เมื่อวานผมได้รับข่าวทางโทรศัพท์ จากหมายเลข 089-9454134 แจ้งว่าเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมาทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านกล้วยไม้ไทย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีความภาคภูมิใจมากที่ได้ถูกรับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรหลักในกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการเพาะพันธุ์พืชป่า ซึ่งประกอบไปด้วย เฟิร์น กล้วยไม้ และกันเกรา จากสำนักงานป่าไม้เขตจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจัดขึ้นที่สถานีส่งเสริมและอนุรักษ์ฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม จังหวัดอุบลราชธานี
ภูมิใจอย่างไร ? คุณรำพึง แก้วเขียว "พันธมิตรทางวิชาการ" ประธานกลุ่มฯ เล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นว่าที่ภูมิใจเพราะว่าคนที่มาร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ มีแต่พนักงาน และข้าราชการ ตนเองเป็นเพียงเกษตรกรตาดำๆ คนหนึ่งเท่านั้น แถมก็น้อยด้วยคุณวุฒิ ที่ได้มีโอกาสเป็นวิทยากรหลักในการถ่ายทอดความรู้ และทุกคนมีความสนใจมากเป็นพิเศษในเรื่องของเทคนิคการเพาะพันธุ์กันเกรา ที่ประชุมบอกว่าเป็นความรู้ใหม่ ยังไม่เคยได้ยิน และเคยเห็นที่ไหนทำมาก่อน "เป็นชุดความรู้หนึ่งเดียวในโลก" จัดการความรู้อย่างไร คุณรำพึง เล่าให้ฟังต่อว่าหลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (share & Learned) เทคนิคการเพาะกันเกรากับผมไปเมื่อปีก่อนโน้น จึงนำไปปฏิบัติดู (Learning by Doing) ปรากฏว่าได้ผลดีมาก กันเกรางอกดี และโตเร็ว กรมป่าไม้จึงมีความสนใจที่จะนำความรู้ไปใช้ในการขยายพันธุ์ต่อไป จึงมาขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย จากนั้นตนเองจึงได้เล่าประสบการณ์การเพาะกันเกราให้ฟังว่า 1.ปกติกันเกราจะออกดอกหอมโชยชื่น ประมาณเดือนเมษายน – พฤษภาคม ของทุกปี แล้วผลจะสุกแก่เต็มที่ประมาณเดือน กันยายน – พฤศจิกายน ของทุกปี 2. เก็บเมล็ดที่สุกแดงเต็มที่มาบีบเอาเมล็ดที่มีสีดำ หมักทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 – 3 คืน 3. นำเมล็ดมาล้างน้ำ และทำความสะอาดให้เรียบร้อย จึงนำไปผึ่งไว้ในร่มประมาณ 2-3 วัน จึงนำเก็บในตู้เย็นประมาณ 5 องศาเซลเซียส พักเอาไว้ประมาณ 1 เดือน เพื่อทำลายการพักตัวของเมล็ด 4. การเพาะเมล็ด (เพาะได้ตลอดปี) สามารถเพาะได้ทั้งในตระกล้า และในแปลงแต่หากอยู่ในแปลงต้องเตรียมดินให้ละเอียด คลุกด้วยขี้เถ้าแกลบ หรือขุยมะพร้าว เพื่อช่วยในเรื่องของการระบายน้ำและอากาศ หากเป็นตระกล้าให้เอาดินกับวัสดุเพาะดังกล่าวผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันกับดินในท้องที่ อัตราส่วน 1:1 ส่วน
5. นำเมล็ดมาหว่าน หรือโรยเป็นแถวบางๆ
6. นำเอาดินที่คลุกส่วนผสมโรยทับเมล็ดบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
7. ทำเป็นกระโจมด้วยพลาสติกใสเพื่อรักษาความชื้น และให้มีอุณหภูมิประมาณ 30 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-4 สัปดาห์ เมล็ดกันเกราจะเริ่มงอก และเลี้ยงต่อไปในกระโจมที่มีแสงผ่านแบบรำไรจะทำให้กันเกราโตเร็ว
8. เมื่อต้นสูงประมาณ 5-10 ซม. จึงแยกลงถุงปักชำต่อไป
ความภูมิใจ นี่จึงเป็นความภูมิใจของสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านกล้วยไม้ไทย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี อย่างแท้จริงหลังจากที่ร่วมเรียนรู้เรื่องนี้กันมากว่า 3 ปี จนกระทั่งประสบความสำเร็จ และมีคนให้ความสำคัญในการไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพราะต้นกันเกรา หรือภาคใต้เรียกต้นตำเสา เป็นไม้มงคลที่ผู้คนทั่วไปมีความสนใจในการหาไปปลูกตามบ้านเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล แต่มีวิธีการขยายพันธุ์ที่ยาก แถมยังโตช้าอีกต่างหาก แต่ ณ วันนี้เราเรียนรู้ได้สำเร็จแล้วขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
30 ธันวาคม 2549
อ.อุทัยครับ
เราจะเปิดอาคารบูรณาการศาสตร์
วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2550
อยากให้อาจารย์ช่วยถามทีมสคส.มีใครจะมา
ร่วมด้วยไหม
และให้อาจารย์ทาบทามอ.อภิชัย
และทีม ม.อุบล ให้ด้วย ว่ามีใครบ้างมาได้ จะมากี่คน
แล้วอาจารย์จะกลับบ้านเราวันไหน ขอลามาเตรียม
งานช่วยได้ไหม
ด้วยความเคารพ
อุทัย
ขอบคุณครับ
อุทัย
ทำไมปลูกกันเกราสูงประมาณ 4 เมตร แล้วกิ่งมันค่อย ๆ แห้งทีละกิ่ง มันจะตายมั๊ย ต้องให้น้ำแค่ไหน ช่วยแนะนำด้วยครับ
เรียนสอบถามครับ
เก็บเมล็ดที่สุกแดงเต็มที่มาบีบเอาเมล็ดที่มีสีดำ หมักทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 – 3
คลิปนี้เป็นการนำเสนอความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำสวนป่าเศรษฐกิจ ในกลุ่มไม้ประเภท ก.พะยูง สป.3 ตอนที่16 (พะยูงไหหลำ-เวียตนาม ความจริงที่รู้แลัวต้องช็อค!.)https://www.youtube.com/watch?v=ELqAwNKz-94&feature=shareสนใจกล้าพันธุ์ไม้ติดต่อ คุณไก่กล้าพันธุ์ไม้ รวมทั้งตัวแทนและสาขาทั่วประเทศ โทร. 0954654546 0946465654www.takuyak.comID.Line : 0954654546, kai54654546www.youtube.com ช่อง ชัยชนะ เสือเพ็งPage: คุณไก่กล้าพันธุ์ไม้Page: ชมรมเกษตรกรผู้ปลูกพะยูงแห่งประเทศไทยใบทะเบียนพาณิชย์กิจ เลขที่36501005xxxxx?