำเรือ รู้สึกมีละอองฝุ่นซัดใส่หน้าตลอดเวลาด้วย ไม่รู้มาจากน้ำหรืออากาศ ผิวน้ำก็ปั่นป่วนตลอดเวลา บางขณะก็แตกหมุนเป็นพรายขนาดกระด้ง ราวกับมีมังกรยักษ์ม้วนตัวอยู่ข้างใต้
ระหว่างแล่นเข้าหาสบเมย ขวามือของเราเป็นฝั่งพม่า ซ้ายมือฝั่งไทย "ไก่ เซียนตกน้ำ" เปรยขึ้นมาว่าป่าฝั่งพม่าแน่นทึบกว่าป่าไทยตามเคย
เมื่อลองจุ่มมือสัมผัสความขุ่นคลั่กข้างเรือ แทนที่มันจะอุ่นแบบโอวัลตินร้อนเหมือนสีที่เห็น กลับเย็นเฉียบอย่างน่าพิศวง ปกติลำห้วยตามป่าก็มักชุ่มเย็นกว่าคลองในเมืองอยู่แล้ว แต่แม่น้ำสาละวินมีอะไรมากกว่านั้น ชาติกำเนิดของมันมาจากภูเขาน้ำแข็งแถวทิเบตโน่น เชื่อหรือไม่ ตอนที่แม่น้ำสาละวินไหลอยู่แถบต้นน้ำในจีน มันใสแจ๋วเป็นสีฟ้าราวกับแม่น้ำตามป่าในยุโรป (แหะ แหะ เห็นจากรูปทั้งสองอย่างนั่นแหละ) แต่พอไหลลงใต้มาถึงป่าดงพงไพรของเอเชียอาคเนย์ มันก็กลายร่างเป็นน้ำป่ายักษ์ที่น่ากลัวกว่าน่ามอง
ได้อ่านคอลัมน์ของ อาจารย์วีรกร ตรีเศศ ในมติชนสุดสัปดาห์นี่เองเมื่อไม่กี่เล่มที่แล้ว เห็นเขียนว่าต้นน้ำสาละวินกำลังเผชิญวิกฤตเช่นเดียวกับแม่น้ำใหญ่ยักษ์อื่นๆ ที่มีชาติกำเนิดจากภูเขาน้ำแข็งโซนเดียวกัน จากปัญหาภูเขาน้ำแข็งกำลังละลายกลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็วผิดปกติ แถมฤดูที่มันละลายมากกว่าเพื่อนก็เป็นฤดูมรสุมตอนนี้นี่เอง กระแสน้ำที่ทะลักแรงจึงมีส่วนประกอบจากน้ำฝนในป่าและจากน้ำแข็งที่ละลายออกมาปนกัน มิน่ามันถึงเย็นเฉียบจนน่าประหลาดใจ
ใช้เวลาแค่ประมาณ 40 นาทีเราก็ถึงหมู่บ้านสบเมย สมัยเด็กๆ ผมคิดว่าจำไม่ผิด เคยอ่านคอลัมน์ท่องเที่ยวในนิตยสารสกุลไทย เขามาถ่ายรูปแนะนำสบเมยด้วย ตอนนี้มันไม่มีอะไรที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวจนนิดเดียว มีเหลือซากให้เห็นบ้างก็เป็นป้ายที่เหมือนปักไว้ให้ทัวริสต์มาถ่ายรูปด้วย เขียนไว้ว่า "สุดสาละวินถิ่นสบเมย" โดยมีฉากหลังเป็นแม่น้ำ 2 สายที่มาพบประสบกัน
สบเมยก็คือจุดที่แม่น้ำสาละวินไหลลงมาทางใต้ จนมาชนกับแม่น้ำเมยที่ไหลสวนขึ้นมา พอมันประสานงากัน สาละวินก็เลี้ยวหักศอกขวาหายเข้าไปในแผ่นดินพม่า ทำเลตรงนั้นจึงสุดยอด 2 อย่างในเวลาเดียวกัน คือวิวทิวทัศน์ของสองแม่น้ำอันงดงามชวนฝัน และก็น่าจะเป็น "หมายปลา" อันยอดเยี่ยมตามทฤษฎี
เราขนสัมภาระขึ้นบ้านร้างเหนือฝั่งแม่น้ำ ป๋องกับดีจัดการสตาร์ตเครื่องปั่นไฟ "มือถือ" เมื่อสิ้นแสง เสียงตึกๆ ของเครื่องปั่นไฟให้บรรยากาศราวกับไปค้างตามอุทยานเล็กๆ ที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง นอกจากนี้ เรายังมีมุ้งมากางพรั่งพร้อม เมื่ออิ่มมื้อค่ำก็ชวนกันไปลองเบ็ดที่ชายหาดข้างล่างโน่น เรายังไม่กล้าแตะต้องกระปุกเหยื่อหมักสูตรไร้หอมที่ซื้อมา ขอลองกับ "เทาะเกอและ" หรือไส้เดือนที่จ้างกะเหรี่ยงแถวนั้นขุดให้
แม้ผมจะตกปลาด้วยรอกและคันมาก่อนเพื่อน แต่ตอนนี้ล้าหลังตามใครไม่ทันแล้ว คนที่มีชั่วโมงบินมากกว่ากลับเป็น "ไก่ เซียนตกน้ำ" และ "ซี่ เซียนแอตแลนติก" ทั้งสองอัพเดตเกี่ยวกับอุปกรณ์ตกปลาใหม่ๆ ใส่สมอง และก็ซื้อเบ็ดสะสมไว้เพียบ อย่างเซียนซี่นั้นถึงขนาดอุทิศห้องในบ้านเป็นห้องเก็บเบ็ดกันเลยทีเดียว
ป๋องกับดีบอกว่าใครจะรู้แม่น้ำสาละวินลึกล้ำแค่ไหน ตรงตามที่เซียนไก่กับเซียนซี่สัมผัสได้ในพริบตาแรกที่ส่งเหยื่อลงน้ำไป น้ำทั้งลึกและแรง เป็นสถานการณ์การตกปลาที่ลำบาก แต่เซียนซี่ก็ไว้ลายดึงปลากดน้อยขึ้นมาได้ตัวหนึ่ง
ความที่บ้า "เล่นเบ็ด" ถึงพิกัด "ซี่ เซียนแอตแลนติก" แตกฉานในอุปกรณ์ตกปลาราวกับ รพินทร์ ไพรวัลย์ ที่เป็น "ไรเฟิลแมน" เห็นปืนล่าสัตว์อะไรก็ตาม สามารถพูดฉอดๆ ได้เลย ความเร็วต้นกี่ฟุตต่อวินาที แรงปะทะกี่ฟุตปอนด์ต่อตารางนิ้ว กระสุนหัวอ่อนหนักกี่เกรน หัวแข็งหนักกี่เกรน ตอนเด็กๆ อ่านแล้วผมแทบจะร้องโอ้โฮด้วยความทึ่ง แต่พอโตแล้วมาอ่านอีกความรู้สึกกลับแปรเปลี่ยน ตารพินทร์นี่บ๊องเอาเรื่องเหมือนกัน
เซียนซี่ก็เช่นกัน เก่งไม่แพ้ รพินทร์ ไพรวัลย์ ภาคตกปลา แค่ลองถามว่าเบ็ดที่ใช้ตกปลากดนั้นมีสเปคอย่างไร มันตอบฉาดฉาน
"รอกสปินนิ่งยี่ห้อ Silstar GXB 60 ตัวเรือนและหลอดเก็บสายทำด้วยกราไฟต์ Line Roller เป็นเซรามิก ขับระบบด้วยตลับลูกปืน หรือ Ball Bearing 1 ตลับ มีระบบ Bait Feeder ซึ่งจำลองมาจากระบบของรอกทรอลลิ่งสตาร์แดร็ก Gear Ratio 4 : 1 ใส่สาย 20 ปอนด์ยี่ห้อ Mustad รุ่น Pro Select ไว้ 200 หลา ส่วนคันเบ็ดเป็นของ Tournament Pan รุ่น G-series กราไฟต์ลายผ้าตาใหญ่ยาว 7 ฟุต น้ำหนักเหวี่ยง 60-120 กรัม แอ๊คชั่นเฮฟวี่
"อ้อ เกือบลืมไป" เซียนซี่หลับตานึกถึงรอกอีกหน "ถ้าจำไม่ผิด รอกผมมีส่วนประกอบของอะไหล่ 143 ชิ้น รวมส่วนที่เป็นตัวเรือนรอกด้วยนะ
เป็นของเมด อิน เกาหลี แต่ผมไม่รู้ว่าเหนือหรือใต้ !"


คำสำคัญ (Tags): #lockfinger
หมายเลขบันทึก: 107372เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2007 21:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 13:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท