ในประเด็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเด็นหนึ่งที่ดิฉันสนใจ... “ความก้าวร้าว” คือการไปกระทบ “กรอบ” ที่วางไว้หรือไม่ ? ...ใครเป็นผู้วาง “กรอบ”...ถ้าโลกนี้ไม่มีความก้าวร้าว โลกนี้ก็คงจะมีแต่กรอบเดิม ๆ ...อีกมุมมองหนึ่ง พัฒนาการของสังคมอาจเกิดมาจากความก้าวร้าวก็ได้...นี่คือประเด็นที่หลวงพี่ chaiwut มาทิ้งรอยไว้ในบันทึก ปัญหาสังคม : เป็นมากน้อย...ต้องช่วยแก้ (4)
“ความก้าวร้าว” คือการไปกระทบ “กรอบ” ที่วางไว้หรือไม่ ? ประเด็นดังกล่าวมองว่า หากจะมุ่งประเด็นการมองไปที่ “กรอบ” แน่นอนที่สุด หากพฤติกรรมที่แสดงออกมาได้ไปกระทบ “กรอบ” ที่วางไว้หรือหลุดกรอบออกไป พฤติกรรมนั้นย่อมถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวที่คนในสังคมรับไม่ได้...แต่ในทางกลับกันหากเรามองหรือมุ่งประเด็นไปที่ “พฤติกรรม” เราจะพบว่า หากพฤติกรรมใดที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่ยอมรับหรือรับไม่ได้ เพราะพฤติกรรมนั้นได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนหมู่มากจนสังคมเกิดความไม่สงบสุข แน่นอนที่สุดเมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นในสังคมคนที่มีบทบาทสูงสุดในสังคมหรือผู้ที่มีอำนาจเหนือสุดที่เราเรียกว่า “ผู้นำ” รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องฝ่ายต่าง ๆ ย่อมต้องหาแนวทางในการป้องกันหรือหยุดพฤติกรรมที่เป็นปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อเป็นการป้องปราบไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามแผ่ขยายกว้างขึ้นไปอีก สิ่งนั้นก็คือการสร้าง “กรอบสังคม” ขึ้นมาล้อมรอบคนในสังคมไม่ให้ประพฤติปฏิบัติออกนอกเส้นนอกกรอบที่สังคมวางไว้ ในมุมมองนี้จึงมองว่า เป็นเพราะมนุษย์นำ “กรอบ” มาวางล้อมรอบความก้าวร้าว จึงเป็นผลให้ “ความก้าวร้าว” ไปกระทบกรอบที่วางไว้ เพราะแท้ที่จริงมนุษย์มีความก้าวร้าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วใช่หรือไม่...
ดิฉันขอยกตัวอย่าง...หากในลำธารมีน้ำที่ใสไหลนิ่ง และที่ตรงนี้เรามักจะมาหยุดยืนเพื่อดูปลาทุกวัน แต่เราก็ไม่เคยเห็นปลาแม้แต่ตัวเดียว แน่นอนที่สุดที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่เป็นเป้าหมายในการวางไซเพื่อดักจับปลาของเรา เพราะหากจะวางดักไปเราก็ไม่ได้ปลาดังประสงค์...หากแต่ได้เดินไปอีกที่...กลับพบเห็นลำธารเล็ก ๆ และที่ตรงลำธารมีปลาชุกชุมแหวกว่ายข้ามฝั่งไปมา แน่นอนที่สุดที่ตรงนี้เป็นเป้าหมายที่เราจะต้องนำไซมาวางเพื่อดักจับปลา เพราะเรามองว่าตรงไหนมีปลาชุกตรงนั้นย่อมต้องวางไซดักไว้เพราะโอกาสที่จะได้ปลามีมาก หากแต่กาลผ่านไปปลานั้นย่อมมีพัฒนาการในการหลบหลีกและบางตัวหาช่องทางหลุดออกจากไซได้อย่างง่ายดาย ปลาที่ดักได้ก็ย่อมลดน้อยลงเป็นธรรมดา มนุษย์ผู้ฉลาดกว่าย่อมมีการพัฒนาไซให้แข็งแรงกว่าแรงปลา และย่อมหาเทคนิควิธีการต่าง ๆ ในการวางไซที่หลากหลายไม่ซ้ำกันเพื่อจะได้ปลาเช่นดังเดิม... เช่นเดียวกันถ้าโลกนี้ไม่มีความก้าวร้าว...ไม่มีการเปลี่ยนแปลง...โลกนี้ก็คงจะมีแต่กรอบเดิม ๆ หรือหากโลกนี้ทุกคนอยู่กันอย่างสันติสุข โลกนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีกรอบมาล้อมรอบคนในสังคมเอาไว้ หรือไม่จำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาการของสังคมเลยก็ว่าได้
ส่วนในประเด็น “พัฒนาการของสังคมอาจเกิดมาจากความก้าวร้าวก็ได้” ดิฉันมีความเห็นไม่แตกต่าง เพราะความก้าวร้าวเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม อาจเพราะมีปัญหาพัฒนาการทางสังคมจึงเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันเมื่อสังคมใดมีความก้าวร้าวสังคมนั้นย่อมต้องหาทางแก้ไขเพื่อทำให้สังคมอยู่รอด หากแต่ปล่อยไว้ก็เท่ากับเป็นการหยุดพัฒนาการของสังคมลง และสังคมจะเสื่อมถอยลงไปเรื่อย ๆ
เจริญพร อาจารย์
กำลังจะปิดไฟจำวัดพอดี ขึ้นมาเห็นบันทึกอาจารย์ และพาดพิงถึงอาตมาอีกด้วย ดังนั้นจึงขอวิพากษ์วิจารณ์เล็กน้อย ...แต่ก่อนอื่นขอชมว่าบันทึกนี้ควรแก่การสนใจ ครับ
นึกถึงแนวคิดของโทมัส ฮอบส์ ครับ เค้าบอกว่า มนุษย์เป็นสัตว์กระหายอำนาจ ดังนั้น จึงมอบอำนาจทั้งหมดให้ใครบางคนเป็นผู้สร้างกรอบขึ้นมา...คงจะประมาณนั้น
ต่อจากนั้นก็คิดถึง กฎหมาย ครับ ถ้าเราคิดว่า กฎหมายคือกรอบ ปรัชญากฎหมายก็ได้ว่าด้วยบ่อเกิดกฎหมายไว้หลายสำนัก ซึ่งสำนักเด่นๆ ก็เช่น
สำนักธรรมชาตินิยม เค้าเชื่อว่าโลกนี้มี กรอบ อยู่ตามธรรมชาติ กฎหมายเป็นเพียงกรอบที่ลอกเลียนมาจากกรอบตามธรรมชาติ ส่วนกฎหมายใดที่ขัดแย้งกับกรอบตามธรรมชาติ เราก็สามารถฝ่าฝืนกฎหมายนั้นได้...
สำนักประวัติศาสตร์ เค้าเชื่อว่า กรอบ เกิดขึ้นจากความต้องการของสังคม กรอบแต่ละสังคมย่อมมีพัฒนาการมาจากความจำเป็นของสังคมนั้นๆ ดังนั้น กรอบต้องเปลี่ยนไปและประยุกต์ไปเสมอเพื่อความเหมาะสมที่สุด เพราะถ้ากรอบไม่เหมาะสมแล้วก็ย่อมมีการฝ่าฝืนจากสมาชิกได้ นั่นคือ กฎหมายต้องประยุกต์ไปตามความเหมาะสมของสังคม นั่นเอง
สำนักกฎหมายบ้านเมือง เค้าเชื่อว่า กรอบ เกิดจากคำสั่งของผู้มีอำนาจ ผู้มีอำนาจต้องการอย่างไรก็ย่อมเป็นอย่างนั้น เช่น สัญญาณไฟแดงไฟเขียว ไม่มีอะไรมากไปกว่ากรอบที่ผู้มีอำนาจสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมความเป็นระเบียบเรียบร้อย ..ประมาณนี้
แค่นี้นะ อาจารย์ เพราะรู้สึกง่วงแล้ว
เจริญพร
อืมมม คุณ Vij (อ.วิจิตรา) เปลี่ยนรูปใหม่ หนูจำไม่ได้เลยยคะ จริง ๆ แล้วหนูเห็นรูปขึ้น Post ตั้งหลายครั้งแล้ววว แต่ไม่ได้สังเกตว่าเป็น Vij คะ ขอโทษ ๆๆๆๆ คะ
น้องนิว
นมัสการค่ะ "หลวงพี่"
ได้ ลปรร. กับหลวงพี่ แล้วรู้สึกได้เพิ่มพูนความรู้ในเชิงปรัชญาและพุทธศาสนา สรรค์สร้างและจรรโลงใจ นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขค่ะท่าน
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่สาวคนสวย...Bright Lily
ขอบคุณมากค่ะ ที่มาพร้อมกับนำพลังชีวิต
พลังในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพราะพลังที่ยิ่งใหญ่ คือ "พลังใจ...พลังชีวิต" ค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะน้องนิว...แสนสวย
ให้อภัยแล้วค่ะ...แต่เอ้!! ที่จำได้ไม่เคยโกรธน้องสาวคนนี้เลยนี่ค่ะ เดี๋ยวจะแวะเข้าไปนั่งคุยด้วยที่บ้าน (บล็อก) นะจ๊ะ มีความสุขเยอะ ๆ นะคะ มีกำลังใจมอบให้เสมอค่ะ "น้องนิว"
สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณ "ขจิต" กลับมาจากชายแดน แขน ขา ลูกตา อยู่ครบดีนะคะ (ยิ้ม ๆ) ขอบคุณมากค่ะที่แวเข้ามา
ขอบคุณคุณ "แผ่นดิน" ค่ะ ที่แวะเข้ามาซึมซับทัศนะ...ว่าแต่ว่า...เจ็บคะเหรอค่ะ...(แซวค่ะ) รักษาสุขภาพด้วยค่ะ (ยิ้ม ๆ)
โอ้โห ผมเพิ่งรู้ว่าความก้าวร้าวก็มีประโยชน์
สุดยอดนัก KM จริงๆ
นับถือ นับถือ
ขอคารวะด้วยใจจริงครับ
ขอบคุณค่ะ...คุณขจิต
ว๊า!! ไม่กี่เพลาคุณขจิตก็จะเป็นเด็กนักเรียนนอกแล้วซินะ แต่ก็ดีใจ (หาย) ที่คุณขจิตจะได้ไปสานฝัน
คิดถึงแย่เลย...อยากเจ๊ออยากเจอ...คุณขจิต กับชายหนุ่มข้างบนจังค่ะ (ยิ้ม ๆ)
ท่าทางจะเป็นพี่ชายที่ใจดีกันทั้งคู่เลยเนอะ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ...ที่ห่วงใย
ความก้าวร้าว
ขบถ
ความคิดสร้างสรรค์
สามคำนี้อยู่ไกล้กันนิดเดียว
มันคล้ายจะเป็น "พลัง" ที่ต้องควบคุมให้ถูกวิธีครับ
มาตามหาค่ะ
หายไปนาน คิดถึงอยู่ค่ะ