"ความดีที่ได้รับการสั่นสะเทือน" ... ในความรู้สึกผม


วันพุธและพฤหัสบดีที่ผ่านมา (28 - 29 มกราคม 2552) ผมเดินทางไปแข่งกีฬาสัมพันธ์ที่จังหวัดนครสวรรค์ ในยามที่เป็นเทศกาศแห่สิงโตทองพอดี มีผู้คนมากมายในจังหวัดแห่งนี้ อากาศร้อนกว่าเชียงใหม่ จนรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังเดินทางมาจากอีกประเทศหนึ่งสู่อีกประเทศหนึ่ง

ผมเดินทางกลับมาอย่างสะบักสะบอมเมื่อคืน ถึงราว ๆ เกือบเที่ยงคืน ... เข้ามาเก็บของที่ห้องทำงานก่อน แล้วจึงเดินทางกลับบ้านอีกที ... บนโต๊ะ ผมพบหนังสือที่คุณเอก กัลยาณมิตรของผมที่ได้ส่งมาให้ผมได้อ่าน ผมรู้สึกยินดีมาก

วันนี้ผมเลือกนอนพักผ่อนเอาแรงให้เต็มทีก่อนเดินทางเข้ามาในเมืองเพื่อทำธุรกรรมการเงินที่มากกว่าคาดการณ์เอาไว้ ทำให้ผมซีเรียสพอสมควร

ผมเข้ามาถึงที่ทำงานยามบ่าย มีโน้ตเล็ก ๆ จากหัวหน้างานที่ผมเคารพว่า "วันอาทิตย์นี้ขอยกเลิกการสอนปริญญาโทที่ขอเวลาเอาไว้ มีปัญหาเนื่องจากนักศึกษา เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง"

ผมเองก็รู้สึกงง ๆ แต่พอคิดทบทวนได้ก็น่าจะมีสาเหตุจากหลาย ๆ อย่าง

หากเพื่อน ๆ และกัลยาณมิตรที่อ่านบันทึกส่วนตัวของผมอยู่เป็นประจำ สืบเนื่องจากการสอนเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา จากบันทึก : วันนี้..สอนนักศึกษาปริญญาโทแล้วรู้สึก "ผิดหวัง" อย่างแรง ...

เนื่องจากหัวหน้าสาขาวิชาผมติดภารกิจ ทำให้อาจารย์ได้ขอร้องให้ผมเข้าสอนแทนในหัวข้อที่กำหนดของนักศึกษาระดับปริญญาโท เอกบริหารการศึกษา ต่างสถาบัน

สักพักมานี้ ผมได้พบหัวหน้าสาขาวิชาฯ เรียบร้อยแล้ว อาจารย์ได้แจ้งสาเหตุการยกเลิกการสอนให้ฟังว่า

"...ผู้ประสานงานศูนย์เชียงใหม่ได้แจ้งให้อาจารย์ทราบว่า นักศึกษาไม่พอใจที่หัวหน้าสาขาวิชาของผมได้นำผู้สอนที่จบปริญญาโทมาสอนนักศึกษาปริญญาโท (ระดับเดียวกัน) มาสอน ... หากนำมาอีก นักศึกษาจะไม่ยอมเข้าเรียนอีก "

ซึ่งนั้นผมไม่ติดใจมากมาย เพราะทราบระเบียบและประเพณีปฎิบัติของทาง สกอ. อยู่แล้วว่า นั้นเป็นสาเหตุที่ไม่สมควรได้ อันเนื่องจากระดับปริญญาที่ใกล้เคียงหรือเท่ากันมากเกินไป อาจจะทำให้นักศึกษาไม่ได้รับความรู้มากเท่าที่ควร ... ผมยอมรับระเบียบที่ถือปฏิบัติ

แต่สาเหตุลึก ๆ ของการก่อหวอดของนักศึกษาปริญญาโท เอกบริหารการศึกษา เหล่านี้ คงไม่ใช่มาจากสาเหตุนี้เท่านั้นอย่างแน่นอน

สาเหตุที่สร้างความพอใจให้นักศึกษาเหล่านี้ลึก ๆ ก็คือ ... "การที่ผมไม่ยอมนักศึกษาเปิดหนังสือ ทำข้อสอบกลางภาค หากใครเปิดหนังสือ ผมถือว่า เป็นการทุจริตในการสอบ ผมจะส่งชื่อแจ้งยังอาจารย์ประจำวิชาทันที"

นี่ต่างหากสาเหตุหลัก ...

สถาบันไหนที่ยอมให้นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาเปิดหนังสือทำสอบกลางภาคบ้าง แจ้งให้ผมรับทราบได้ครับ เผื่อผมอาจจะเป็นครูที่อนุรักษ์นิยมเกินไป

แน่นอนว่า ผมรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก

ผมไม่คิดว่า การไม่ยอมให้เปิดหนังสือทำข้อสอบ เป็นความผิดของครูผู้สอน

การสอบ เป็นการต้องการการวัดความเข้าใจของผู้เรียนว่า ผู้เรียนความเข้าใจในเนื้อหาที่ผู้สอนสอนหรือไม่ ถ้าไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจตรงจุดใดบ้าง ผู้สอนจะได้เร่งพัฒนาความรู้ตรงจุดนั้นให้แก่ผู้เรียน

ตกลง สิ่งที่ผมได้กระทำไปคือ ความไม่ถูกต้อง ใช่ไหมครับนี่ ...

การปฏิบัติดีในความรู้สึกผม กำลังสั่นสะเทือน ... ผมมึนงงอย่างมากในภาพสะท้อนออกมาของนักศึกษาระดับปริญญาโท เอกบริหารการศึกษาเหล่านั้น ผู้เป็นผู้มีอิทธิพลในการขับเคลื่อนการศึกษาของโรงเรียนของพวกเขา

หากผมเป็นครูที่ไม่ดี หรือปฏิบัติผิดพลาดจริงดังกล่าวมานั้น

เพื่อน ๆ และกัลยาณมิตรทุกท่าน เขียนความคิดเห็นมาให้ผมได้ทราบอย่างตรงไปตรงมาได้เลยนะครับ

ขอบคุณมากครับ :)

หมายเลขบันทึก: 238605เขียนเมื่อ 30 มกราคม 2009 17:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (41)

กลับมาปุ๊บ ก็เจอเรื่องปั๊บ ต้องอย่างนี้สิ ครูวัดผู้แสน ...

ผู้เปิดเผย เปิดไพ่ เผยไต๋ ตรงไปตรงมา และตงฉิน

... อย่างอ. เสือเรา เหมาะสมแล้วค่ะ อย่าเพิ่งน้อยใจนะคะ

ว่าแล้ว ครูวัดยอมรีบกลับมา เพราะมีงานสอนตามสัญญา

แต่ ๕ ๕ ... งานเข้าๆ ปัญหา โอกาส มาให้คิด แก้อีกแล้ว

....

สาเหตุที่ท่านอ. มาบอกครูวัด สงสัยว่าทำไมไม่กล้าพูดความจริง

เพิ่งทราบนะคะว่า ครูจบป.โท มิสามารถสอน ป.โท ได้ ฮาดีแท้ :)

เพราะแท้ที่จริงแล้ว การเรียนระดับสูง คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ซึ่งกันและกัน การต่อยอด การค้นคว้า การปฏิบัติการ การฝึกฝน

แบบลงสนามจริง แบบเปิดใจ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ด้วยเหตุผล ? คะ

....

เอ รึปูเข้าใจผิด เรื่องการเรียนป.โท .. เพราะยังไม่เคยมีปสก.ค่ะ

ก็แสดงว่า นศ. เหล่านั้นเค้ามาแค่ ต้องการใบ ๆ อะรูมิไร้ ๑ ใบเท่านั้น

ถ้างั้น ก็ let them be ค่ะ ... กินทำใจ แล้วก็ฟังเพลง ปล่อย ... ค่ะ

....

พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ... สบายไม่ต้องไปสอนไงคะ ... ก็ครูปิดทองหลังพระ

อยู่แล้ว มิใช่ฤา ว่าแต่อ. เสือคุยตรงๆ กับท่าน หน.ไม่ได้เลยรึคะ :)

เอ ปูถามโง่ ๆ ไหมนิ ... หากเป็นปู เฮ้อ ๆ หนักใจแทนเลยนะคะเนี่ย

....

เอาเป็นว่า หาอะไร อร่อยๆ แถวหลังมอ เติมพลังก่อนดีกว่านะคะ :)

ทางเดินมีมากมาย ... หลากหลายปัญหาเข้ามา น่าท้าทาย ... สู้ ๆ ค่ะ

สวัสดีครับ หดหู่ ท้อแท้ หมดหวัง

  • สวัสดีครับ
  • ผิดหวังเช่นกัน ปัจจุบันไปยึดติดปริญญากันเกินไป
  • ขอบคุณ

การสอบแบบเปิดหนังสือดูได้ หรือที่เรียกว่า open book โดยส่วนตัวเห็นว่าสามารถทำได้ค่ะ แต่การออกข้อสอบต้องไม่ใช่เรื่องความจำ หรือท่องจำอย่างเดียว และหากนักศึกษาลอกในหนังสือหรือเลคเชอร์มาตอบ ก็ศูนย์ค่ะ

สมัยเรียนปริญญาตรี เคยสอบข้อสอบ open book ขอตอบเลยว่าหินสุดๆ ที่ช่วยเราได้ คือ เราไม่ต้องท่องจำคำในตัวบทกฎหมาย แต่เราต้องเข้าใจ และใช้เป็น ถ้าเราไม่เข้าใจและใช้ไม่เป็น หนังสือกี่เล่มๆ ที่หอบเข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย

อ้อ..ถ้าจะสอบแบบนี้ อาจารย์กับนักศึกษาต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

สวัสดีครับ คุณ poo :)

"แบบฝึกหัดชีวิต" เข้ามาพบปะผมเสมอแหละครับ อิ อิ

สิ่งที่ได้รับรู้มานั้น มาจากทางผู้ประสานงานศูนย์ฯ โทรมาแจ้งที่หัวหน้าสาขาวิชาน่ะครับ ... ผู้ประสานงานศูนย์ฯ คงไม่ทราบว่าจะใช้เหตุผลอะไรมาแจ้งให้ดูมีน้ำหนัก ครับ .. คงถือเป็นมารยาท ครับ

ใช่แล้วนะครับ ตามมารยาทปฏิบัติของ สกอ. ... ไม่นิยม แต่มีเหตุผลอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ การที่อาจารย์ผู้สอนท่านนั้นเป็น "ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะด้าน" จริง ๆ แบบนี้ยืดหยุ่นก็สามารถทำได้ครับ

"การศึกษาระดับสูง คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน"

ชอบนะครับ คุณ poo ... เรื่องนี้สำหรับผมแล้ว พึงสังวรณ์เสมอ ครับ ผมเชื่อว่า เราไม่ได้มีความรู้มากมายอะไรขนาดนั้น บางอย่างเราเองก็ไม่ทราบ หรือ ไม่ลึกซึ้ง การแลกเปลี่ยนจึงสามารถเกิดขึ้นได้ หากคาบนี้ตอบไม่ได้ คาบหน้า ผมจะหาคำตอบมาให้นักศึกษาทันที

นักศึกษาเค้าต้องการแค่นั้นจริง ๆ ครับ จากพฤติกรรมและความนึกคิดที่ผมได้มีโอกาสสัมผัส ... ใบกระดาษแผ่นเดียว

หูย ดีใจนะครับ คุณ poo ... ที่ไม่ได้ไปสอนน่ะ เพราะเสียความรู้สึกตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ... แถมครั้งนี้ พวกเราก็ตีรวนกันแบบนี้อีก ยิ่งไม่อยากให้อะไรกับพวกเขาอีกต่อไป เพราะเขาไม่อยากได้ความรู้และประสบการณ์ของเรา

สำหรับท่านหัวหน้าของผมนั้น ผมได้คุยให้อาจารย์ท่านฟังไปตั้งแต่สอนคราวที่แล้ว แล้วล่ะครับ ท่านอาจารย์ก็บอกผมเหมือนกันว่า ท่านเห็นตามที่ผมแจ้งให้ท่านทราบ พวกเขาได้ตั้งใจมาเรียนเท่าไหร่นัก

เติมพลังมาตะกี้ครับ "ข้าวราดผัดพริกแกงถั่วฝักยาว กะ ไข่ดาว"

ขอบคุณนะครับ

รู้สึกเช่นกันนะครับ ท่าน เบดูอิน :)

ขอบพระคุณ ท่าน ผอ.ศรีกมล มาก ๆ ครับ :)

ใบปริญญา = เงินทอง มั้งครับ สำหรับผู้ที่เค้าคิดกันแบบนี้

เก่ง ไม่ดี มีรวย

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ ป้าต๊อก  :)

OPEN BOOK ในระดับปริญญาตรี ผมเคยเห็นประจำเหมือนกันครับ เนื่องจากอาจารย์บางท่านออกข้อสอบประเภทนี้ทุกภาคเรียน

แต่ระดับปริญญาโท ... ตามประสบการณ์ของตัวเอง ยังไม่เคยเจอ ครับ

การคุมสอบที่ผมไปปฏิบัติมานั้น ไม่ได้เป็นการสอบแบบ Open Book แต่อย่างใดครับ เนื่องจากอาจารย์ประจำวิชาต้องการวัดความเข้าใจในเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานบริหารการศึกษาที่นักศึกษามีประสบการณ์ ดังนั้น OPEN BOOK จึงไม่ถูกใช้สำหรับการสอบครั้งนี้ครับ

ขอบคุณท่านอาจารย์มากครับ :)

สวัสดีครับ

มาให้กำลังใจครับ

คิดว่าคำตอบคงหาได้ในไม่ช้า

ระหว่างนี้ ทำใจให้สดชื่นดีกว่าครับ ;)

 

Moon1

ขอบคุณท่านอาจารย์ ธ.วั ช ชั ย ครับ ...

ภาพดาวเคียงเดือนของท่านนี่ ผมมองเห็นตะกี้นี้เลยครับ บนสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยท้องถิ่นของผมเอง :)

+ สวัสดีค่ะ....

+ อ่านแล้วเจ็บใจจี๊ด ๆ....กลไกหนึ่งที่ทำให้การศึกษาไทยเป็นเช่นทุกวันนี้  คือ ครูแบบนี้แหละค่ะ.....

+ อ่านแล้วรู้สึกแย่จังเลยค่ะ....เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก....

+ อิ อิ...ถ้าเป็นอ๋อยและมีอำนาจพอ....จะดัดหลังครูพวกนี้ให้เข็ดหลาบ...ช่างทำลายตัวเอง...ทำลายชาติได้ลงคอ....

+ ไม่รู้จะพูดด้วยถ้อยคำใดให้ตรงใจที่รู้สึกนะค่ะ....

+ ส่งกำลังใจให้ค่ะ....รสชาติของความดีก้มักจะเป้นแบบนี้แหละค่ะ....ฉน้นคนที่ทำความดี...ใจต้องแกร่งค่ะ

อาจารย์ครับ..

ผมเพิ่งเดินทางไปเชียงใหม่รอบสองเมื่อสองวันก่่อน และเลยไปเชียงราย ด้วยภาระกิจว่าด้วยการงานครับ...

ผมยังสดชื่นเสมอครับ เเม้ว่าช่วงระหว่างเดินทาง หรือแม้แต่เหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามากระทบอาจทำให้สั่นคลอนไปบ้าง

เรื่องข้อสอบ...ไม่ว่าจะเปิดหนังสือ หรือ ไม่เปิด ไม่น่าจะใช่ประเด็นนะครับ ผมมองไปถึง วุฒิภาวะ - วิธีคิด ของนักศึกษาที่จัดการกับปัญหาในครั้งนี้ รวมถึง "สถานะของ นศ." ที่เป็น คุณครูที่มาเพิ่มวิทยฐานะ

น่าเป็นห่วงนะครับ

---------------------------------------------------

ปัญหาที่เกิดขึ้น ...(ตรงนี้ผมเขียนรวมๆนะครับ) หากเราวิเคราะห์กันให้ดีแล้ว หลายๆปัญหาเป็นปัญหาของคนอื่นที่เราเก็บมาขบคิดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ทำร้ายความรู้สึกที่ดีของตนเอง ลดภูมิคุ้มกันจิตใจลงไปเรื่อยๆ

อาจารย์ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับ "กรรมของระบบ" ที่เราต้องยอมรับความจริง ตอนนี้ก็คงอยู่ที่จิตสำนึกของผู้คนว่าเราจะร่วมรับผิดชอบสังคมกันได้แค่ไหนอย่างไร?

ความจริงที่เราพบเจอ ก็คือว่า การศึกษาทำให้คนเราพอกพูนอัตตามากขึ้น,การศึกษาทำให้เราขัดเเย้ง แปลกแยกมากขึ้น การศึกษาดึงคนให้ห่างจากรากของตนเองมากยิ่งขึ้น...

ปริญญา กับ จิตสำนึก เดินห่างออกจากกันไปเรื่อยๆ เมื่อสังคมเราติดเชื้อโรค  ความรู้กลับไม่ได้เอื้อให้สังคมดีงาม แต่ความรู้ถูกใช้เป็นจำเลยในการแสดงอำนาจเหนือผู้อื่น สร้างความสัมพันธ์เชิงอำนาจให้เกิดช่องว่างในสังคมมากขึ้น..ระหว่าง ผู้รู้ - ผู้ไม่รู้ ,ผู้มีการศึกษา - ไม่มีการศึกษา

ปัญหาที่เกิดจากการศึกษาเหล่านี้ ...ผมคิดว่า เป็นมะเร็งในสังคมไทยที่หลายคนคิดไม่ถึงนะครับ

 

 

---------------------------

ให้กำลังใจอาจารย์นะครับ...มีโอกาสผมเดินทางไปเชียงใหม่ คงมีโอกาสได้สนทนาแลกเปลี่ยนกันบ้างนะครับ

:)

"ครูเป็นผู้เปิดประตู นักเรียนเป็นผู้เดินเข้าไปเอง"

+ อาจารย์ขา....ขออนุญาติพูดผ่านไปหาน้องเอกหน่อยนะค่ะ....

+ น้องเอกที่รัก...พี่อ๋อยขอกอปปี้ข้อความเหล่านี้ไปเก็บในอนุทินนะค่ะ...ประทับใจ...โดนใจ...ในความคิดมากค่ะ...

   " ความจริงที่เราพบเจอ ก็คือว่า การศึกษาทำให้คนเราพอกพูนอัตตามากขึ้น,การศึกษาทำให้เราขัดเเย้ง แปลกแยกมากขึ้น การศึกษาดึงคนให้ห่างจากรากของตนเองมากยิ่งขึ้น...

ปริญญา กับ จิตสำนึก เดินห่างออกจากกันไปเรื่อยๆ เมื่อสังคมเราติดเชื้อโรค  ความรู้กลับไม่ได้เอื้อให้สังคมดีงาม แต่ความรู้ถูกใช้เป็นจำเลยในการแสดงอำนาจเหนือผู้อื่น สร้างความสัมพันธ์เชิงอำนาจให้เกิดช่องว่างในสังคมมากขึ้น..ระหว่าง ผู้รู้ - ผู้ไม่รู้ ,ผู้มีการศึกษา - ไม่มีการศึกษา"

ขอบคุณ ... คุณครู แอมแปร์ มาก ๆ ครับ

รสชาติแห่งความดี ก็ย่อม มีอุปสรรคเป็นธรรมดา นะครับ :)

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

สวัสดีครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)

"กรรมของระบบ" หรือครับ :) ... คงเป็นเช่นนั้นครับ

ความต้องการการมีอำนาจของตนเอง ย่อมสามารถที่เลือกใช้วิธีการใดก็ได้ที่จะทำให้ตนเองรอดจากความไม่รู้ ที่ตัวอยากได้ แต่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แม้แต่การพัฒนาสมองของตนเอง

การศึกษาระดับสูง เริ่มน่าเศร้าใจหนักขึ้นเรื่อย ๆ

เราได้เห็น "การเพิกเฉยต่อการรับผิดชอบ" ของครูบาอาจารย์มากขึ้น ที่คิดว่า ปล่อย ๆ ไป หรือ ช่างเถอะ เพื่อที่ตนเองจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ

ขอบคุณ ... ประโยคของคุณเอกที่ว่า "ครูเป็นผู้เปิดประตู นักเรียนเป็นผู้เดินเข้าไปเอง"

ขอบคุณกำลังใจที่ได้รับเสมอ ครับ :)

ยินดีครับ คุณครู แอมแปร์ ... กระดาษแผ่นนี้ สำหรับผู้มีความคิดเห็นทุกท่านเสมอ ครับ

  • สวัสดีค่ะอ."Wasawat Deemarn"
  • การศึกษาระดับอุดม ที่นศ.อยู่ในวัยทำงาน มาเรียนเพื่อเพิ่มวุฒิ ส่วนมากแล้วครูผู้สอนจะใช้วิธีแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากกว่า
  •  ความรู้ในตำราเปิดอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ประสบการณ์เป็นเรื่องที่หาฟังได้ยาก
  • หากจะเน้นความสำคัญก็น่าจะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากกว่านะคะ
  • เอื้องแซะเปิดใจรับฟังได้ทุกระดับค่ะ
  • ส่งกำลังใจมาให้ด้วยค่ะ

ขอบคุณ ท่านอาจารย์ ศน.เอื้องแซะ ครับ :)

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นเรื่องสำคัญในการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ครับ .. ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาใหม่ หรือ นักศึกษาที่ยกระดับมาจากการทำงาน ครับ :)

สวัสดีค่ะอาจารย์ ^_^

  • มาบอกว่าสู้ๆและอดทนนะคะ

 

ขอบคุณครับ น้องคุณครู เทียนน้อย ... ไหงสั้นจังล่ะวันนี้ :)

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ^_^ แหะๆ สั้นๆแต่ได้ใจความนะคะ (กลับมาจากดูงานเลยเพลียนะคะ)
  • บางครั้งเราก็ต้องเลือกทำในสิงที่ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจ นะคะ  อาจารย์ไม่ได้ทำผิดหรอกคะ  เป้าหมายของคนเราต่างกัน การให้คุณค่าของชีวิตก็คงแตกต่างกันด้วยนะคะ
  • เราอาจไม่สามารถชี้ให้เค้าเห็นคุณค่าของชีวิตแบบที่เราอยากให้เค้ามองเห็น...เพราะเค้าเลือกที่จะให้คุณค่าชีวิตเค้าในแบบที่เขาเลือกว่าดีสำหรับเค้าไปเสียแล้ว...บางครั้งเป้าหมายนั้นอาจถูกใจ แต่ไม่ถูกต้อง... แล้วผลที่ตามมาเค้าก็ได้เรียนรู้ด้วยตัวเค้าเอง จนกว่าจะรู้สึกและคิดได้ด้วยตัวเค้าเอง อาจใช้เวลาน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับบุคคล ถ้าเราไม่หลงลืมอะไรในชีวิตมากจนเกินไป หรือเข้าข้างตัวเองมากไป
  • การอุดรูรั่ว เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะคะอาจารย์ แต่เทียนน้อยรู้ว่าอาจารย์นะสู้อยู่แล้ว
  • เวลาอ่านบันทึกหรือบทความอาจารย์ เหมือนได้มองดูความคิดย้อนดูตัวเองนะคะ
  • ขอบคุณค่ะอาจารย์
  • ให้กำลังใจไปเต็มๆเลยค่ะ สู้ๆนะคะ ^_^
  • ปล.อย่าเครียดมากนะคะอาจารย์ เดี่ยวแก่เร็วค่ะ อิอิ :)

อา ยาว ๆ แบบนี้ตัวจริงเลย น้องคุณครู เทียนน้อย :)

พวกเขาคงเลือกให้คุณค่ากันตรงที่ "ใบกระดาษ" สำหรับการขึ้นเงินเดือนและตำแหน่งที่สูงขึ้นเท่านั้นครับ ... ส่วนคุณค่าทางความคิด สมอง และจิตใจอาจจะต่ำลงกว่าเดิมมาก ตั้งแต่คิดได้แค่นั้น

การอุดรูรั่วทางสังคม ถ้าทำคนเดียวแบบนี้ เหนื่อยครับ ... เพราะที่เห็นก็คือ หลาย ๆ คนเลือกเอาตัวรอด ไม่ตอบโต้ ไม่สู้ ปล่อยให้มันผ่านไป เรียกว่า เป็น การเพิกเฉยต่อความรับผิดชอบของตัวเองและสังคม ทั้ง ๆ ที่ตนเองมีบทบาทที่สามารถจะกระทำสิ่งที่ถูกต้องได้ :)

ก็เทียนน้อยช่วยอุดรูรั่วทางสังคมอีกแรงไงคะ ถึงจะแรงน้อยแต่ก็เต็มใจช่วยนะคะ

^_^

ขอบคุณครับ น้องคุณครู เทียนน้อย :) ... จับมือสู้ ข้ามภาคกันเลย

เข้ามาแลกเปลี่ยนค่ะ เราก็สอนนิสิตปริญญาโทค่ะ

การสอบแล้วจะให้เปิดหนังสือหรือไม่นั้น อยู่ที่การตกลงกันล่วงหน้าก่อนระหว่างเรากับนิสิต เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายรับรู้ร่วมกันว่าจะออกข้อสอบ และจะเตรียมตัวสอบอย่างไร

อย่างไรก็ตาม วิชาแต่ละวิชามีความแตกต่างกัน และการสอบก็มีเป้าหมายในการวัด/ประเมินที่แตกต่างกัน จึงไม่มีคำตอบตายตัวว่าควรจะทำอย่างไร

เป็นกำลังใจให้ในการทำหน้าที่ค่ะ ทุกงานย่อมมีอุปสรรค และมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ล้วนเป็นอนิจจัง

อย่าเพิ่งท้อถอยนะคะ

ขอบคุณ อาจารย์  pis.ratana  ที่ให้กำลังใจครับ :) ... สู้วุ้ย ครับ

เป็นกำลังใจให้ค่ะอาจารย์ สำหรับเรื่องที่กำลังพบอยู่ ที่ศิลปากรระดับปริญญาโทมีการสอบโดยให้เปิดหนังสือนะคะ แต่เป็นการให้ตั้งโจทย์เองและเขียนคำตอบเองด้วย คือเรื่องยากมันอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ ทำยังไงถึงจะสะท้อนสิ่งที่เรียนไปออกมาได้อย่างเหมาะสมทั้งโจทย์และคำตอบ ถ้าเราเขียนคำถามและคำตอบไม่สมเหตุสมผล ไม่แสดงให้เห็นว่ามีกึ๋นพอกับที่ร่ำเรียนไปก็ตกแน่ๆ แต่ถ้าอาจารย์ตั้งโจทย์มา ความยากมันก็ลดลงไปครึ่งนึงค่ะ เรียนแบบให้ได้ความรู้จริงๆ กับเรียนเพื่อผ่านเอาใบปริญญามันต่างกันตรงเจตนานี่ล่ะค่ะ

จบง่ายได้ไปแขวนฝาบ้านหลอกคนอื่นหลอกเจ้านาย แต่สิ่งที่ทำไปก็รู้อยู่แก่ใจว่าได้มายังไง อาจารย์ไม่ต้องไปเครียดกับเขาหรอกค่ะ เราไม่ร่วมสังฆกรรมกับการทำแบบนั้น ก็ดีซะอีก ไม่มัวหมอง เขาอยากได้อย่างไรก็ให้เขาไปรับจากคนประเภทเดียวกัน ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองว่าสิ่งที่ได้ไปมันมีเท่าไหร่ จบปริญญาโทแต่โง่สมองกลวงนี่เห็นเยอะไป อันที่จริงไม่อยากดูถูกมหาวิทยาลัยในเมืองไทยนะคะ แต่อดไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้มีหลายที่ที่ไม่สมควรแม้กระทั่งเปิดป.ตรีด้วยซ้ำ ยกระดับกันเข้าไปจนเปิดป.เอกได้ เห็นแล้วงง อย่าถึงกับต้องให้บอกชื่อกันเลยค่ะ เรียนกันเข้าไปได้ห้องละสองสามร้อยคน เด็กนั่งไกลจนไม่เห็นผู้สอน ต้องดูทีวีที่แขวนอยู่ ถึงเห็นการให้คะแนนรายงานกันตามจำนวนความหนาของกระดาษ พูดตรงๆ นะคะ ถ้าลูกศิษย์เอากระดาษซีร็อกซ์ก็อปปี้หนังสือมาส่งก็คงไม่รู้ เพราะไม่มีปัญญาอ่านตรวจได้หมด

จะบอกว่ามหาวิทยาลัยที่ยกระดับจากสถาบันทั้งหลาย กับพวกโรงเรียนอาชีวะจนเปิดเป็นมหาวิทยาลัยนี่ มาตรฐานการสอนหลายที่เข้าใกล้มหาวิทยาลัยห้องแถวแบบฟิลิปปินส์เต็มทีแล้วค่ะ ดีกว่าเขาตรงที่มีครูสอน ถึงจะซี้ซั้วบ้างก็ยังดีกว่า ถ้าไม่มีแล้วมีแต่ฝ่ายการเงินกับฝ่ายทะเบียนก็เหมือนกันเลย คือนั่งพิมพ์ใบปริญญาให้แล้วก็รับเงินแลกกัน ซื้อสองใบแถมหนึ่ง ต่อไปอาจจะขนาดนั้นก็ได้

ส่วนตัวอึดอัดกับเด็กที่เรียนจบสมัยนี้แล้วสมองไม่มีอะไรบรรจุไว้ข้างใน ไม่ว่าจะตรีหรือโท ไว้อาจจะต้องกลับมาสู่ยุคนายจ้างเลือกเด็กจากสถาบันกันเหมือนแต่ก่อน คือมหาวิทยาลัยเกรดนี้เอาเงินเดือนไปเท่านี้ จบมหาวิทยาลัยพวกอัพเกรดเอาเงินเท่าปวส.ไป อย่าให้มันต้องเป็นแบบนั้นเลย อาจารย์บางท่านเคยเล่าให้ฟังแล้วว่าเด็กจบวิศวะมหาวิทยาลัยไปกินเงินเดือนเท่าโฟร์แมน ไปทำงานแทนโฟร์แมน เด็กสมัยนี้แห่กันไปเรียนมหาวิทยาลัยไม่อยากเรียนช่าง เพราะจบวิศวะมันดูดีกว่า ด้วยปัญญาเท่านั้นก็ต้องไปเรียนสถาบันที่ผ่อนปรนกับรายรับที่ได้เข้ามา แต่เพราะความสามารถน้อยและไม่ขวนขวายเพิ่ม ถึงสถาบันพยายามดันให้จนจบได้ เวลาออกมาทำงานคนข้างนอกเขาก็ประเมินได้จากความเป็นจริงอยู่ดี เพราะเขาต้องจ่ายตังค์จ้าง เรื่องอะไรต้องจ่ายเกินสิ่งที่คุณทำได้ ธุรกิจไม่ใช่สถานสงเคราะห์ เด็กก็เสียเวลาเรียนเปล่าไปอีกหลายปีเพื่อเอาเงินเดือนปวช. ปวส. สถาบันก็รับตังค์ไป ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร จบแล้วจบไป ไม่เกี่ยวกัน

ขอบคุณครับ คุณซูซาน Little Jazz ... สะท้อนปัญหาจากภายนอกได้จับใจมาก ครับ ... น่าเชิญมาพูดตอกหน้าผู้บริหารสักหน่อย ... ที่สักแต่เป็นผู้บริหาร แต่เวลาหารายได้เข้ามหาวิทยาลัย กลับไปได้แต่จากการขูดเลือดเด็ก ... ขึ้นค่าลงทะเบียนเยอะ ๆ ... รับคนจำนวนเยอะ ๆ คือ รับไว้ก่อน ไทร์ทีหลัง ... ไม่มีระบบการกรองเด็กเอกจากอาจารย์ประจำ ... รับไปจาก (การอ้างว่า) เมตตาธรรม ... วันหนึ่ง หากผมมีวุฒิภาวะในสายตาเขามากกว่านี้ ... ผมได้แจ้งแถลงไขในที่ประชุมใหญ่แน่นอน ... รับมาแต่ไม่ใส่ใจ ... เพิกเฉยต่อความรับผิดชอบของตนเอง ... สงสารเด็กดี ๆ

ใกล้แล้วล่ะครับ คุณซูซานที่สำนักมาตรฐานฯ เขาจะเลิกรับรองใบปริญญาจากคนเรียนระดับสูงเหล่านี้ ... จะเป็นห้องแถวอย่างว่าจริง ๆ

ปวดใจดีแท้ ... การมองว่า เอาเงินมาแลกใบปริญญา :(

  • เข้ามาอ่านบันทึกและผ่านมาให้กำลังใจ
  • สิ่งที่อาจารย์เจอ คือ หนามข้างทางที่สะกิดแค่ต้นขา อาจารย์อย่าให้มันสะกิดมาถึงใจซิคะ
  • เมื่อเขาจบไป สิ่งที่เค้าทำไว้สิ่งที่เค้าได้รับเค้าจะรู่อยู่ใจของเค้าคะ
  • คนดีตกน้ำน้ำก็ไหล (เพราะว่าผอม) ตกไฟไฟก็ไหม้ (แต่ดับได้ทัน)
  • ยิ้มกว้างๆไวนะคะอาจารย์ เป็นกำลังใจค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ดิฉันมาพบบันทึกของอาจารย์ภายหลัง แต่ได้ติดตามอ่านวันละ2-3 เรื่อง
  • หลาย ๆเรื่องดิฉันไม่ได้เม้นท์ เพราะไม่มีความรู้ที่จะเม้นท์ได้
  • แต่เก็บประโยชน์จากการอ่านมาพัฒนาตนเองค่ะ
  • บางครั้งก็เผื่อแผ่ไปยังเด็ก ๆและเพื่อนร่วมงาน โดยนำไปเล่าค่ะ
  • อยากจะเรียนอาจารย์ว่า..ต้องการอ่านบันทึกของอาจารย์อีกค่ะและขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ค่ะ
  • ด้วยใจจริง

ขอบคุณครับ คุณครู ทรายชล :)

ชอบมากครับ "หนามข้างทางที่สะกิดที่ต้นขา อย่าให้มันสะกิดมาที่ใจ"

คนดีตกน้ำไม่ไหล อ้วน ๆ อย่างผม ไหลไหมเนี่ย หุ หุ :)

ขอให้กำลังใจคุณครูกลับคืนด้วยเช่นกัน ครับ

อิ อิ คุณ ครูคิม ครับ ... ห้ามลอกข้อความมาครับ อิ อิ

ขอบคุณนะครับ

  • อาจารย์คะเพิ่งกลับจากค่ายลูกเสือตอนอยู่ในค่ายฟังเพลง "เก็บตะวัน" เลยแวะมาบอกให้อาจารย์กลับไปฟังนะคะ เข้ากับบรรยากาศของบันทึกนี้ดีค่ะ
  • ปล. คิดว่าอาจารย์น่าจะเกิดทันเพลงนี้เหมือนกัน อิอิ
  • มั่นคงไว้ดังเช่นตะวัน นะคะ
  • มาให้ความเห็นบันทึกท่านอาจารย์ช้าไปหรือเปล่าคะ เชื่อว่าท่านอาจารย์อาจจะได้คำตอบแล้วเรื่องผิดถูกหรือไม่
  • บางสถานการณ์ก็ทำเราจิตตกได้  สมัยก่อน อาจารย์ของศิลาเคยถูกฟ้องสาระพัด (ไม่ใช่แค่กล่าวหา) โดยนักศึกษาปริญญาตรีภาคบัณฑิต แม้ต่างรู้บทสรุปว่าเอาผิดกันไม่ได้ แต่ก็เป็นการแสดงออกถึงอะไรบางอย่างของผู้กระทำ  ถ้าเขารู้สึกว่าทำให้ทุกข์ได้ แค่นี้เขาก็คงดีใจแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องของเขา
  • สรุปคือไม่ใช่เรื่องผิดถูก...แต่เป็นเรื่อง "สะเทือนใจ" ที่เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เราหวังดี?
  • สิ่งที่เราควบคุมได้คือตัวเราเอง ท่านอาจารย์มีพรหมวิหารสี่อยู่แล้ว สังเกตจากเมตตาที่ให้ความรู้ใน G2K อยู่เสมอ และกรุณาแนะนำในเรื่องต่าง ๆ  อีกทั้งมุทิตา แสดงความยินดีที่เพื่อน G2K ท่านใดประสบความสำเร็จในเรื่องอะไรก็ตาม
  • อีกข้อหนึ่งคือ อุเบกขา...ความเป็นกลาง เป็นอิสระ สงบนิ่ง วางเฉยทางอารมณ์ ไม่ถูกกระตุ้นจากสัมผัสภายนอกผ่่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ...ไม่มีการเกาะติดทางอารมณ์ หรือปรุงแต่งใดใด...จึงเป็นหลักที่เหมาะแก่ผู้บริหาร ผู้ใหญ่ที่ต้องปกครองเด็ก ๆ ค่ะ
  • ขออภัยที่เขียนยาว ๆ ค่ะ คงมีบางเวลาที่ศิลาก็จะจิตตกบ้าง ก็คงอยากให้ท่านอาจารย์มาชี้แนะด้วย..I (Sila) am not perfect.... หากเป็นความเห็นที่ไม่สอดคล้องเหมาะสมกับกรณีนี้ก็ขออภัยจากใจจริงค่ะ

มิผิด มิผิด ครับ คุณ Sila Phu-Chaya :)

ความคิดเห็นนี้เป็นความคิดเห็นที่ "เย็นใจ" อย่างยิ่ง

ด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ครับ :)

เป็นเรื่อง "สะเทือนใจ" ที่เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เราหวังดี?

ด้วยประเด็นนี้ ตรงใจอย่างมากครับ

เขียนยาว กลั่นออกมาจากใจ ประสานความรู้กันอย่างดียิ่ง ครับ

ดังนั้น เขียนยาว ๆ ชอบครับ

อ้าว มิเห็น มิเห็น คุณครู ทรายชล :) v v

"เก็บตะวันที่เคยส่องฟ้า เก็บเอามาเก็บไว้ในใจ

เก็บพลังเก็บแรงแห่งแสงยิ่งใหญ่ รวมกันไว้ให้เป็นหนึ่งเดียว"

โห เพลงอะไรน่ะ ไม่รู้จักครับ เกิดไม่ทัน อิ อิ

มาเป็นกำลังใจให้นะคะ อ.

เป็นเรื่องเศณ้าจริงๆที่ครูตั้อยเองก็สัมผัส นักศึกษษที่ไปยกระดับเพื่อแลกกับใบๆ

สุดท้ายเป็นการทำร้ายระบบ ทำร้ายภาพความเป็นครู 

ครูคือผูให้ และเป็นผูเปิดประตูอย่างที่น้องเอกกล่าว

จริงๆแล้วบางครั้งเปิดประตู ก็ต้องเชื้อเชิญให้ด้วย พามานั่ง และแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนก่อน คอยเฝ้าสังเกตการปรับตัว คอยช่วยเหลือให้มีความสุขขณะเรียนรู้ .... คอยเป็นกำลังใจเมื่อถึงเวลานำความรู้ไปใช้จริง

แต่กรณ๊ที่อ.เขียนมาครูต้อยเคยเห็นมาก แต่ไม่ใส่ใจ เพราะพวกนี้ขาดคุณธรรม อย่าไปชิดใกล้เลย จิตตกเปล่าๆ เสียดายสูสร้างกรรมดีต่อไป ใครไม่ได้ ใครไม่รู ใครไม่สุข แต่เรารู เราสุข และความสุขนี้ ช่างมีพลังส่งผลให้สรรพสิ่งรอบตัวเราก็พลอยยินดี มีความสุขเช่นกัน

ครูต้อยเป็นกำลังใจให้นะคะ

และเข้าใจว่าอ.ต้องอยู๋ในวัยไฟแรงแน่นอน ไฟนี้ครูต้อยผ่านมาแล้ว ร้อนหนาว แสบคัน เศร้า สู้ ท้าทาย ทรนงและ ครูต้อยโชคดีที่มีคู่ชึวิต  ที่เข้าใจ การเกิดทุกข์ และการวางทุกข์ อยากให้อ.มีความสุขมากๆ

เป็นกำลังใจให้อ.เอาพลังความดี ความคิดที่ถูกต้องเขียนหนังสือกระเทาะเปลือก....

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ คุณ  krutoi .. :)

ผมไฟแรงเสมอครับ นี่ก็ว่า จะปิ้งอะไรกินที่บ้านสักหน่อย

ทุกอย่างที่คุณ  krutoi นั้น ทุกอย่างเป็นความจริงครับ

คนแบบนี้มีเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ... ฟันเฟืองจะหักหรือเปล่าในอนาคต

ขอบคุณครับ :)

เป็นผม ก็มึนแหละครับ เมื่อเจอเรื่องแบบนี้

แต่รู้ว่าอาจารย์ แก้ไขปัญหาได้อย่างสบายๆ สิ่งที่ทำมันถูกต้องแล้วนี่ครับ

เพราะผมใช้วิธีแบบนี้บ่อย แต่ยังไม่เคยเจอแบบอาจารย์ ถือว่า โชคดึอยู่

ให้กำลังใจครับ ไม่สอน ก็ดีครับ ถือว่าสบายครับ ได้มีเวลาคิดงานดีๆ ต่อไป ^^

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท