ลงเรือใบ..ลากหอยนางรม..เที่ยวอ่าว Chesapeake Bay


ทาง Fulbritght Enrichment Program ได้จัดโครงการนำชาว Fulbrighter ทั้งหลายไปลงเรือใบเก่าอายุนับร้อยปี เที่ยวอ่าว Chesapeake

Annapolis นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญเพราะเป็นท่าออกสู่ Chesapeake Bay แล้ว ยังเป็นเมืองหลวงรัฐแมรี่แลนด์ เป็นเมืองของโรงเรียนนายเรือ อีกด้วย (จริงๆ แล้วยังมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์อเมริกัน และเรื่องทาสด้วย แต่ยังไม่มีเวลาค้นมาเขียนค่ะ ^ ^)

เมื่อวาน (เสาร์ ๑๐ พฤษภาคม) ทาง Fulbritght Enrichment Program ได้จัดโครงการนำชาว Fulbrighter ทั้งหลายไปลงเรือใบเก่าอายุนับร้อยปี เที่ยวอ่าว Chesapeake โดยเดินทางไปลงเรือใบ Stanley Norman ของ Chesapeake Bay Foundation ที่ Annapolis City Dock

เราออกเดินทางโดยเรือใบลำดังกล่าวตั้งแต่ ๙ โมงเช้า ทั้งๆ ที่มีฝนตกและอากาศเย็น (ประมาณ 12c) แต่คลื่นลมไม่มากนัก เพราะเราได้ sail โดยใช้ใบจริงๆ ประมาณชั่วโมงเดียวเท่านั้น ที่เหลือเขาใช้เรือเล็กติดมอเตอร์เป็นเรือขับเ้จ้าเรือใบลำนี้

จุดมุ่งหมายของการเดินทางคือไปยังร้านอาหารของชาวประมงในพื้นที่ เพื่อทานอาหารกลางวัน พอเสร็จก็ไปดูการสาธิตการลากหอยนางรมจาก oyster reefs ในบริเวณอ่าว

ตอนบ่ายฝนหยุด แดดออก อากาศอุ่นขึ้น นับเป็นบรรยากาศที่ดีมากสำหรับการล่องเรือในอ่าวทีเดียว เชิญติดตามชมภาพค่ะ

ภาพตอนขาออก ถ่ายจากเรือ บรรยากาศมืดครึ่ม ฝนตกปรอยๆ ตลอดเวลา หนาวมากค่ะ ลืมบอกว่าเรือไม่มีหลังคานะคะ ทุกคนใส่อุปกรณ์กันฝนที่เตรียมมากัน แล้วก็ใช้ร่มไม่ได้ด้วยค่ะ ตัวเองโชคดีได้เสื้อผ้าใบกันฝนของที่เรือมาใช้ ไม่งั้นเป็นหวัดแน่ๆ ค่ะ

เห็นเรือใบที่จอดอยู่มากมาย

อพาร์ทเมนต์ริมน้ำ

ตัวโรงเรียนนายเรือ มีพื้นที่ค่อนข้างมาก มีพิพิธภัณฑ์ด้วย อยู่ริมน้ำอีกต่างหาก ใหญ่โตอลังการมากค่ะ ตอนแรกนึกว่าเป็น exhibition hall

เขาแข่งเรือใบกันอยู่แถวๆ Bay Bridge ขนาดอากาศไม่ดี ฝนตกหนาวมาก แต่ก็คงสนุกกันแหละค่ะ  ^ ^

ออกมาอีกหน่อย ถึงที่จอดเรือหัดขับสำหรับโรงเรียนนายเรือ เขากำลังเอาเรือออกมาฝึกกันพอดี

ภาพอาสาสมัคร Fulbrigther ยืนเรียงแถว กำลังจะชักใบเรือหลักขึ้นสู่เสาค่ะ หนักมาก เขามี ฮุยเลฮุยกันด้วยค่ะ

รังนกเหยี่ยว Osprey เห็นตัวผู้เกาะอยู่ ตัวเมียอยู่ในรัง กกไข่ มองไม่เห็นค่ะ

ข้างหลังเรือใบที่เห็นคือสะพานข้ามอ่าว ชื่อ Bay Bridge ยาว 4 ไมล์

มาถึงร้านอาหารในแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่งที่ไหลลงอ่าวราวๆ ๑๑ โมงนิดๆ ช่วยกันเก็บใบเรือเรียบร้อย ตอนนี้ท้องฟ้าแจ่มใสขึ้นบ้างแล้วค่ะ

Blue Crab ที่มีชื่อเสียงและเป็นปูน้ำจืดในอ่าวนี้ ฤดูนี้เป็นฤดูปูพอดี เ้จ้าของร้านอาหารมี license ในการจับปู และทำการจับปูมาขายในร้านเอง การจับปูเขาใช้กระชังเอาเหยื่อใส่ไว้ข้างในให้ปูติดกับ หย่อนกระชังไว้ที่ก้นอ่าวโดยจะมีทุ่นลอยบนผิวน้ำให้รู้ว่ากระชังอยู่ตรงไหนและเป็นของชาวประมงรายใด

เป็ดน้อยแถวๆ ท่าเรืองที่ภัตตาคาร ไม่รู้แม่ไปไหนเหมือนกัน

นก Blue Herren เป็นนกท้องถิ่น ยืนเด่นเป็นสง่าและนิ่งราวกับ stuffed ไว้ทีเดียว แถวอ่าวนี้มีนกมากจริงๆ ทั้งเหยี่ยว ทั้งเป็ด ทั้งนกตัวเล็กตัวน้อย บ้านแถวๆ นี้ก็สวยๆ ทั้งนั้น บ้านที่เห็นในภาพนี้ยังเป็นแบบธรรมดาๆ มีแบบอลังการกว่านี้อีกมาก

ตอนบ่ายไปลากหอยนางรมสาธิตบริเวณที่เป็นภูเขาประการัง (reef) ใต้น้ำที่มีหอยนางรมอยู่มาก รูปบนกับล่างนี้ทางต้นหนเรือเขาแสดงให้ดูว่าหอยนางรมเป็นตัวทำความสะอาด(โดยการกิน) algea วัชพืชที่ทำให้น้ำดูสกปรกเป็นอย่างดี เขาเอาหอยนางรมเป็นๆ ใส่ไว้ตั้งแต่ออกเรือในถังใบหนึ่ง อีกใบหนึ่งไม่ใส่ ผ่านไปสัก ๓ ชั่วโมงมาดูพบว่าน้ำในถังที่มีหอยนางรมใสสะอาดกว่าอีกถังหนึ่งมากๆ

เปลือกหอยนางรมเก่าๆ ที่เขาลากขึ้นมาเมื่อวาน จะเอาไปเทคืนที่บริเวณที่หอยนางรมอาศัยอยู่เยอะ จะได้เป็นแนวปะการังให้รุ่นใหม่อาศัยอยู่ได้

อุปกรณ์ลากหอยนางรมจากพืื้นใต้น้ำขนาดเล็ก มีลักษณะเป็น Dredger คล้ายๆ คราด

กำลังสาธิตการลากกันอยู่

ลากขึ้นมาแล้วได้ผลเป็นแบบนี้

ในกองที่เอาชึ้นมาที่เห็น มีแค่ 9 อันที่เป็นหอยเป็น ที่เหลือเป็นเปลือกเก่า หรือไม่ได้ขนาด ถ้าได้ขนาดต้องใหญ่เกิน 3" (ไม้วัดอยู่ตรงปลายเท้า มีสองขนาดคือ 3" ช่องเล็กสำหรับหอยนางรม แต่ 4" สำหรับ Blue crab ถ้าเล็กกว่านี้ต้องโยนคืนหมด)

  

สาธิตการเปิดหอยนางรมสดๆ ให้ดู ห้ามกินเพราะผิดกฎ เพื่อการศึกษาเท่านั้น (ต้นหนบอกว่ากินสดๆ ได้เลย) ลืมเล่าให้ฟังว่าฤดูล่าหอยนางรมเป็นฤดูหนาวเท่านั้นค่ะ ตอนนี้ไม่ใช่ season แต่สามารถหาหอยนางรมจากที่อื่นกินได้เสมอ (ในที่ๆ เย็นกว่านี้)

โรงเรียนนายเรือ ตอนขากลับเข้าท่า

เข้ามาบริเวณท่าเรือแล้ว

เป็ดที่ท่าเรือ

เสาผูกเรือ

บริเวณท่าเรือ ไม่ใหญ่โตมากนัก แต่จอดเรือยาว 65 ฟุตได้อย่างสบายๆ (กัปตันเก่ง กลับเรือในที่แคบๆ แบบนี้ได้)

กลับมาถึงท่าเรือประมาณบ่ายสามโมง ตอนนี้คนเดินเที่ยวตรง downtown เต็มไปหมดแล้ว เพราะเป็นบ่ายวันเสาร์ อากาศกำลังสบาย คงซัก 20c ได้ หวังว่าคงได้ไปเที่ยวด้วยกันผ่านบล๊อกสนุกดีนะคะ ^ ^

หมายเลขบันทึก: 181862เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2008 06:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 16:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะอ.ตุ๋ย

แวะมาตามอนุทินเลยได้สนุกไปด้วย เสียดาย ฟ้าน่าจะเปิดกว่านี้สงสัยจะหนาวน่าดู แต่ดีที่ลมไม่แรงมาก จะยิ่งหนาว ติดใจตรงที่บอกว่าดู ห้ามกินหอยเพราะผิดกฏเพื่อศึกษาเท่านั้น ขำดีแล้วเค๊าเอาไปทิ้งที่ไหนคะ หลังเปิดให้ดูแล้ว เสียดายเนอะไม่ได้ชิมสดๆ ดูเฉยๆ เห็นปูแล้วคิดถึงปูม้ามากๆ ของโปรด ว่าจะถามน้องตุ๋ยว่า เค๊าเรียกเบย์นี้ อ่านว่ายังไงคะ

สวัสดีค่ะพี่อุ๊ ^ ^

ชื่ออ่าวออกเสียงว่า เชส สะ พีค เบย์ ค่ะ

ต้นหนเล่าให้ฟังว่า (ต้นหนต้องมี license และเรียนเรื่อง ecology ของสัตว์ต่างๆ ใน Bay ด้วย) เขาสามารถลากหอยนางรมมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวดูเพื่อการศึกษาได้ แต่ต้องคืนลงที่เดิมทั้งหมด ห้ามกิน (ไม่งั้นคงกินกันทั้งเรือทุกคน คนละหนึ่งเป็นอย่างน้อย อิอิ) เพราะตอนนี้เหลือน้อยมาก แต่ก่อน(หลายสิบปีก่อนโน้น) เขาสามารถลากหาหอยนางรมได้ประมาณ 400 bushell (ตะกร้าไม้ที่ใส่เปลือกหอยในรูป) ต่อวันทีเดียว เดี๋ยวนี้ลากจน Reefs แบนแต๊ดแต๋ ก็เลยจำกัดให้จับได้วันหนึ่งไม่เกิน 15 bushell เท่านั้น

ส่วนเจ้าตัวที่โชคร้ายถูกเปิดขึ้นมาบนเรือวันนั้น เขาต้องทิ้งคืนอยู่ดีค่ะ เขาบอกว่าที่ทิ้งไปยังไปเป็นอาหารสัตว์น้ำอื่นๆ ได้ หรือยังอยู่ใน ecosystem ของอ่าวนั่นเองค่ะ

ชอบดู Blue crab และ Blue Herren ครับ ทำไมนกตัวใหญ่จัง ครั้งแรกนกว่านกกระยางหรือนกกาน้ำครับ สังเกตว่าบ้านเขาค่อนข้างมีระเบียบถ้าขนาดเล็กก็โยนลงเรือบ้านเราจับหมดทั้งเล็กใหญ่ เลยทำให้บางอย่างสูญพันธุ์ ถ้าบ้านเมีกฎหมายแบบนี้บ้างก็ดี เพราะบางพื้นที่แถวบ้านเรากินลูกกบ เลยไม่ค่อยมีแม่กบแล้ว ท่าทางจะสูญพันธุ์ไปจากท้องนา ขอบคุณครับ รออ่านอีกครับ...

สวัสดีค่ะอ.ขจิต

Blue crab ยังเฉยๆ ค่ะ เพราะก็ปู แต่สีฟ้าเท่านั้นเอง อิอิ

ส่วนเจ้า Blue Herren นั้น ตัวนี้สียังไม่สดมาก (ต้นหนเขาว่ามา) ในช่วงบางฤดูกาลสีจะน้ำเงินเข้มกว่านี้ และบางครั้งปากเป็นสีส้มด้วย แต่ตัวนี้ตัวใหญ่มากค่ะ ยืนนิ่งมากๆ เลย

เรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบทุกคนเข้มงวดมากค่ะ อ่าว chesapeake ก็มีปัญหาเหมือนอ่าวทั่วๆ ไป คือมีน้ำที่เต็มไปด้วยไนเตรด (ผงซักฟอก) ไหลลงจากบ้านเรือนตามชายฝั่ง และไหลมาจากแม่น้ำที่ไหลลงอ่าวเป็นจำนวนมาก จนเกิด Dead Zone คือโซนที่ไม่มี oxygen ขึ้น และโดยรวม algea เพิ่มจำนวนมากขึ้นเนื่องจากชอบ nitrate และหอยนางรมที่กิน algea ก็โดนจับไปกินมากๆๆๆๆ ทำให้น้ำขุ่นเต็มไปด้วย algea ทำให้ grass ใต้อ่าวที่เคยโตและเป็นที่อาศัยของกุ้งหอยปูปลาก็ตายไปด้วย... สรุปแล้วทุกอย่างแย่ลงเพราะมนุษย์นี่แหละค่ะ แต่ของเขายังอุดมสมบูรณ์กว่าทะเล/อ่าวไทยบ้านเรามากๆ นัก...

เขาช่วยกันดูแล มีมูลนิธิ ชาวบ้าน ชาวประมง ก็ช่วยกัน.. ดีที่เขารู้จักรักและดูแลบ้านเขานะ ของบ้านเราก็...ใช้อย่างเดียว หมดเป็นหมด...

สวัสดีค่ะ น้องตุ๋ย

  • เห็นแล้วน่าสนุกจริงๆนะคะ
  • พี่ติ๋วเห็นแต่ร่องรอยของหอยนางรมที่ถูกเคาะเอาเนื้อไปแล้วค่ะ
  • ภาพสวยมากเลย
  • น้องตุ๋ยสบายดีนะคะ
  • คิดถึงเสมอค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ติ๋ว

ทั้งสนุกทั้งหนาวค่ะ ตอนบ่ายค่อยยังชั่วหน่อย มีแดดบ้าง ^ ^

งานชาวประมงหนัก แต่ก็ดีกว่าบ้านเราค่ะ

แถวอ่าวที่ไปนี้คนรวยๆ อยู่เยอะ จะเห็นเรือใบหรือเรือสวยๆ พร้อมบ้านหลังงามริมน้ำเยอะมาก... แต่ดูแล้วบ้านว่างเปล่า บ้านหลังเบ้อเร่อ เจ้าของคงไม่มีเวลามาอยู่ทั้งปี เอาไว้พักผ่อนเสียมากกว่า

สู้บ้านแห่งความรักแบบไทยๆ ไม่ได้นะคะ อบอุ่นและเป็นครอบครัวกว่ากันเยอะเลยค่ะ ^ ^

บรรยากาศ ดีจังคะ น่าสนุกมากเลยนะคะ ไปเที่ยวแบบเรียนรู้ และรื่นรมย์ดีคะ

นกเห็นง่ายดีนะคะ แล้วเป็ด นี่ สีสวยจัง

สวัสดีค่ะพี่หน่อย ^ ^

ไปเที่ยวมาสนุกค่ะ ทั้งหนาวทั้งเปียกทั้งแสบตา ได้หลายบรรยากาศมากในหนึ่งวัน

ไปดูฝรั่งกินปูนึ่ง ที่ร้านอาหาร เขาจะปูโต๊ะด้วยกระดาษห่อของสีน้ำตาล แล้วแต่ละคนก็เอาปูมาวางข้างหน้าตัวเอง เอากระดาษกันเปื้อนผูกคอกันกระเด็น แล้วก็มีค้อนไม้ประจำตัวคนละอัน ดูแล้วก็ตลกดีค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมา เกรงใจเขา ^ ^

การได้นั่งเรือใบก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ค่ะ เวลาลมแรงก็จะฉิว เวลาไม่มีลมก็เือื่อยๆ ค่ะ.. แต่รู้ได้โดยตรงว่างานประมงเป็นงานหนักจริงๆ ค่ะ เวลาซื้ออาหารทะเลมาทานต้องขอบคุณชาวประมงจริงๆ

ธรรมชาติเขาเยอะ นกต่างๆ สีสวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ แถวบ้านที่อยู่ก็เยอะค่ะ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ สัตว์น้อยใหญ่ก็จะเยอะค่ะ ^ ^

กว่าจะฝ่าลมฝนมาเยี่ยมได้ก็ใช้เวลานะคะ

อายุยังน้อยๆลงเรือเจออากาศแบบนี้ยังพอสนุกออกค่ะ ดใจที่อาจารย์สนุกสนานและได้เรียนรู้หลายอย่างแล้วนำมาเล่าให้เราได้ทราบและชมภพแปลกตากัน

จาการที่หอยนางรมทำความสะอาดน้ำได้ดีทำให้คิดว่า สัตว์พวกหอยนี้คงสะสมสารพิษไว้มากหากอยู่ในแหล่งน้ำที่ไม่ค่อยสะอาดนะคะ พี่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายกับการทานหอยนางรมสดที่เมืองไทย ไปกันกับญาติกลุ่มใหญ่ที่ภัตตาคารในโรงแรมชั้นดีในกรุงเทพ ทุกคนทานหอยนางรมสดกันเกือบคนละสิบตัว พี่ไมชอบทานของสดแต่เห็นเขาทานกันน่าสนุกเลยลองทานสองคำ กลับถึงบ้านภายในแค่สองสามชั่วโมงอาเจียนจนต้องส่งโรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่เคยแม้แต่จะคิดลองของสดๆแบบดิบๆอีกเลยค่ะ

อาหารจากทะเลพวก กุ้ง หอย ปู ปลานี้คนฝรั่งเศสมีคำเรียกที่น่ารักมาก เขาเรียกรวมๆว่า Fruits de Mer หรือ Fruits of the Sea มีคนเล่าว่าเคยมีคนไทยไปอยู่ฝรั่งเศสใหม่ๆ ยังไม่ค่อยรู้ภาษาดีเท่าไหร่ นึกว่ารายการอาหารนี้เป็นผลไม้จากทะเล เลยสั่งมาตบท้ายมื้ออาหาร อิ อิ เลยต้องแทบท้องแตกเพาะได้อาหารทะเลรวมมิตรมาหนึ่งจาน

รู้สึกว่าฝรั่งใส่ใจในผลผลิตจากธรรมชาติ ให้ความสำคัญในการศึกษาเรียนรู้มากนะคะ ทำให้เขาเอาจริงในเรื่องของการรักษาทะเลให้สะอาด พี่รู้สึกสงสารแหล่งน้ำทั้งแม่น้ำ ลำธาร และทะเลของไทยมากค่ะ

 

สวัสดีค่ะพี่นุช

ได้ข่าวว่าเข้า gotoknow ยากมากใช่ไหมคะ เห็นแว๊บๆ ที่ไหนสักแห่ง

ไม่เป็นไรค่ะ มาเมื่อไหร่ก็ได้ อ่านเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ^ ^

แสดงว่าพี่ต้องแพ้อะไรบางอย่างในหอยนางรมแน่ๆ เลย

เท่าที่ฟังต้นหนบรรยายให้ฟังในวันนั้น เข้าใจว่าการมีสารพิษสะสมคงเป็นไปได้ และถ้าน้ำเป็นพิษมากๆ หอยนางรมก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกันค่ะ แต่การที่มันกินน้ำที่ดูขุ่นๆ ให้กลายเป็นน้ำใสได้นั้น เป็นเพราะสิ่งที่ขุ่นอยู่ในน้ำคือ algea (น่าจะเป็นตะไคร่น้ำ) ซึ่งมีจำนวนมากเนื่องจากพวกนี้ชอบสารที่อยู่ในผงซักฟอก

algea เป็นอะไรที่ break down ยาก (เห็นต้นหนบอกว่าองค์ประกอบทางเคมีมันเหนียวมาก) ดังนั้นการมีหอยนางรมเยอะๆ หอยนางรมจะทำหน้าที่กิน algea แล้วย่อย/ถ่ายกากออกมาเป็น solid waste ที่ไม่ฟุ้งกระจาย ทำให้น้ำใสขึ้นค่ะ

แต่เนื่องจากหอยนางรมถูก harvest ไปมากๆ ในช่วงหลายสิบปีก่อนหน้านี้ ประกอบกับผู้คนมาอาศัยอยู่มากขึ้นในอ่าว ทำให้เกิดภาวะน้ำขุ่นอย่่างที่เห็นค่ะ เขาก็เลยมีมูลนิธิมาดูแลอ่าวกันอย่างที่เห็นเนี่ยแหละค่ะ เขาทำได้ดีค่ะ ต้นหนบอกว่าออกเรือทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นการพานักเรียน grade school ไปจับหอยนางรม และให้การศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ในอ่าว เล่าถึงความสมดุลและ ecology ... เป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ เลยค่ะ แถมเด็กๆ คงไ้ด้หัดชักใบเรือใบขึ้นเสาด้วยค่ะ ^ ^ ได้ความรู้และสนุกทีเดียว

เรื่อง fruit of the seas นั้น เคยได้ยินในภาษาอังกฤษแล้ว แต่ตัวเองก็เข้าใจไม่ผิดว่าต้องเป็นอาหารทะเลแน่นอน 5555 สงสารคนสั่งผิดเหมือนกันนะคะ ^ ^ กินจนท้องแตกแน่ๆ ค่ะ

ขอบคุณพี่นุชที่แวะมา ลปรร ทั้งๆ ที่เข้ามายากนะคะ ^ ^

ลูกเคยพาพี่ไปเที่ยวที่ Annapolis แล้วค่ะ แต่ไม่ละเอียดแบบนี้ สวยมากค่ะ กินอาหารทะเลเสียเต็มที่เลยเหมือนกัน อิๆๆๆ

เช่ารถไว้แล้วค่ะ ว่ากำลังจะไปเที่ยว weekend นี้ ^ ^ แผนยังไม่ชัดเจน ก็คงล่องไปดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆ ค่ะ คงได้กินอาหารทะเลอีกรอบค่ะ ^ ^

  • แวะมาทานหอยนางรมค่ะ
  • อืมขอบีบมะนาวสักหน่อย ถ้าเป็นบ้านเราต้องขอใบกระถินด้วย
  • แต่ช่วงนี้หมอให้งดเพราะคลอเรสเตอรอลเกิน อิๆ

สวัสดีค่ะ

  • แวะมาทักทายและเที่ยวทางเว็บค่ะ
  • ชอบเป็ดค่ะ  สีสวย ค่ะ
  • ขอบคุณค่ะที่นำมาแบ่งปัน

สวัสดีค่ะอ.นารี

ยังไม่ได้กินสักกะตัวเลยค่ะ..ครั้งสุดท้ายที่กิน(ที่เมืองไทย เป็นปีแล้ว) มีครบแบบที่ว่า ทั้งกระถิน มะนาว กระเทียมเจียว และน้ำพริกเผา..ฮ่าๆ เน้นเครื่องเคียงค่ะ กินคำหนึ่งอิ่มไปเลย ^ ^

สวัสดีค่ะคุณกัญญา

ที่นี่เขาทำการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้น่าสนใจค่ะ คนอธิบายก็ความรู้เยอะดี ก็คงเหมือนบ้านเราที่พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ เสียแต่ว่าสิ่งแวดล้อมของเราถูกทำลายไปมากกว่าเขาเยอะ สัตว์เลยมีให้เห็นค่อยข้างน้อย ที่นี่เป็ดพันธ์นี้และพวกนกเยอะมากเลยค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ ^ ^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท