เสียงของคนไทยใน YouTube


บล็อกนี้เหมือนเป็นรายงานข่าวจากต่างประเทศแล้วกันนะครับ เนื่องจากผมติดตามเรื่อง รัฐบาลไทยปิดกั้นYouTube เมื่อต้นเดือนเมษายน ขณะนี้มีวิดีโอออกมาแสดงความเห็น สร้างความเข้าใจกับสมาชิก youtube แล้ว สองวิดีโอที่ผมอยากเล่าให้ฟัง มีข้อดีไปคนละทางครับ

วิดีโอแรก จากคุณ phraezila ที่ลงไว้เมื่อวันที่แปด (Views: 10,881, Comments: 262) วิดีโอนี้มีความยาวไม่มากครับ เพียงสามนาทีกว่าเท่านั้น ใช้ข้อความสลับกับภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง วิดีโอนี้ตอบโต้วิดีโอที่ดูแคลนคนไทยโดยตรงครับ อ้างถึงชื่อ username ของเจ้าของวิดีโอต้นเรื่องสองคน ที่บัดนี้ไม่ยอมให้ใครแสดงความเห็นในหน้าวิดีโอของเขา และลบความเห็นเชิงบวกออก คุณ phraezila อ้างว่าวิดีโอต้นเรื่องนั้นอ้างถึง Free Speech แต่ตัวเองไม่ยอมให้มี Free Speech เสียเอง ประโยคที่ผมชอบมากคือ “How can they fight for something that even they themselves do not practise?” แล้วก็ตอบโต้ว่าสิ่งที่ทั้งสองคนนี้ทำลงไป ไม่ใช่แค่ผิดกฎหมายไทย (lese majeste) แต่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ (จริงหรือเปล่าอันนี้ผมไม่ทราบ) แล้วก็อ้างถึงกรณีของชายชาวสวิส ที่ถูกตัดสินจำคุกว่าในกรณีชาวต่างชาติจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยถือว่าการตัดสินจำคุกเป็นเรื่องทางสัญลักษณ์ โดยกล่าวว่า All cases regarding foreigners and lese majeste in the past receive royal pardon, the prison term is just protocol and symbolic.

และนี่คือประโยคส่งท้ายครับ
YouTube, you're wrong for letting the insult clips exist in your website. Its by all measn NOT the freedom of speech!
This is an example of how technology is used to perpetuate hatred and misunderstanding.

ดนตรีที่ใช้ประกอบวิดีโอนี้เป็นดนตรีไทยครับ ช่วงแรกเป็นบรรเลงระนาด แล้วมีเนื้อร้องเกี่ยวกับ tsunami ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นเพลงอะไร แต่มีส่วนช่วยสร้างอารมณ์ได้มากจริงๆ

ผมชอบวิดีโอนี้ในเรื่องของความเป็นเหตุเป็นผล กระชับ และตอบโต้ตรงจุด คือตอบกลับไปตรงๆ

วิดีโอถัดมาเป็นของคุณ silapajarun วิดีโอนี้ยาวสิบนาที และมีข้อมูลเพียบครับ ในเนื้อหามีการอ้างถึง guidelines ใน YouTube กรณีรัฐประหารเมื่อปีก่อน การพระราชทานอภัยโทษ มีข้อมูลอ้างอิงเหลือเฟือเลยครับ

วิดีโอนี้ต่างจากวิดีโอแรก ตรงที่มีการพูดประกอบตลอดระยะเวลาสิบนาที ผมชอบน้ำเสียงของคุณ silapajarun มาก มีโทนเสียงหนักเบา แสดงอารมณ์ได้ชัดเจนเหลือเกิน

คุณ silapajarun เสนอมุมมองของ YouTube ได้ดีมาก โดยบอกว่า YouTube มีส่วนอย่างมากในการนำเสนอเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปีก่อน สรุปคือคุณ silapajarun ไม่ได้ต่อต้าน YouTube แต่ต่อต้านการกระทำของรัฐบาลไทย 

สองวิดีโอคลิป สองอารมณ์ครับ ต้องขอขอบคุณทั้งสองท่านที่ลงวิดีโอใน YouTube

ผมขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยนะครับ

ประการแรก หลายคนอาจสงสัยว่าเรื่องรัฐประหาร เกี่ยวอะไรด้วย ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลแบบไม่ปกติ ความกดดันย่อมมีมาก ต้องระวังตัว ระวังสื่อ ระวังไปหมด ดังนั้นการรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ค่อยราบรื่นนัก

ประการที่สอง ส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำเพื่อชาติที่ออกไปในเชิงสร้างภาพ หรือรณรงค์ชาตินิยมแบบยัดเยียด วิดีโอสองเรื่องนี้ ของคุณ phraezila นั้นชัดเจนมากว่าเป็นการสร้างความเข้าใจ ให้ข้อมูล และตอบโต้ โดยไม่ต้องอ้างว่าทำเพื่อชาติ วิดีโอของคุณ silapajarun นั้น อย่างที่ผมบอกไว้ตอนต้นว่ามีข้อมูลชัดเจน เสนอมุมมองที่แตกต่าง และในเรื่องของน้ำเสียง

ผมติดใจตอนจบนิดเดียวครับ ที่เชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยรักกัน สามัคคีกัน และร่วมมือกันไม่ให้ใครมาดูถูกประเทศของเราอีกต่อไป… ผมมองว่าเราเข้าสู่สังคมโลกด้วยความเข้าใจทั้งตัวเองและคนอื่นมากกว่าครับ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทั้งร้ายแรงและรวดเร็ว ก็เพราะการสื่อสาร และเหตุการณ์ในประเทศที่ผันผวน การเชิญชวนให้รักชาตินั้นต้องเกิดขึ้นจากความเข้าใจในชาติก่อนครับ

ประเด็นถัดมายังเป็นเรื่องของสังคมโลกครับ ผมชอบที่คุณ silapajarun ให้ความเห็นว่าวิดีโอต้นเหตุ ไม่ได้เป็นการสนับสนุนกรณีการติดสินจำคุกชายชาวสวิสเลย กลับเป็นการทำร้าย ส่งให้ชายผู้นี้กลายเป็นแพะของ Free Speech ผมเข้าใจว่าหมายถึงขั้นตอนการดำเนินการต่อผู้กระทำผิดนี้ คือตัดสิน และได้รับพระราชทานอภัยโทษตามลำดับ นั้นคือกลไกของบ้านเรา จะเห็นว่าสื่อและสังคมโลกเข้ามามีบทบาทแทรกแซงกลไกนี้อย่างมาก เราเลี่ยงไม่ได้ แต่จะรับมืออย่างไร อันนี้ผมยังสงสัย

ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องเทคโนโลยี ผมทึ่งกับสังคมอินเตอร์เน็ตมากครับ เชื่อว่าหลายท่านได้อ่านความเห็นของทั้งคนไทยและคนต่างชาติจากเว็บไซต์หลายๆ แห่ง จะเห็นว่ามีบางส่วน (อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้ว) ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่แสดงความเข้าใจในตัวเอง คือเขาด่าเรา ก็ด่ากลับ ผมเคยให้ความเห็นไว้แล้วว่าผมเองไม่เข้าไปดูอีก ไม่เชิญชวนคนอื่นมาดู เพราะเป็นสิ่งไม่น่าดู ผมไม่ได้ทึ่งกับความเห็นต่างๆ แต่ทึ่งในเวทีใหม่ที่เปิดให้คนได้แสดงความก้าวร้าวอย่างไม่ต้องกังวลกับความรับผิดชอบ แต่ถึงที่สุดก็มีการตอบโต้ คือกฎและการควบคุมกันเองทางสังคมยังมีอยู่เสมอไม่ว่าที่ไหน (ขอเพียงให้มีมนุษย์อยู่ที่นั้น) อินเตอร์เน็ตทำให้กระบวนการเหล่านี้ลุกลามและคลี่คลายได้รวดเร็วกว่าในอดีตมากเหลือเกิน นั้นคือที่ผมทึ่ง

ปล. ขณะที่ผมกำลังเขียนบล็อกนี้ เห็นวิดีโอจากคุณ phraezila ให้ใช้แนวทางต่อสู้แบบอหิงสา ของท่านมหาตมะ คานธี คือไม่คลิ๊ก ไม่ดู ไม่ด่า แผ่เมตตา ตอบโต้โดยการไม่ตอบโต้นั้นเอง แนวทางนี้ตรงใจผมที่สุดครับ 

หมายเลขบันทึก: 90125เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2007 09:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 17:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

พอดีผ่านมาเจอ...

 เห็นด้วยนะคะ เหมือนเจอพวกโรคจิต ถ้าเราไม่แสดงท่าทีใส่ใจ วี๊ดว้ายกระตู้วู้ เดี๋ยวมันก็เบื่อเลิกไปเอง ยิ่งเราดิ้นพล่าน มันก็ยิ่งได้ใจ

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น คลิปหมิ่นในหลวงนี้ ยังไงก็รู้สึกขัดแย้งอยู่ ว่าเราไม่อาจจะนิ่งเฉยอดทนใช้วิธีอสิงหาได้ รู้สึกว่าพวกนี้ควรต้องโดนสังคมหรือไม่ก็กฎหมายลงโทษอะไรสักอย่าง

ให้รู้ว่าสิ่งที่คุณทำมันร้ายแรงไม่ควรอภัยแค่ไหน

เจ็บใจนะคะ นี่ถ้าเราเอารูปลิงไปล้อเป็นหน้าพ่อกับแม่เขาบ้างเขาจะยังหัวเราะออกไหม 

why they don't block Google too la

coz this web can search xxx pictuer more than million picture

if thay say GOOGLE can search for learning

why Youtube can't?

 

sorry that i can't type in thai coz i do some mistake when restart OS - -a

 

i still belive that ICT may blind us everyday 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท