การให้คำปรึกษา...เพียงแค่ปรารถนาหรือต้องการ


มีความปรารถนาดีที่จะเอื้อมพยุงมือให้ผู้ที่ล้มได้ลุกขึ้นเดินต่อไหว...และก้าวมุ่งสู่จุดหมายของการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มากกว่าจิตใจที่มีเพียงความต้องการช่วยเหลือ อันจือปนด้วยส่วนผสมของกิเลสเป็นสำคัญ

ในการให้คำปรึกษา สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะสับสนระหว่าง "ความต้องการ" และ "ความปรารถนา" ที่จะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์และพานพบกับความสุขในวิถีชีวิตอย่างสมดุล...แท้จริงแล้วสองคำนี้มีความเหมือนที่แตกต่างกัน

เมื่อกล่าวถึง "ความต้องการ" เกิดจากสภาวะความขาดแคลนหลายระดับ เช่น ระดับที่จำเป็น(need) และระดับที่มากกว่าจำเป็น(want) ซึ่งอาจทำเพื่อความสะบายใจ โดยเนื้อแท้ของความต้องการ เป็นสภาวะของการขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือหลายสิ่ง สภาวะดังกล่าวทำให้เกิดช่องว่างของสิ่งที่มีและสิ่งที่ขาด อันเป็นสาเหตุให้บุคคลมุ่งสู่การได้มาซึ่งสิ่งนั้น ส่วน "ความปรารถนา" เป็นความต้องการที่ลึกซึ้งกว่าและลงลึกภายในจิตใจ...ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ในสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่สิ่งนั้นก็ไม่สามารถมาบั่นทอนหรือทำลายชีวิตให้พังพินาศแต่อย่างใด เพราะแท้จริงแล้วความปรารถนาส่วนใหญ่มักจะมุ่งไปสู่แนวทางที่ดีเสียมากกว่า ซึ่งอาจเป็นลักษณะของความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อผู้อื่น และเรามักจะเรียกสิ่งนี้ว่า "ความปรารถนาดี"

เมื่อได้ทบทวนดังนี้...จึงไม่น่าจะแปลกอะไร สำหรับการให้คำปรึกษา ที่ควรเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์และพานพบกับความสุขอย่างแท้จริง...ก็เพราะเนื้อแท้ของเจ้าสิ่งนี้ เป็นความตั้งใจดีที่ผ่องถ่ายจากส่วนลึกของจิตใจ จนกลายเป็นความหวังดี ความรู้สึกดี ๆ ที่มอบให้ผู้อื่นด้วยความปรารถนาดี....แต่หากการให้คำปรึกษาที่เต็มไปด้วยเป็นความต้องการนั้น มักจะมีส่วนแทรกของการดำรงอยู่ ความพึงพอใจ ความสะบายใจของตนเข้ามาร่วมด้วย นั้นหมายถึงการให้คำปรึกษานั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการค้นหาสิ่งตอบแทน การนำมาซึ่งชื่อเสียงหรืออำนาจ เมื่อพิจารณาเช่นนี้แล้ว...ความต้องการจึงมุ่งไปที่ผลประโยชน์ส่วนตนเสียมากกว่า

ดังนั้น ในการให้คำปรึกษา ผู้ให้คำปรึกษาที่ดี จึงควรตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของการมีจิตใจที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น พร้อมที่จะเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งทุกข์อย่างแท้จริง...มีความปรารถนาดีที่จะเอื้อมพยุงมือให้ผู้ที่ล้มได้ลุกขึ้นเดินต่อไหว...และก้าวมุ่งสู่จุดหมายของการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มากกว่าจิตใจที่มีเพียงความต้องการช่วยเหลือ อันจือปนด้วยส่วนผสมของกิเลสเป็นสำคัญ

หมายเลขบันทึก: 295267เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2009 17:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)

ผมว่าการให้คำปรึกษา ก็คือ การช่วยเขา ให้เขาช่วยตัวของเขาเองได้ ด้วยตัวของเขาเอง

มากกว่าที่เราจะเข้าไปแนะนำหรือช่วยเหลือเขาตามที่เราต้องการ ใช่ใหมครับ

ความปรารถนาดีมีให้คนบนโลกนี้          เป็นความดีมีน้ำใจให้กับเขา

ไม่หวังผลตอบแทนแม้นให้เรา               อย่าคิดเอาเป็นกิเลสเห็นแก่ตัว

ความต้องการใดใดอย่าได้คิด                ต้องมีจิตคิดให้ถวายหัว

ที่ปรึกษาไม่ทำเช่นเห็นแก่ตัว                  ผ่านมืดมัวให้เขาได้สุขใจเรา

  • อ่านทั้งหลายเที่ยว
  • นาน ๆ จะได้อ่านในแนวที่ชอบ
  • ชื่นชมผู้หญิงเก่ง ( สวยด้วย )

ขอบคุณท่านรองฯ small man ค่ะ...อย่างที่ท่านรองฯ กล่าวไว้ก็ใช่ค่ะ
ผู้ให้คำปรึกษา เป็นเพียงผู้ชี้แนะ แต่มิใช่ผู้ชี้นำค่ะ...ผู้ให้คำปรึกษา เป็นผู้สนับสนุนแนวทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อให้เขาเลือกเดินอย่างสร้างสรรค์...ด้วยตัวของเขาเองค่ะ

คุณแม่ "อ้อยเล็ก" คนสวย...เค้ายอมเดินตามตะเองไปโดยเต็มใจเลยจ้าาาาา...อุตส่าห์พามือพ่อหนุ่มคนนั้นมาเกี่ยวก้อยเค้า...ใครจะไม่ไปละเจ้าค่ะ...อิๆๆๆๆ และแล้วก็เดินตามไปทิ้งรอยไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ...

.มีความปรารถนาดีที่จะเอื้อมพยุงมือให้ผู้ที่ล้มได้ลุกขึ้นเดินต่อไหว...และก้าวมุ่งสู่จุดหมายของการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มากกว่าจิตใจที่มีเพียงความต้องการช่วยเหลือ อันจือปนด้วยส่วนผสมของกิเลสเป็นสำคัญ...

เราชอบจังประโยคนี้นะตะเอง....ทำดีกว่าพูดมากมายเลยล่ะ..

 



บางครั้งการเป็นที่ปรึกษาก็เหมือนกับดาบสองคมนะคะพี่วิจิตรา

เคยโกรธกับเพื่อนก็เพราะให้คำปรึกษามาแล้วเหมือนกันค่ะ

หลัง ๆ เลยต้องถามกลับไปบ้าง ว่าแล้วเขาล่ะคิดยังไง ???

ขอบพระคุณค่ะ...ท่าน "วิโรจน์" มากค่ะ...ชอบและชื่นชมที่ท่านตอบเป็นบทกวีค่ะ...เพราะอ่านแล้วทำให้ Vij ได้คิด...เป็นความคิดที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์...

  • สวัสดีค่ะ คุณ Vij
  • อธิบายได้ชัดเจนดีเดียวค่ะ
    ระหว่าง ความต้องการกับ
    ความปรารถนา
  • นักจิตวิทยามีความปรารถนาให้ผู้
    ที่เข้ามาปรึกษาพ้นทุกข์ในระดับหนึ่ง
  • ในฐานะที่เคยเรียนวิชานี้เป็นวิชาโทในสมัยเรียนปริญญาตรี ประกอบกับการได้ศึกษาพระพุทธศาสนาในระดับหนึ่ง  ทำให้มีความรู้สึกที่ว่า "จิตวิทยาเป็นยาทา  พุทธศาสนาเป็นยากิน" ค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ...คุณลุงมหาที่รัก อิๆๆๆ

หนูเขินเลยลุง...ที่ลุงมหาชมว่าเก่งนะหนูไม่เิขินหรอก...แต่ที่ลุงชมในวงเล็บ(...)นะสิ อิๆๆๆๆๆๆๆ...หนูเขินนะ...ผู้หญิงนะลุงนะ ชอบคำชมเป็นชีวิตจิตใจทุกคนแหละ ประมาณว่า(บ้ายอ)เหมือนกันหมด...โดยเฉพาะหนู...อิๆๆๆๆ

ธรรมฐิตก็มีความปารถนาที่จะให้คำปรึกษาด้วยความจริงใจ

แต่หาใช่ความต้องการให้เขาเหล่านั้นหันมานับถือพุทธศาสนาไม่

เพียงแค่หาวิธีนำเสนอตามแนวทางพุทธศาสนา

แล้วปรารถนาให้เขาเหล่านั้นพิจารณาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตขอรับอาจารย์..

รับปรึกษาทุกเรื่อง(ยกเว้นยืมตังค์)

ธรรมะตอนใกล้ตีแกลบขอรับอาจาย์(อย่างง)

ดีใจที่คุณแม่ "อ้อยเล็ก" คนสวยชอบ..."ทำให้เห็นเพียงหนึ่งครั้ง ดีกว่าพูดให้ฟังร้อยพันคำ"...แต่นั่นอะไรนะตะเอง...ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ...มีภาพคนสวยอยู่ด้วย...มันคืออะไรหนอ

สวัสดีจ้าาาาา น้องแหม่มคนสวย...แม่เจ้าแพลน

ทุกสิ่งทุกอย่างหากนำมาใช้ไม่ถูกต้องเหมาะสม ย่อมเป็นดาบสองคมเสมอ...

บางครั้งผู้ที่เป็นทุกข์เพียงแค่ต้องการระบายความคับข้องใจ...เราจึงควรนิ่งฟังอย่างใส่ใจ หากแม้ความปรารถนาดีที่มีให้อย่างไม่ก้าวล่วง...แม้เขาจะไม่เลือกตามแนวทางนั้น ก็ย่อมเป็นสิทธิของเขาที่จะเลือกและตัดสินใจตามครรลองวิถี

-------------------

ส่วนใหญ่ที่ต้องทะเลาะกับเพื่อนก็มักเป็นเรื่องแฟนของเพื่อน...ดาบสองคมที่ว่า...บางครั้งความปรารถนาดีที่ก้าวล่วงในวิถีชีวิตของเขามากจนเกินไป...ชี้นำมากกว่าชี้แนะ...สุดท้ายทำให้ต้องเสียเพื่อนที่ดีก็เพราะแฟน

http://www.imagechef.com/ic/product.jsp?cat=photo+frames

มันคือรูปที่ไปแต่งมาจากเว็บแต่งรูปจ้าครูยะลาคนสวย..สารพัดที่คนเขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์มันทำงานได้..เยี่ยมมากๆครูยะลาไปเลือกได้เลย..ตามลิ้งค์ที่ให้มานะจ๊ะ..อย่างกลอนพี่ก้ามกุ้งแต่งให้ครูอ้อยเล็ก..ครูอ้อยเล็กยังไปเสกกรอบหลุยส์สวยๆมาใส่ได้ซะหรูเลย..งิๆๆๆ

สวัสดี น้องvij ตั้งหัวเรื่องแต่ละเรื่อง เป็นเรื่องุทุกเรื่อง  ชวนสงสัย สนใจ ใคร่รู้ อยากเข้ามาดูมาอ่าน ตามนิสัยของคนบ้านเรา "อยากรู้เรื่องเพื่อน"ฮาๆๆ 

"การให้คำปรึกษา...เพียงแค่ปรารถนาหรือต้องการ" การให้คำปรึกษา พูดภาษาบ้านเราว่า หวังดี  อยู่คนละซีกคนละฝั่งกับ  ทำเฒ่า เรื่องเดียวกัน คนเดียวกันคำพูดเดียวกัน เมื่อพูดไปแล้วเขายอมรับ  เราเป็นผู้หวังดี  ถ้าเขาไม่ยอมรับ เราก็ทำเฒ่า  แต่นักไกล่เกลี่ยชุมชนคนอย่างเรา เป็นได้ทั้งทำเฒ่า และหวังดี ถ้าทำให้เรื่องจบลงได้ ภายใต้การไกล่เกลี่ย

ขอบคุณมากค่ะ...คุณครู "ธรรมทิพย์"

เขียนได้ถูกใจและตรงใจที่สุดค่ะ "จิตวิทยาเป็นยาทา พุทธศาสนาเป็นยากิน" ชอบมากมายกับคำนี้...เพราะเรียน ๆ ไปจึงรู้ซึ้ง เคยพูดกับเพื่อนว่าแท้จริงแล้วศาสตร์ด้านจิตวิทยากับคำสอนในพุทธศาสนาไม่ได้แตกต่างกันเลยค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ...ทั้งยาทา และยากิน ต่างก็ช่วยสมานและรักษาบาดแผลได้เป็นอย่างดีค่ะ...

นมัสการค่ะ...หลวงพี่

หลวงพี่ไม่ให้งงงงง!!! แต่ Vij งงงงง!!! ตอนใกล้ตีแกลบเจ้าค่ะ เรื่องเดียวที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากรับปรึกษา "เงินขาดมือไม่รู้จะทำไง...มีตังค์ให้ยืมป๊ะ" สำหรับ Vij แล้วใครมาปรึกษาถือว่าใช้คำพูดที่ไม่สุภาพเอามาก ๆ เจ้าค่ะ ฉะนั้น ไม่รับปรึกษาเด็ดขาด!!

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

ว๊าวๆๆๆๆ เข้าไปดูมาแล้วค่ะ คุณแม่อ้อยเล็กสุดสวย ขอบคุณมากค่ะที่นำมาแบ่งปัน...บทกลอนคุณ "ก้ามกุ้ง" แต่งได้ความหมายและไพเราะดีจังค่ะ

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ฮาเลยค่ะบัง...ทำเฒ่านิ......ชอบคำพูดนี้จังค่ะ "เมื่อพูดไปแล้วเขายอมรับ เราเป็นผู้หวังดี ถ้าเขาไม่ยอมรับ เราก็ทำเฒ่า แต่นักไกล่เกลี่ยชุมชนคนอย่างเรา เป็นได้ทั้งทำเฒ่า และหวังดี ถ้าทำให้เรื่องจบลงได้ ภายใต้การไกล่เกลี่ย" ฟัง ๆ ดู เหมือนจะให้ยอมความกันยังไงยังงั้น...ขอบคุณมากค่ะบังขา...

สวัสดีครับ
ผู้ให้คำปรึกษาที่ดี จึงควรตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของการมีจิตใจที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น พร้อมที่จะเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งทุกข์อย่างแท้จริง ขอบคุณมากครับ บทความนี้ดีมาก ความต้องการ.... ความปรารถนาดี...ในสังคมความแตกต่างขอให้มีความปรารถนาดีให้กันมาก ๆ ยิ้ม ทักทาย ให้อภัย และให้ความดีแก่กันและกันครับ

อ้าวววว..อาจารย์ยังงงอยู่อีกหรือนี่..งั้นบอกให้หายงง

ตีแกลบคือ..สี่ทุ่ม..ไง(พูดแบบใต้นะ)แกลบเขาทุ่ม(ทิ้ง)แหละไม่ใครกินหรออาจารย์(๕๕๕)

หายงงแล้วนะงั้นไปละ

ธรรมะสวัสดีขอรับ..

ขอปรึกษาเรื่องด่วน!...ควรหรือไม่         อ่านทีไรใจไม่ดีหลวงพี่เอ๋ย

ธรรมฐิตท่านเป็นพระอย่างไรไม่คุ้นเคย    เห็นโต้ตอบเปิดเผยเลยห่วงใย

ภาษาพระหรือภาษาฆราวาส                ขอบังอาจสักนิดด้วยจิตใส

ใช่ลบหลู่ดูหมิ่นด้วยจิตใจ                    เกรงว่าไม่สมควรทบทวนดู

สนทนาธรรมงามวินัยใสสะอาด            ช่วยประกาศธรรมะจะเลิศหรู

ห่วงอาจารย์อ่านที่ไรไม่น่าดู                 ฝากคุณครูดูนิดสะกิดใจ                        

ขอบพระคุณมากค่ะ...ท่าน "วิโรจน์" สำหรับคำแนะนำ... Vij ขอน้อมรับด้วยความเห็นดีเห็นงามด้วยทุกประการค่ะ...แต่ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ค่ะท่าน...Vij จึงขอขยายความตามคำพูดนะคะ "เงินขาดมือไม่รู้จะทำไง...มีตังค์ให้ยืมป๊ะ"  Vij หมายเีพียงยกตัวอย่างว่าเพื่อนมาปรึกษาเรื่องยืมเงิน...แล้วเพื่อนพูดประมาณว่า "ตอนนี้เงินขาดมือไม่รู้จะทำไงดี มีตังค์ให้ยืมหรือไม่"...แต่ที่เขียนไปก็ไม่ได้ขยายความ...เลยทำให้มองดูเหมือนกับว่า Vij ใช้คำพูดตอบโต้กับพระหลวงพี่...ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ไม่ได้คิดหลบหลู่หรือพูดจาจาบจ้วงในพุทธศาสนาให้เสื่อมเสียแม้แต่น้อยนิดค่ะ...และทุกครั้งที่ลงความเห็นไปก็ทบทวนตน หากแต่ว่ามืออาจไว ไม่ทันได้คิดทบทวนเรื่องภาษาที่ตัดทอน...ดังนั้น เมื่อลงความเห็นไปทำให้คนอ่านเข้าใจผิดไป...อีกประการ Vij จะชอบอ่านงานตอนกลางคืนหรือดึก ๆ ดื่น ๆ ค่ะ...และจะลงความเห็นในช่วงนั้น...หากมองไม่ดีไม่งามก็ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยค่ะ...
ทั้งนี้ ด้วยความเคารพท่าน "วิโรจน์" ด้วยใจจริงค่ะ...และขอกราบขอบพระคุณในน้ำใจที่ประเสริฐของท่านที่เข้ามาเตือนให้พึงระวังการใช้ภาษา Vij ขอน้อมรับและน้อมนำไปปฏิบัติค่ะ

  • อาจารย์ครับ
  • ไม่ง่ายเลยนะครับ
  • ผู้ให้คำปรึกษาที่ดี จึงควรตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของการมีจิตใจที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น พร้อมที่จะเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งทุกข์อย่างแท้จริง...มีความปรารถนาดีที่จะเอื้อมพยุงมือให้ผู้ที่ล้มได้ลุกขึ้นเดินต่อไหว...และก้าวมุ่งสู่จุดหมายของการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์
  • แต่เป็นเรื่องท้าทายมาก
  • เอาใจช่วยครับ

Pเขียนอธิบายยาวเลยนะเนี่ย..เข้าใจจ้าเข้าใจ..ไปแต่งรูปแล้วยัง...

http://www.imagechef.com/ic/product.jsp?cat=photo+frames

 

ขอบคุณมากค่ะ...คุณ "ประเสริฐ" สำหรับการเติมเต็ม

"ในสังคมความแตกต่างขอให้มีความปรารถนาดีให้กันมาก ๆ ยิ้ม ทักทาย ให้อภัย และให้ความดีแก่กัน" เมื่อคืนเข้าไปในบันทึกท่าน...กะจะเข้าไปทักทายและขอบคุณ พบว่าบันทึกท่านมีแยะมากค่ะ...และไม่ได้ทิ้งรอยไว้...ลปรร.กันนะคะ :))

นมัสการพระคุณเจ้า

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ...สำหรับการขยายความคำว่า "ตีแกลบ" อยู่ภาคใต้...แต่ศัพท์ใต้บางคำก็อยากแก่การเข้าใจเจ้าค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ..."ขจิต"

ไม่ง่ายเลยค่ะ...แต่ก็ไม่ยากเกินความมุ่งมั่นและตั้งใจ...งานที่ทำเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุดสำหรับตัวเองค่ะ...แต่หากชิ้นงานนี้ออกมาตามแผนที่กำหนดไว้...ก็จะเป็นงานที่คุ้มค่ากับเวลาที่รอคอยและการเก็บเกี่ยวความรู้...ตอนนี้กำลังรอเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ...แต่งานก้อนใหญ่รออยู่เบื้องหน้า...หนึ่งคำพูดที่ยังจดจำอยู่เสมอของท่าน รศ.ดร.โยธิน แสวงดี อาจารย์ที่ปรึกษา...บอกว่า "อย่าสะดุดขาตัวเองเสียก่อน"...ตอนนี้ก็ตั้งใจเดินอย่างระมัดระวังค่ะ

ขอบคุณมากค่ะคุณ "ขจิต" ที่เอาใจช่วยเสมอ :))

ขออภัยที่สื่อสารผ่านท่านนี้                อยากจะชี้ที่พระท่านผ่านความเห็น

ภาษาพระภาษาฆราวาสนั้นประเด็น     อยากจะเม้นท์ไปถึงพระนะอาจารย์

หลายครั้งคราวท่านเข้ามาธรรมฐิต     อยากสะกิดว่าบางเม้นท์เห็นฉะฉาน

ภาษาโลกยกมากว่าธรรมทาน           จึงฝากท่านพิจารณาหาเม้นท์ดู

คุณ Vij ทำกุศลมากนะคะที่ช่วยเป็นที่พึ่งทางใจให้บุคคลที่กำลังทุกข์ใจ...

ขอบคุณมากค่ะ...คุณแม่ "อ้อยเล็ก" คนสวย...ต้องอธิบายยาวค่ะ...แต่เต็มไปด้วยความเข้าใจ Vij ชอบการติเพื่อก่อค่ะ...และชอบมุมมองที่แตกต่าง...มุมมองที่เต็มไปด้วยเหตุด้วยผล...มองว่าทุกแง่มุมมีความงดงามอยู่เสมอ หากเราได้ทำความเข้าใจและยอมรับในความเห็นต่างเหล่านั้น...สรุปว่ายินดีปรีดามาก ๆ หากเพื่อนนำความปรารถนาดีมาให้ และชอบอะไรที่ตรง ๆ อย่าง ท่าน "วิโรจน์" พูดตรงไปตรงมา ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ซ่อนเร้น คำพูดของท่านถือเป็นการสื่อสารที่เหมาะสมและสมควรยิ่งต่อการก่อเกิด "มิตรภาพ" ที่ดีงามระหว่างกัน

อิๆๆๆๆ อธิบายยาวไปหรือเปล่าเนี่ย คุณแม่อ้อยเล็กคนสวย...ยังไม่ไปตกแต่งภาพเลยเจ้าค่ะ...เมื่อคืนเข้าไปดูแล้วรอบหนึ่ง แต่ยังไม่ลงมือทำเลย ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวแต่งภาพเสร็จจะนำไปอวยนะคะ....

ขอบพระคุณมากค่ะ...ท่าน "วิโรจน์"

เพิ่งเห็น Comment ของท่านค่ะ...ขออภัยหาก Vij ตีความบทกวีท่านผิดไป...แต่อย่างไร Vij ก็น้อมรับความปรารถนาดีและชอบอะไรที่ตรงไปตรงมาอย่าง ท่าน "วิโรจน์" ค่ะ และหาก Vij ทำอะไรผิดพลาดประการใด ขอท่าน "วิโรจน์" โปรดชี้แนะได้ทุกเมื่อทุกบันทึกค่ะ...เพราะโดยนิสัยส่วนตัวแล้วชอบการพูดตรงไปตรงมาค่ะ...มองว่าทุกอย่างเป็นการติเพื่อก่อ..และจะโปรดปรานมากหากมีใครเสนอความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป...ทั้งนี้ มองว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อการก่อเกิดการเรียนรู้ และ "มิตรภาพ" ที่ดีงามระหว่างกันค่ะ

ด้วยความเคารพท่านเสมอค่ะ...

ขอบคุณพี่นงนาทมากค่ะ...

เรื่องที่มาปรึกษาบ่อยเกือบทุกรายมักเป็นเรื่องความรักค่ะ ความรักระหว่างหนุ่มสาว...มีอยู่่รายนึงบอกว่าขอ "แค่เพียงรับฟังเขา...เขาก็สบายใจแล้ว...เขาไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง...เพราะไม่เชื่อใจ" และพบว่าบางปัญหาไม่ต้องการคำแนะนำ...แค่เพียงรับฟังอย่างตั้งใจ...ถือเป็นการช่วยให้เขาได้ระบายความทุกข์ออกมา...บางรายโทรมาเล่าขณะที่เล่าก็ไปร้องไห้ไปด้วย...เขาเคยบอกว่า หากจะนำเรื่องราวของเขาไปเล่าต่อก็ไม่มีปัญหา เพราะเชื่อใจว่า Vij ไม่เปิดเผยชื่อจริงแน่...เขาอยากให้เป็นอุทาหรณ์...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ให้คำปรึกษาควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดก็คือ ตั้งมั่นอยู่ในจรรยาบรรณของวิชาชีพค่ะ...

ดีแฮะ...เค้าไปไกลถึงไหนๆ กันแล้ว Vij แม่แก้วยังตามไม่ทัน...เค้าเลย

การ์ดไมตรีสวยดีค่ะ...งั้นก็ขอรับไว้ด้วยความขอบคุณยิ่ง

แหล่ะเราก็หากันจนเจอ..อิๆๆๆฝันดีจ้า...

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท