มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีบทบาทสำคัญในฐานะองค์กรทางพระพุทธศาสนา ที่ได้รับความเห็นชอบจากองค์การสหประชาชาติ รัฐบาลไทย และมหาเถรสมาคม ให้ดำเนินการจัดการประชุมสัมมนาทางวิชาการในระดับนานาชาติหลายครั้ง ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ นี้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและมหาเถรสมาคมให้เป็นศูนย์กลางติดต่อประสานงานและดำเนินการจัดกิจกรรมนานาชาติเนื่องในวันวิสาขบูชาโลก เรื่อง “การฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ของโลกตามทัศนะของชาวพุทธ” ซึ่งมีผู้แทนส่วนราชการและองค์กรเอกชนร่วมดำเนินการ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งในงานวิสาขะในครั้งนี้คาดว่าจะผู้นำทางวิชาการและผู้นำศาสนาจากนิกายทั่วโลก ประมาณ ๓,๕๐๐ รูป/คน จาก ๘๐ ประเทศมาร่วมจัดงานเฉลิมฉลอง และร่วมงานสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ
สืบเนื่องจากสถานการณ์โลกในปัจจุบันมนุษยชาติได้เผชิญกับวิกฤตการณ์หลายด้าน เช่น สิ่งแวดล้อม การศึกษา เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิกฤติการณ์ดังกล่าว เป็นที่ประจักษ์ว่า ประชาคมโลกได้ตระหนักรู้ และร่วมมือกันแสวงหาทางออกเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ และพบว่า วิกฤตการณ์บางอย่างได้ฟื้นตัวในทิศทางเชิงบวกมากยิ่งขึ้น จากสภาวการณ์ดังกล่าว คณะกรรมการจัดงานวิสาขบูชานานาชาติ จึงเห็นความสำคัญที่จะสัมมนาระดับนานาชาติ และพิจารณารับบทความทางวิชาการ ภายใต้หัวข้อหลัก (Main Theme) เรื่อง “การฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ของโลกตามทัศนะของชาวพุทธ” (Global Recovery: The Buddhist Perspective) ซึ่งจะสนับสนุนการศึกษาวิจัยรอบด้าน และรับข้อเสนอจากนักวิชาการทั่วไปที่เกี่ยวกับหัวข้อย่อย (Sub-Theme) ดังต่อไปนี้:
๑. การฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ของโลก โดยอาศัยการพัฒนาทางจิต
(Global Recovery through Mental Well-being)
๒. การฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ของโลก โดยอาศัยการศึกษาเชิงพุทธ
(Global Recovery through Buddhist Education)
๓. การฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ของโลก โดยอาศัยการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
(Global Recovery through Harmonious Co-existence)
๔. การฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ของโลก โดยอาศัยนิเวศวิทยาเชิงพุทธ
(Global Recovery through Buddhist Ecology)
๕. การฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ของโลก โดยอาศัยพระพุทธศาสนาเพื่อสังคม
(Global Recovery through Engaged Buddhism)
ในการจัดการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา ได้มีการประกาศเชิญชวนให้ผู้ทรงคุณวุฒิทั่วไปรวมทั้งคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นำเสนอบทความทางวิชาการในการประชุม อย่างไรก็ตามปรากฏว่ายังมีคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่เสนอบทความไม่มากนัก ดังนั้น เพื่อเป็นการสนองตอบต่อปรัชญาของมหาวิทยาลัย ในการเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนา บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ พัฒนาจิตใจและสังคม และเพื่อให้เป็นไปตามตัวชี้วัดในการประกันคุณภาพการศึกษา จึงสมควรจัดให้มีกระบวนการในการพัฒนาคณาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยให้สามารถเขียนบทความทางวิชาการที่มีคุณภาพ และนำเสนอบทความทางวิชาการในการประชุมทางวิชาการทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ จึงสมควรให้มีการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) แก่คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยขึ้นทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
นมัสการพระคุณเจ้า
จะเข้ามาอ่านอีกนะเจ้าคะ
เจริญพร ครูอ้อย
อนุโมทนาขอบใจมากที่กรุณาแวะมาให้กำลังใจ ปีใหม่ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง
นมัสการครับ
เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ จะพยายามฝึกเขียน ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่
ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำและเชิญชวนให้เขียนบความครับ
กราบขอบพระคุณมากครับ
ท่านดร. ฤทธิชัย
ไม่ต้องถ่อมต้วหรอก อาตมาเชื่อมืออาจารย์ว่าทำได้อยู่แล้ว จะรออ่านบทความของอาจารย์
นมัสการพระคุณเจ้า ธรรมหรรษา
ผมยินดีร่วมเป็นกรรมการอำนวยการครับ