ชมรมรักษ์สุขภาพตำบลนาชะอัง


สุขภาพดีไม่มีขาย

        จากการสำรวจสุขภาวะของประชาชนในตำบลนาชะอัง  พบว่าอัตราการเกิดโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ  12  ประชาชนมีการออกกำลังกายมีไม่ถึงร้อบละ 50 อาหารที่รับประทานเป็นอาหารทะเลซึ่งมีภาวะไขมันสูง  ทำให้ประชากรส่วนใหญ่อ้วนง่าย   ควบคุมนำหนักไม่ได้ อัตราการเกิดโรคยิ่งสูงขึ้นๆ

        การส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายในรูปแบบของการรวมกลุ่ม โดยจัดตั้งเป็นชมรมรักษ์สุขภาพขึ้น  เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน  เพราะนอกจากได้ออกกำลังกายแล้วยังได้เพื่อนเพิ่มขึ้น  สุขภาพจิตดีขึ้น  การทำงานของหัวและปอดดีขึ้น  ลดภาวะไขมันในหลอดเลือด  ไม่เสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต        ฉะนั้นถ้าจะกล่าวว่าสุขภาพดีไม่มีขายอยากได้เราต้องสร้างเอง  จึงเป็นคำที่น่าจะเป็นจริงได้โดยไม่อยากนัก

หมายเลขบันทึก: 183416เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2008 14:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 12:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

เป็นกำลังใจให้ครับ แวะมาทักทาย แล้วมาใหม่ก๊าบ

สวัสดีคะ ซำบายดีบ่ ข้าเจ้าเริ่มมึนแล้ว

ขอเป็นกำลังใจแด่...คนทำงานทุกคนนะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้ในการทำงานเพื่อจัดการกับสุขภาพให้สำเร็จนะค่ะ

สวัสดีครับ ผมดีใจมากที่ได้เห็นคุณอุบลรัตน์มาเขียนบล็อกที่ GotoKnow ครับ

ผมฝากดูแลคุณพ่อ (หมวดหนั่น) ด้วยครับ เขาไม่ได้เป็นเบาหวานและตกเย็นเขาปั่นจักรยานทุกวันครับ นับว่าเป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพดีคนหนึ่งครับ

สุขภาพดี ต้องทำเองจริงๆค่ะ...

  • มาเยี่ยมครับผม
  • ชื่นชมกิจกรรมดีๆ
  • ผมเชื่ออย่างที่ชาวนาชะอังเชื่อครับ
    ลองแวะไปเยี่ยมผมที่ 
    วิ่ง... เพื่อ... สุขภาพ  นะครับ
  • ขอบคุณครับ

เป็นกำลังใจในการทำงานนะครับผม

คุณอุบลรัตน์ครับ

อยากให้เล่าคนที่เปลี่ยนวิถีชีวิต หรือลีลาชีวิต (lifestyle) แล้วสุขภาพดีขึ้น เล่าว่าเดิมเป็นอย่างไร เปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างไร เกิดผลอย่างไร เล่าเป็นรายคน ให้เห็นตัคน จิตใจคน วิญญาณของคนที่เอาใจใส่สุขภาวะของตนเอง

วิจารณ์ พานิช

คนท่ายาง ชุมพร

สวัสดีครับ คุณอุบล

  • เป็นความเข้มแข็งของชาวชุมพรจริง ๆ โดยเฉพาะทีมงานสุขภาพของ ตำบลนาชะอัง..ขอชื่นชมจริงๆ ครับ
  • อยากรู้เหมือนกันว่า หลังจากชมรมสุขภาพทำงานเดินหน้าอย่างจริงจังแล้ว  เฉพาะตำบลนาชะอัง  1) ปี 2550-52 อัตราการเกิดโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นหรือไม่ 2) ประชาชนมีการออกกำลังกายเกินร้อยละ 50 หรือไม่  3) พฤติกรรมการบริโภคอาหาร ดีขึ้นหรือไม่ และ 4) ภาวะสุขภาพ สถิติการเจ็บป่วย มีแนวโน้มดีขึ้นหรือไม่
  • สิ้นปี 51 และ 52 ลองชวนสมาชิกชมรม สำรวจปีละครั้งจะดีไหมครับ
  • ผมอยากได้ตำบลตัวอย่างแบบนี้ ไปยกตัวอย่างให้ตำบลอื่น ๆ ฟังนะครับ

ขอชื่นชมกิจกรรมดีๆ ของ สอ.นาชะอัง ผู้ปฏิบัติงานเข้มแข็ง บริการดี และเต็มใจให้บริการ...เสนอให้หน่วยเหนือช่วยจัดสรรงบประมาณ ค่านำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่น ให้กับ จนท.ในเวลาที่ออกปฏิบัติงาน/พื้นที่ หน่อยเถอะ ภาวะเศรฐกิจแบบนี้ จนท.แย่แน่..เพราะให้แต่รถ แต่ ไม่ให้นำมัน แล้วรถจะวิ่งได้อย่างไร (เห็นใจ)

ฝากข่าว...บอกคุณ หมอนุ้ย(ฉลาด) แวะเวียน ไปแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ที่ค่ายมวย ส.เห่าดงบ้าง...ชาวเห่าดงยินดีต้อนรับ..ทุกเวลา

ผมมีปัญหา อยากถาม คุณหมอฉลาด(นุ้ย)ว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้ผมขี้หลงขี้ลืม เครียด เรื่องเล็กน้อยก็เก็บมาคิดเป็นเรื่องใหญ่ ป้ำๆ เป๋อๆ เวลาที่ใคร พูดวิทยุไม่ถูกใจ อารมย์จะหุนหัน ไม่ทราบผมจะต้องกินยาอะไรครับ

สงสัย ดาบใหญ่จะต้องไปหายาที่ รพ.หลังคาแดงกิน ขอแนะนำ...

สวัสดี ปี ใหม่ 2552

ขอ ให้ ทุก ท่าน มี ความ สุข ความ เจริญ

คิด อะไร ขอ ให้ สม ปรารถนา

สุขภาพ ร่างกาย แข็งแรง ปราศจาก โรคภัย ไข้เจ็บ

  • แวะเวียนมาให้กำลังใจ
  • สวัสดีปีใหม่  ปีนี้จะต้องออกกำลังจริงจังเสียทีค่ะ

               สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขตลอดปี ๒๕๕๒ ...สุวิมล กาญจนะโกมล

สวัสดีค่ะ

แวะมาเยี่ยมชมค่ะ

ขอบคุณนะคะ

หลับฝันดีค่ะ

ชมรมรักษ์สุขภาพตำบลนาชะอัง ดีจัง ยินดีด้วยค่ะ

อาหารเช้า

อาหาร เป็นสิ่งที่เมื่อนำเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกาย อาหารมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย ในแต่ละวันเราต้องนำพลังงานและสารอาหารต่างๆ ที่ได้จากการทานอาหารไปใช้ในกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย และการดำเนินกิจกรรมประจำวันของเรา

อาหารในแต่ละมื้อมีความสำคัญต่อเราทั้งสิ้น การทานอาหารที่แบ่งออกเป็น 3 มื้อนั้น เกิดขึ้นจากขนบธรรมเนียมและความเคยชินในการการทานอาหารของมนุษย์ ดังนั้นหากเราเคยทานอาหารที่เวลาใดเป็นประจำก็ตาม เราก็จะเกิดความรู้สึกหิวตามเวลานั้นๆ ในทุกๆ วัน ซึ่งการแบ่งการทานอาหารออกเป็น 3 มื้อนั้น เป็นการจัดแบ่งที่เหมาะสมสำหรับการตอบสนองความต้องการของร่างกาย

แต่อาหารมื้อที่มีความสำคัญที่สุดและมักถูกมองข้ามไป ก็คือ อาหารมื้อเช้า ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไปของแต่ละบุคคล บางคนอาจต้องเร่งรีบไปทำงาน บางคนอาจจะคิดว่าไม่รู้สึกหิว ไม่จำเป็นต้องทานก็ยังทำงานได้ หรือบางคนอาจอยู่ในช่วงของ การลดน้ำหนักจึงคิดอดอาหารเช้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อร่างกายกายไม่มีพลังงานจาก อาหารเช้าเพื่อนำไปใช้ ร่างกายจะดึงสารอาหาร จากอวัยวะส่วนอื่นออกมา แต่ไม่ใช่สารอาหารจำพวกไขมันหรือส่วนเกินต่างๆ อย่างที่เราคิด แต่กลับทำให้ร่างกายเกิดกระบวนการสร้างกรดชนิดหนึ่งออกมา ซึ่งการที่เราคิดว่าแม้ไม่ทานอาหารเช้าก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากร่างกายได้นำเอากรดที่เกิดขึ้นมาใช้แทนพลังงานทุกวัน เราจึงทำงานอยู่ได้โดยใช้กรดแทนพลังงาน เมื่อร่างกายของเราต้องผลิตกรดออกมาบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายเสียสมดุลของสารเคมีภายในร่างกาย เกิดสารอนุมูลอิสระซึ่งเปรียบเสมือนกับสารพิษมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นโรคต่างๆ ก็จะตามมาหลายชนิด

นอกจากนั้นการขาดการทานอาหารเช้า อาจจะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์เสียง่าย ยิ่งเมื่อถึงเวลาใกล้เที่ยงจะเกิดอาการโมโหหิวได้ง่าย เพราะอาหารเช้ามีผลต่อการทำงานของสมอง ตามที่กล่าวมาข้างต้น หากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารจากอาหารเช้า ร่างกายจะดึงสารอาหารจากอวัยวะส่วนอื่นออกมา  ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งก็คือ สมอง ร่างกายจะดึงสารอาหารที่ใช้ในการทำงานของสมองมาใช้ในการทำงานของร่างกายแทน ทำให้สมองขาดสารอาหารที่จะนำไปใช้ในการทำงาน จึงเกิดผลกระทบกับสมอง อาจกลายเป็นคนสมองเลอะเลือน เป็นคนขี้หลงขี้ลืม หรือความจำเสื่อมเมื่อแก่ตัวลง และอวัยวะอีกส่วนหนึ่งที่จะถูกดึงสารอาหารออกไปก็คือ ตับ ตับจะถูกดึงสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตออกไป เพื่อไปใช้ในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดที่ต่ำ เนื่องจากการไม่ทานอาหารเช้า

จากผลงานการวิจัยหลายเรื่องทำให้กล่าวได้ว่า การทานอาหารเช้าที่มีคุณค่า มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น คนที่ทานอาหารเช้าจะมีพลังงานในการทำงานได้นานกว่า และมีความอ่อนล้าในช่วงกลางวันน้อยกว่าคนที่เริ่มอาหารเช้า ด้วยการดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียว ถ้าเราปล่อยให้ร่างกายคอยนานเกินไปกว่าจะได้รับอาหารมื้อแรกของวัน ระบบการย่อยอาหารก็จะมีความเฉื่อยชาในการทำงาน การใช้วิธีการอดอาหารเช้า เพื่อลดน้ำหนักนั้นเป็นความคิดที่ผิด เพราะอาหารเช้ามีส่วนเชื่อมโยงทำให้มวลกายต่ำ (หรือน้ำหนักลด) ลงกว่าเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่อดอาหารเช้า อาหารเช้ายังเป็นหนึ่งในหลายยุทธศาสตร์ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยควบคุมการลดน้ำหนักได้ในระยะยาว อาจเป็นเพราะการทานอาหารเช้าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณการทานอาหาร ว่าง อีกทั้งอาหารเช้าสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเป็นโรคอ้วนลงพุงและภาวะตอบสนองต่ออินซูลินลดลง นอกจากนั้นงานวิจัยชิ้นหนึ่งยังพบว่า เด็กที่ทานอาหารเช้ามีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า ให้ความร่วมมือดีกว่า และมีสมาธิในการเรียนดีกว่าเด็กที่ไม่ได้ทานอาหารเช้า อาจกล่าวได้ว่า การทานอาหารเช้ามีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็ก

จะเห็นได้ว่าอาหารเช้านั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกายของเรา ดังนั้นเราจึงควรทานอาหารเช้าที่มีคุณค่าทุกวัน สำหรับคนที่ไม่มีเวลาสำหรับทำอาหารในตอนเช้า อาจจะซื้อของสดสำเร็จรูปมาเก็บไว้ในตู้เย็นไว้ก่อนเพื่อทานในตอนเช้า และสำหรับคนที่เร่งรีบจริงๆ อาจซื้ออาหารกึ่งสำเร็จรูปพกติดกระเป๋าไว้ อาจจะเป็นโจ๊ก หรือซุป ที่สามารถเทใส่ถ้วย เติมน้ำร้อน ก็สามารถทานได้เลย และที่สำคัญไม่ควรทานอาหารซ้ำกันบ่อยๆ เช่น อาหารจานเดียว เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นั้นที่สุด แต่ต้องมีสัดส่วนกับปริมาณที่เหมาะสมและมีความหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์มากที่สุดจากอาหารแต่ละมื้อ โดยเฉพาะมื้อสำคัญอย่างมื้อเช้า ส่วนช่วงเวลาที่ควรทานอาหารเช้าคือ ช่วงเวลาระหว่าง 07.00 – 09.00 น. เพราะเป็นช่วงการทำงานของกระเพาะอาหาร จะทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง และระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

รัตนบำบัด   Multi-therapy  

รัตนบำบัด  Multi-therapy  เป็นการรวบรวมวิธีการบำบัดอาการเจ็บป่วยของร่างกายทั้งภายนอกและภายใน ทั้งศาสตร์ของไทย และ เทศ  เพื่อให้ได้ผลในการบำบัดสูงสุด  อาทิเช่น  

  1. การใช้เพนดูลั่มพยากรณ์ (Pendulum)  

  2. ธรรมชาติบำบัด  พลังบำบัด วจีบำบัด  

  3. การสั่งจิตบำบัด หรือ โปรแกรมจิตใต้สำนึก (Hypnotherapy)  

  4. การนวดปรับสมดุลร่างกาย  การนวดปรับสมดุลกระดูกสันหลัง (Chiropractic)  

  5. การครอบแก้ว (Cupping)  การขูดพิษ หรือ กัวซา  เป็นต้น

รัตนบำบัด  Multi-therapy  เป็นวิธีบำบัดที่ค้นหาตันเหตุของการเจ็บป่วย  แล้วทำการบำบัดอวัยวะส่วนที่มีปัญหา  บกพร่อง  ผิดปกติ  หรือไม่สมบูรณ์  ตามหลักแพทย์แผนไทย  ด้วยวิธีค้นหาสมมติฐานของอาการทั้ง ๔ คือ 

    1. กรรม 

    2. จิต 

    3. อุตุ (อากาศ)

    4. อาหาร

โดยหลีกเลี่ยงการใช้ยาแผนปัจจุบัน  ที่มีผลข้างเคียงมาก  แต่ใช้อาหาร  พืช  ผัก  ผลไม้  สมุนไพรอาหาร  เป็นการบำบัด บำรุงอวัยวะส่วนที่มีปัญหานั้นๆ  และร่างกายโดยรวม  ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยมาก  ถึงไม่มีเลย  ทำให้ง่ายต่อดูแล  ประหยัด และปลอดภัย  สามารถทำเองได้  ดูแลตนเองได้ในเบื้องต้น  เพียงศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไม่มากนัก

รัตนบำบัด  Multi-therapy  เกิดขึ้นจากความรัก  ความห่วงใย  ความใส่ใจ  ความปรารถนาดีที่อยากให้พี่น้องคนไทยมีสุขภาพดีขึ้นโดยไม่พึ่งยา  ถ้าไม่จำเป็น  รู้จักการดูแลตนเองเมื่อมีเริ่มอาการเจ็บป่วย  รู้ทันโรคภัยไข้เจ็บ  บำรุงร่างกายด้วยวิถีธรรมชาติอย่างไทย  บำบัดอาการที่ต้นเหตุของอาการ  ไร้ผลข้างเคียงของการใช้สารเคมีสังเคราะห์  ฉลาดกิน  ฉลาดใช้   ฉลาดเลือก 

รัตนบำบัด  Multi-therapy   คือวิถีการดำเนินชีวิตแบบโบราณ เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน เป็นความรู้มาแต่โบราณของภาคพื้นตะวันออก  แต่ถูกหลงลืม  ถูกละเลย  ถูกดูแคลน  และถูกกลืนหายไปกับอารยธรรมตะวันตก กับความเจริญทางการแพทย์แผนตะวันตก  กับความเจริญทางด้านวัตถุ  จนทำให้การดำเนินชีวิตของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  ผลลัพธ์ก็คือ  ชีวิตของเรายุ่งยาก วุ่นวายมากขึ้น  สุขภาพร่างกายของเราอ่อนแอลง  สภาพสังคมเลว

ร้ายลงอย่างรุนแรง และมิได้ถูกแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะกลับมาสู่วิถีไทย  กลับมาดำเนินชีวิตแบบไทย  ที่ทำให้ชีวิตของเราสงบ  เรียบง่าย  สุขภาพดี แข็งแรง  สภาพสังคมที่มีความสุข  มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เหมือนสมัยปู่  ย่า  ตา ยายของเรา

 

บริการ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ การดูแล รักษา บำบัดสุขภาพกาย สุขภาพจิต ด้วย รัตนบำบัด ได้ที่

นาย ประสงค์  ศิริมิตรตระกูล  (นายซ้ง)         โทร. 080-9098100

กรุณาติดตามผลงาน ได้ที่

http://www.youtube.com/user/htxong

http://forums.212cafe.com/xong101

ยินดีรับใช้ทุกท่านครับ

อุบลรัตน์ กลิ่นโลกัย

ขอบคุณค่ะ สำหรับอาหารเช้าและรัตนบำบัด

มีประโยชน์จริงๆ

ดูแลตัวเองมาตลอดค่ะ  ดีเยี่ยมจริงๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท