กฎหมายนั้น ต้องใช้ในบรรดากรณีซึ่งต้องด้วยบทบัญญัติใดๆ แห่งกฎหมายตามตัวอักษร หรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัตินั้นๆ
คือให้ใช้จารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นก่อน การใช้กฎหมายใกล้เคียงอย่างยิ่ง เนื่องจากว่า จารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นนั้นเป็นกฎหมายซึ่งมีการใช้บังคับจริงๆ ในสังคม ในขณะที่กฎหมายใกล้เคียงอย่างยิ่งนั้นยังไม่มีผลบังคับ (ในเรื่องนี้ท่านอาจารย์อธิบายว่ามีการถกเถียงกันมาตั้งแต่ตอนร่างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว)
ยิ่งกว่านั้นการใช้จารีตประเพณีในกฎหมายไทย จะใช้ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรเขียนไว้เท่านั้น ถ้ามีแล้วก็จะไม่ใช้ กล่าว คือเป็นกรณีที่กฎหมายเทคนิคนำเรื่อง นั้นๆ มาบัญญัติเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรแล้ว และถึงแม้ว่าจะขัดกับจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ก็จะต้องใช้กฎหมายลายลักษณ์อักษรเป็นหลัก (ท่านยังได้เล่าให้ฟังอีกด้วยว่า แนวคิดการใช้กฎหมายแบบนี้ แม้ในฝรั่งเศสก็เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะในยุคสมัยของการร่างประมวลกฎหมายแพ่ง เพราะ รัฐบาลกลางฝรั่งเศสต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมจารีตประเพณีมาเป็น การใช้ประมวลกฎหมายตามแนวความคิดของสำนักกฎหมายฝ่ายธรรมชาติที่เชื่อว่ามนุษย์มีวิจารณญาณพอที่จะคิดไตร่ตรองสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ เอง จึงต้องการยกเลิกจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นต่างๆ ในฝรั่งเศสที่มีอยู่อย่างมากมาย ผู้เขียนเคยฟัง ศ. ดร. บวรศักดิ์เล่าให้ฟังว่า เหมือนกับว่า... ท่าน มงเตสกิเออ เคยเขียนไว้ว่า นั่งรถม้าจาก บอร์กโดไป กรุงปรารีส นั้นจะมีการเปลี่ยนจารีตประเพณีบ่อยกว่าการเปลี่ยนม้าลากรถอีก) ซึ่งการที่กฎหมายลายลักษณ์อักษรบัญญัติต่างกับที่กฎหมายประเพณี ก็ก่อปัญหาเหมือนกัน เช่น ในกรณีของการหมั่น การที่กฎหมายไปเขียนว่าจะเกิดสัญญาหมั่นต้องมีของหมั้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นจารีตประเพณีไทยที่เป็นกฎหมายประเพณีอยู่แล้ว ทำให้ กฎหมายประเพณีของท้องถิ่นอื่นๆ ไม่สามารถใช้ได้ไป เช่นในบางท้องที่ถือว่าจะมีการหมั้นก็เมื่อมีการจัดงาน และมีแขกเป็นสักขีพยาน หลักการนี้ที่เป็นจารีตประเพณีในบางท้องที่ก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป หรือเรื่องของการรับรองบุตร(ผู้เขียนกำลังหาข้อมูลเพิ่ม จะนำมาอธิบายในภายหลัง)
ผู้เขียนได้เรียนถามท่านอาจารย์อีกว่า แล้วถ้ากฎหมายลายลักษณ์อักษรขัดกับจารีตประเพณีของชาวบ้าน จะนำจารีตประเพณีของชาวบ้านมายกเว้นโทษได้หรือไม่ เช่น
เดิมทีชาวบ้านมีกฎหมายประเพณีเกี่ยวกับการหาของป่าในพื้นที่ป่ารอบหมู่บ้าน แต่ต่อมามีกฎหมายลายลักษณ์อักษรมาบัญญัติให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวน หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คำถาม คือ จะใช้กฎหมายประเพณีเรื่องการหาของป่ามายกเว้นโทษทางอาญาได้หรือไม่ ท่านอาจารย์ก็กรุณาตอบและอธิบายว่าไม่ได้ เพราะมีกฎหมายลายลักษณ์อักษรบัญญัติไว้อยู่แล้ว จะใช้กรณีที่ยังไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรบัญญัติไว้เท่านั้น เช่นที่ท่านอาจารย์ ฐาปนันท์ได้เคยอธิบายไว้ คือ เดิมทีไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรบัญญัติเรื่องป่าชุมชนไว้ ก็น่าที่จะเอาจารีตประเพณีการหาของป่าของชาวบ้านมาใช้ได้ โดยอาศัยมาตรา ๔ เป็นตัวเชื่อม แต่ถ้ามีกฎหมายเฉพาะแล้วก็ใช้ไม่ได้เลย...
ผู้เขียนได้ถามท่านว่า แล้วต่างกับกรณีนักมวยชกคู่ต่อสู้ถึงแก่ความตายอย่างไร ท่านก็ตอบว่า ในเรื่องเรื่องมีการแยกคำตอบเป็นสองแนว คือ
นักกฎหมายพวกหนึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องของการมีจารีตประเพณีมายกเว้นโทษ และจารีตประเพณีนั้นเป็นจารีตที่รับรู้ทั่วไป ในกรณีนี้ถ้าจะมีการเขียนกฎหมายลายลักษณ์อักษรมาลงโทษ ก็ต้องเขียนไว้ให้ชัดเลยว่า ชกมวยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายถือเป็นความผิด
อีกฝ่ายเห็นว่าเป็นเรื่องของความยินยอมมายกเว้นโทษ ซึ่งจะต้องมีการอธิบายภายหลังอีกว่าความยินยอมนั้นต้องไม่ขัดกับจารีตประเพณีที่มีมา
ท่านยังได้กรุณษอธิบายอีกว่าในสังคมนั้นเรามีกฎเกณฑ์อยู่หลายรูปแบบ เช่น แฟชั่น ศิลธรรม จารีต แต่จารีตที่จะเป็นกฎหมายได้นั้นจะต้องมีความเชื่อมั่นว่าประเพณีเป็นสิ่งที่ต้องห้ามชัดแจ้ง ทำไม่ได้ ผู้เขียนได้ถามท่านอีกว่าแล้วถ้าเป็นจารีตประเพณีในรัฐธรรมนูญจะสามารถนำมาฟ้องบังคับยังศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ เช่นเรื่องการแพ้โหวตในรัฐสภาของรัฐบาล ท่านก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการมีผลบังคับใช้ของกฎหมายจารีตประเพณี ซึ่งถ้าดูตามทฤษฎี ก็จะมี สองแนว คือ
พวกแรกเห็นว่า จารีตประเพณีจะมีผลบังคับเป็นกฎหมายได้ ก็ต้องมีกฎหมายตามแบบพิธีรับรอง พวกนี้ได้ อิทธิพลของสำนักกฎหมายฝ่ายบ้านเมืองPositivism แต่คำตอบแบบนี้จะนำไปอธิบายปรากฏการณ์ในกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศไม่ได้ เพราะในโครงสร้างสังคมระหว่างประเทศไม่มีรัฐฐาธิปัตย์
พวกที่สองมองว่าเป็นความรู้สึกว่าจะต้องทำตามที่มีอยู่ในบุคคลต่างๆ (ตรงนี้ผู้เขียน จะขออาสาไปอ่านหนังสือของท่านมาเขียนอธิบายเพื่อความกระจ่างอีกครั้ง)
ท้ายสุด ท่านก็ได้กรุณาเล่าให้ฟังปัญหาในทางทฤษฎี และผมก็ได้กราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงเพราะจะได้แก้ไขความเข้าใจที่ผิดพลาดของผม และจะได้แก้ไขคำบรรยายใหม่เพื่อนิสิตจะได้ไม่สับสน ซึ่ง ท่านก็ได้ให้กำลังใจว่า ดีแล้วที่สนใจเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องยาก การสอนจะช่วยให้เราเฉียบคมมากขึ้นและ เข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น
ผูเขียนต้องขอกราบขอบพระคุณท่าน รองศาสตราจารย์ สมยศ เชื้อไทย เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
จบการสนทนาทางวิชาการเท่านี้
............................................
พออ่านบทสนทนา แล้วทำให้เกิดประเด็น ความสงสัยมากมาย ขอบคุณมากครับ ผมต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเสียแล้ว ปล.ผมกำลังศึกษานิติศาสตร์อยู่ที่ธรรมศาสตร์