ได้รับเมล์จากเพื่อน เกี่ยวกับ แท๊กซี่มหาภัย ซึ่งหลายคนอาจจะได้อ่านผ่านตามาบ้างแล้ว จึงนำมาลงให้เวียนกันไปอ่านเพื่อเป็นเครื่องเตือนภัย และ ช่วยให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้แท๊กซี่ได้ระวังตัวไว้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะ ผู้ที่สัญจร ผ่านไปมาตามสถานที่ที่กล่าวในเรื่องดังกล่าว
เรื่องที่ 1
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้เจอมากับตัวเองในการใช้บริการรถ Taxi (เขียวเหลือง) ค่ะ วันที่ 10/10/2549 หลังจากที่กลับจากทำธุระแถว ๆ ถนนศรีนครินทร์ และได้มาขึ้นรถ Taxi จากหน้าปากซอยสุเหร่า (ปากน้ำ) ทะเบียน มข-1224 ขณะนั้นเวลาประมาณ 20.30 น.พอขึ้นไปนั่งคนขับเขาปรับกระจกก่อนเลย และปรับแอร์ให้ตรงมาที่เรา แต่ตัวเขาจะนั่งให้ชิดติดพวงมาลัยเลย ซึ่งตัวเองเป็นคนที่ชอบอ่านเมลจากคนที่เคยเจอประสบเหตุการณ์จากรถ Taxi ก็ทำให้สังเกตุพฤติกรรมของคนขับมาตลอดและเราก็พยายามชวนเขาคุย แต่ก็คุยตอบกลับมาน้อยมาก พอนั่งไปซักประมาณ15 นาที ก็เริ่มหายใจไม่ค่อยออก และระหว่างทางเราก็โทรบอกที่บ้านนะว่าเราอยู่บนรถ Taxi ใกล้จะถึงแล้ว และเขาก็คอยมองกระจกตลอด หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มลืมตาไม่ขึ้น ณ ตอนนั้นเลยคิดว่าต้องใช่แน่ ๆ เลย เราเจอกับตัวเองแล้ว ก็บอกให้เขาจอดรถเลย และเราก็เปิดประตูรถออกไปเลยซึ่งเขาขับช้ามาก (คงจะรอให้ยาออกฤทธิ์ก่อน) เขาก็ค่อย ๆ จอดนะแล้วก็ถามเราย้ำว่า จะลงตรงนี้เลยเหรอฝนยังไม่หยุดตกเลย เราก็ยืนยันว่าเราจะลงตรงนี้ แล้วคนขับก็ค่อย ๆ ชลอรถ แล้วก็จ่ายตังค์ค่าโดยสารไปด้วยนะ แล้วก็เดินลงมาได้ 2-3 ก้าวก็เป็นลมหมดสติเลยคนที่อยู่บริเวณนั้นเขาก็มาช่วยปฐมพยาบาลกัน แล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังเขาก็ให้เราแจ้ง รายการร่วมด้วยช่วยกัน และ แจ้งที่ สน.ท้องที่ที่เกิดเหตุ ฉะนั้นเลยอยากเตือนทุกคนที่ใช้บริการรถ Taxi ให้ระมัดระวังตัวถ้าสังเกตุว่ามีพิรุธให้ลงทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเองนะคะ
เรื่องที่ 2
เนื่องจากในวันที่ 20 พฤศจิกายน ดิฉัน......................... ได้ไปปฏิบัติงานที่เกตย์เวย์ โดยออกจากเกตย์เวย์ด้วยรถตู้ของบริษัทในเวลา 20.30 และลงรถตู้ที่สี่แยกบางนาเวลา 22.00 โดยต่อรถแท็กซี่ทะเบียน ทพ8859 สีน้ำเงินแดงที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ฝั่งตรงข้ามBITEC คนขับรถรูปร่างท้วม อายุสี่สิบกว่า ไว้หนวด และไม่มีอาการตื่นตระหนกใด ใด เมื่อขึ้นรถดิฉันได้ตรวจสอบว่าทะเบียนในรถตรงกับนอกรถ ดังนั้นจึงบอกแท็กซี่ว่าจะให้ไปส่งที่งามวงศ์วาน ดิฉันสังเกตุว่าแท็กซี่พูดโทรศัพท์มือถือว่า " ผู้โดยสารขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว " เสร็จแล้วจึงออกรถ จากนั้นได้โทรศัพท์บอกทางบ้านว่าตอนนี้ขึ้นรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงบ้านเมื่อดิฉันวางสายโทรศัพท์ แท็กซี่ก็ทำเป็นกดปุ่มเปิดวิทยุ ( ซึ่งสังเกตุว่าไม่ใช่ จ.ส. 100 แต่เป็นช่องที่คลื่นไม่ชัดเหมือนพวกวิทยุสื่อสารมากกว่า )
คิดว่าคงจะเป็นปุ่มเปิดแอร์แรง ๆ และทำให้ยาสลบทำงานด้วยค่ะ จากนั้นสักประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ก็รู้สึกว่าชาบริเวณท้อง และเริ่มหายใจไม่ออก อึดอัดมาก ๆ เลยโทรศัพท์คุยกับทางบ้านไปเรื่อย และเริ่มเปิดกระจกหน้าต่างเพื่อให้ลมภายนอกเข้ามาในรถ แต่รู้สึกว่าลมของแอร์ในรถจะมาปะทะหน้ามากกว่าเดิม เลยขอให้แท็กซี่จอดรถบนทางด่วนในตอนนั้นเลย คนขับทักท้วงเล็กน้อยว่ามันไม่ปลอดภัย แต่ดิฉันยืนกรานจะลงรถให้ได้ ระหว่างนั้นก็พูดบอกในโทรศัพท์ด้วยว่าถูกแท็กซี่มอมยา อยู่บริเวณทางลงทางด่วนท่าเรือ ให้มารับด่วน
แท็กซี่เลยจอดให้ลงจากรถ ขณะนั้นดิฉันรู้สึกชามาที่ขา และเวียนหัวมาก ๆ ส่วนแท็กซี่ก็ขับรถออกไป ดิฉันก็ค่อย ๆ เดินย้อนกลับมาที่ทางลงทางด่วนท่าเรือ จนถึงถนนใหญ่ และรอให้คนที่บ้านมารับ เมื่อกลับถึงบ้านก็โทรศัพท์แจ้ง 191 และ ร่วมด้วยช่วยกัน จากนั้นก็พยายามดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อขับยาออกจากร่างกายคืนนั้นดิฉันรู้สึกว่าคอแห้งทั้งคืนค่ะ
จุดสังเกตุของเหตุการณ์นี้คือ
1) แท็กซี่จอดรอผู้โดยสารที่บริเวณแยกบางนาซึ่งอยู่ใกล้สถานีตำรวจมาก แต่ก็สามารถทำการได้
2) เปิดแอร์แรงมาก ๆ และที่ช่องแอร์ฝั่งแท็กซี่มีกระดาษแข็งขนาดเท่าการ์ดปิดเอาไว้ด้วย
3) หลังจากเปิดแอร์แรง ๆ จนรู้สึกมึนใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น
4) ผู้โดยสารเปิดกระจกรถ และขอลงจากรถแต่แท็กซี่ไม่ได้ถามเหตุผลแต่อย่างใด มีแต่ทักท้วงไม่ให้ลงในตอนนั้น
5) มีเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ก็โดนมอมยาแบบนี้เหมือนกันและทั้งหมดอยู่ในบริเวณจังหวัดสมุทรปราการ
( สี่แยกบางนา , ซอยกิ่งแก้ว , เทพารักษ์ ) ดังนั้นอยากให้พนักงานโตโยต้าระวังตัวให้มาก ๆ ค่ะ
6) เมื่อผู้โดยสารแจ้งในโทรศัพท์ว่าโดนมอมยา แต่แท็กซี่ก็ไม่ได้มีอาการตื่นกลัว กลับยิ้มแย้มแสดงว่าทำมาหลายครั้งแล้ว
7) ตรงบริเวณช่องแอร์ฝั่งแท็กซี่มีกระดาษมาปิดเอาไว้
จึงอยากจะเตือนเพื่อน ๆ ทุกคนให้ระมัดระวัง หากเป็นไปได้อย่าเรียกแท็กซี่ หรือขับรถตอนกลางคืนคนเดียวเป็นอันขาด
ขอบคุณค่ะ
เรื่องที่ 3
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 21 พ.ย. หลังจากกลับจากการปฎิบัติงานที่ Gateway มาถึงบางพลี ประมาณ เกือบจะ 4 ทุ่ม ตอนกำลังจะกลับห้องมาขึ้น TAXI ที่บริเวณหน้า เซเว่น ฝั่งขาเข้าถนนกิ่งแก้ว ตอนนั่งไปแรกๆ รู้สึกว่าแอร์จะเปิดแรง และกลิ่นแอร์แปลกๆ ก็เลยยกมือขึ้นปิดจมูกไว้ พอนั่งไปสักพักเอามืออกก็นั่งไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเริ่มมีอาการเวียนหัว พอดีใกล้ถึงห้องแล้วเลยบอกให้ TAXI จอด แต่มันไม่ยอมจอดให้จนเริ่มเวียนหัวมากขึ้น หายใจไม่สะดวก ก็บอกให้จอดอยู่ประมาณ 3 รอบ มันถึงจอดให้ และหันมามองหน้าแล้วก็ยิ้ม จ่ายเงินไป 40 บาท รีบลงจากรถ หลังจากลงแล้วรู้สึกว่า จะจอดรอดูอยู่สักพัก แล้วขับรถออกไป (TAXI จำทะเบียนไม่ได้ ลักษณะของคนขับรูปร่างท้วมๆ ตัดผมรองทรง ผิวขาว)
น่าเศร้านะครับ ที่สังคมไทยกลายเป็นแบบนี้
มีข้อคิดเห็นว่า หากมีมือถือ ให้ลองถ่ายภาพคนขับเอาไว้ โดยทำอย่างแนบเนียนด้วย เผื่อจะเป็นประโยชน์ใช้ในการแจ้งตำรวจในภายหลัง เพราะคนพวกนี้ คงได้เที่ยวไปทำกับคนอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ
ขอให้บุญรักษานะครับ
ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่เราเป็นสาววัยรุ่นที่จัดว่าหน้าตาดี สวยน่ารัก เวลาขึ้นแท้กซี่แทบทุกครั้ง จะสังเกตได้ว่าแท้กซี่จะมองเราอยู่บ่อยๆ มีทั้งหันมามองตรงๆกับมองที่กระจกส่องหลัง บางคนอุทานเบาๆก็มีว่าเราขาว แต่เราก็จะเฉยๆ ไม่พูดอะไรมาก เพราะว่าปกติเราจะเงียบๆ มีคุยบ้างเล็กน้อย นั่งไปสักพักคนขับชอบหรี่กระจกข้างคนขับอยู่บ่อยๆ บางคนก็เอาขวดน้ำขึ้นมาดื่มเป็นระยะ แต่แปลกที่ว่าตอนเรานั่ง เราไม่ค่อยรู้ว่าเราเป็นอะไร เพราะเราชอบเหม่อ แต่มีวันนึง พอเราไปที่นัดไว้กับเพื่อนที่ห้างแถวลาดพร้าว สัก 5 นาที เราเดินๆ แล้วเหมือนจะหน้ามืด เห็นมีร้านขายน้ำชากาแฟ เรารีบไปซื้อทันที เดินจะไม่ไหวอยู่แล้ว ขาอ่อนมาก พอได้น้ำเรารีบหาที่นั่งพักทันที เหมือนจะเป็นลมดีนะมี รปภ.เดินไปเดินมาแต่เขาไม่กล้ามาถามว่าเราเป็นอะไร ตอนนั้นอาการแย่มากเกือบหมดสติ ดีนะที่ห้างนั้นทำที่ไว้ให้คนนั่งข้างนอก เพราะเราไปถึงก่อนห้างยังไม่เปิด พอมาตอนนี้เราถึงได้รู้ว่าสงสัยเราโดนรมยาสลบในรถแน่ๆ ยังโชคดีที่เราความรู้สึกช้า ตอนนั้นนั่งไกลเกือบชั่วโมง ไม่งั้นไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง รัฐบาลน่าจะช่วยหาวิธีให้ประชาชนปลอดภัย บางทีนั่งรถเมล์ก็นาน ขับรถเองก็หลง ไม่รู้จะโทษใครดี
คุณนางฟ้าน้อย...ควรจะระวังตัวมากกว่าปกติ หากว่ามีรูปเป็นทรัพย์ อย่าว่าแต่ขึ้น TAXI เลยค่ะ เดินห้าง ไปไหนต่อไหนคนเดียวก็ต้องระวังรอบกาย ควรมีเพื่อนไปด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ อยากให้ช่วยเล่าภัยร้ายในห้างอีกเรื่องค่ะ เพราะชอบไปเดินคนเดียว แต่จะเดินดูของ ทำธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับไม่ได้อยู่มืดค่ำค่ะ (ทำไงดี เพิ่งผิดหวังกับความรักมาซะด้วย ไม่มีใครไปเป็นเพื่อน) แต่จริงๆแล้วเดินคนเดียว เลือกของสะดวกกว่า ส่วนตอนนี้นิยมใช้บริการรถตู้ค่ะ ไม่รู้จะหนีเสือปะจรเจ้รึป่าว แต่รถตู้เต็มแล้วถึงออก และไม่จอดข้างทาง แต่มีครั้งนึงคนขับรถตู้เรียกให้เราขึ้นมานั่งข้างหน้าดีนะมีผู้หญิงอีกคนเขาใจดีมานั่งคั่นเราให้ แล้วคนขับก็ชวนคุยเขาถามเราว่าขับรถเป็นมั้ย เราบอกว่าพอได้แล้วเขาก็ทำท่าจะเปิดประตูแล้วบอกให้เราลองมาขับมั้ย ตกใจมากเลยบอกว่าขับเกียร์กระปุกไม่เป็นแล้วคนขับรถตู้อ้างว่ามือถือตังค์หมด ขอยืมมือถือเราเฉยเลย ตอนแรกจะบอกว่าตังค์หมดแล้ว แต่กลัวเขาจะโมโหแล้วผู้โดยสารที่เหลือจะโทษว่าเรางกก็เลยส่งมือถือให้เขาโทร เขาก็คุยสัก 1-2 นาทีแล้วก็คืน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีโทรศัพท์แปลกๆ เลย จน 3 เดือนมีโชว์เบอร์แปลกๆ แต่พอดีไม่ได้พกมือถือตลอดเลยไม่ได้รับ แล้วก็ไม่มีอะไรตอนนี้ก็ปกติ เลยไม่รู้ว่าคิดไปเองป่าว
มีเรื่องมาเล่าอีกแล้วค่ะ คุณJIDAPA คือว่าวันนี้ขึ้นแท้กซี่อีกแล้ว เชื่อมั้ยคะ เขาบอกว่าหนูน่าจะพกร่มเพราะฝนที่ตกและไว้ป้องกันตัวได้ด้วย หนูถามว่าทำไมคะ เขาบอกว่าหนูหน้าตาน่ามอง แต่พี่รู้มั้ยว่าหนูไม่มีแฟน หนูก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรมีแต่คนมองแต่ไม่กล้ามาจีบหนูสักคน (นอกเรื่องค่ะ )เอาเป็นว่าวันนี้หนูปลอดภัยดีโดยสวัสดิภาพค่ะ และขอถามอีกเรื่องด้วยค่ะ คือมีแท้กซี่รับไปสถานที่เที่ยวเป็นรายวันแบบเหมา อันนี้ปลอดภัยป่าวคะ เป็นแท้กซี่ที่จอดตามหน้าโรงแรมค่ะ รอรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หนูจะได้ชวนเพื่อนๆไปเที่ยวบ้างค่ะ
วันนี้เพิ่งเจอมา เราอยุ่เชียงใหม่ ละที่นี่จะมีรถที่เรียกว่ารถ 2แถวนั่งกลับบ้าน พอดีวันนี้นั่งข้างหน้าข้างคนขับ(คนขับเขาบอกให้มานั่งหน้า)ละเราก็ไม่ทันสังเกตว่าข้างหลังเต็มหรือป่าว ก็เลยต้องนั่งหน้า ไม่คิดว่าจะมีอะไร พอเข้าไปนั่งในรถละแบบเปิดเพลงแบบมันส์มาก และ กระจกฟิล์มมืดมากกก เปิดแอร์เย็น คนขับเงียบไม่พูดอะไรเลย เรานั่งอยุ่สักพักก็เริ่มกลัวโดนมอม เพราะเคยอ่านเตือนภัยหญิงมา จากนั้นก็เห็นเขาแบบบิดแอร์มาทางเรา ละเราก็เริ่มหายใจไม่สะดวก อึดอัดบอกไม่ถูก เวียนหัว หัวใจเต้นแรง เลยคิดว่าใช่แน่ๆ เลยบอกให้เขาจอดบอกว่าถึงแล้ว ลงจากรถมึนๆค่ะ แต่โชคดีที่รอดมาได้ กลัวมากก*-*
ล่าสุด เวลา 3 ทุ่มเศษ วันนี้เลยค่ะ แท็กซี่คันนี้ ทะเบียน มจก1723 ที่มอมยาเพื่อนที่ใช้บริการย่านบางบอน โดยที่ผู้ที่ใช้บริการเป็นผู้หญิงสาวเรียกแท็กซี่ขึ้นนั่งได้ประมาณ2ป้ายรถเมล์ พอขึ้นมาบนแท็กซี่ก็มีแต่กลิ่นเหมือนพวกกลิ่นน้ำมันมวยฉุนมากคนขับก็บอกว่านักกีฬามาใช้บริการพึ่งจะลงไปสักคู่นี้เองแล้วก็พูดไม่หยุดโดยที่ไม่ได้ถามอะไรเลยประมาณว่าไม่ให้รู้ตัว แต่ว่าดูถ้าแล้วมันไม่ค่อยจะดีเพราะว่ามันหายใจไม่ออกใจสั้นเพราะกลิ่นมันฉุนมากเลยเปิดกระจกออกเพราะไม่อยากหายใจเขาไป เพื่อนเห็นถ้าไม่ดีก็เลยบอกว่าจอดข้างหน้าแป็ปนึงจะซื้อของแต่แท็กซี่ไม่ยอมจอดค่ะ จงกระทั้งเพื่อนเริ่มจะโวยวายมันก็เลยจอด แล้วก็รีบขับรถออกไปเลย พอตั้งสติได้ก็เลยจำป้ายทะเบียนมา โทรแจ้งจสร.เข้าไม่รับแจ้งเหตุมันบอกให้แจ้งความก่อน ก็เลยแนะนำเพื่อนให้ไปหาหมอและจะหาไอ้คนขับเลวๆๆคนนี้มาให้ได้ ใครเห็นทะเบียนแท็กซี่คันนี้ช่วยแจ้งมาให้ด้วย หรือใครมีวิธีแนะนำว่าจะหาวิธีทำอย่างไรกับไอ้พวกนี้ดี ลองคิดดูถ้าเกิดมันมอมยาสำเร็จจะเป็นอย่างไรถ้าตอนนี้เรายังจับตัวมันไม่ได้ก็ต้องมีคนที่จะเป็นเยื่อรายต่อไปหรืออาจเป็นคุณก็ได้ใครจะรู้ถ้ายังไงช่วยหาตัวไอ้คนเลวคนนี้กันด้วยเถอะ..
เหตุพึ่งเกิดกับเราสดๆร้อนๆเลยเมื่อคืนนี้เอง เราโบกแทกซี่มาจากบ้านเพื่อน จะกลับบ้านเรา แล้วพอขึ้นก้อบอกพี่แวะเซเว่นให้ด้วยนะคะ เค้าก้อเงียบไม่ได้พูดอะไร พอเจอเซเว่นเค้าก้อแวะให้ พอซื้อของเสร็จขึ้นรถมา ก็เอะใจ รู้สึกว่ากลิ่นแท็กซี่มันไม่เหมือนเดิม มันเหมือนกลิ่นสารเคมีแบบสดชื่นหรือเพาะแอร์เย็นมากมั้งเลยรู้สึกสดชื่นอ้ะ พอปิดประตูรถ จู่ๆคนขับก็ถามว่า น้องลืมอะไรรึเปล่า เราก็งง คิดในใจ จะลืมอะไรล่ะ บ้าปะ ก็เลยตอบเค้าไปว่าป่าวนิพี่ ลืมอะไรหรอ คนขับก็ตอบว่าเปล่า นึกดูดีๆสิเผื่อลืม เราก็ตอบไปว่า ไม่ได้ลืมนะ มันก็บอกโอเคไม่ลืมก็ไม่ลืม ไม่รู้ว่ามันจิตวิทยาอะไรรึเปล่ากับยาตัวที่มันใช้ เพราะรถขับออกมาประมานกิโล1 เราก็เริ่มเวียนหัว ทั้งๆที่ไม่ใช่คนมีโรคประจำตัวด้วย แขนขาเริ่มสั่น ตาจะปิดให้ได้เลย หายใจไม่ออก อัดอึดมาก พอลองกลั้นหายใจก็จะเป็นลม ทั้งๆที่กลั้นหายใจแปบเดียว ตอนนั้นเริ่มสติแตก เลยโทรหาแฟน บอกทะเบียนรถไปแล้วก็ต้องกดวาง เพราะเริ่มไม่ไหวแล้ว
เลยเปิดประตูรถทั้งๆที่รถมันวิ่งอยู่ แล้วบอกให้มันจอด มันก็จอด แล้วระหว่างที่กำลังออกจากตัวรถ มันก็ถามว่าน้องเปนไรอ่ะ เราก็ไม่ตอบ มันก็ถามมาอีกแล้วค่ารถล่ะ เราเห็นว่า57 แต่ยื่นให้มันไป50 มันก็รีบขับรถไป แล้วเราก็เดินร้องไห้ไปหาป้าที่ยืนอยู่ข้างทางซึ่งไม่รู้จักกัน แต่เราทำอะไรไม่ถูกไง บอกป้ายืนเป็นเพื่อนหนูแปบนึงได้มั๊ย แล้วเราก็กดโทบอกแฟนว่าเรายืนรออยุ่ตรงไหน ป้าก็อาศัยช่วงชุลมุนเดินหนีเราเข้าบ้านเลย สงสัยคิดว่าเราเป็นคนบ้ามั้ง ก็จริง ตอนนั้นเราคงเหมือนคนบ้าน่าดู 555555
พอเจอลมแล้วก็ค่อยยังชั่วขึ้น แต่เริ่มอยากจะอ้วก แต่ก็อ้วกไม่ออก พะอืดพะอมอยุ่แบบนั้นเป็นชั่วโมง
แล้วพอสติกลับคืนมาก็จำทะเบียนรถไม่ค่อยได้แล้ว ถามแฟนๆก็บอกว่าฟังไม่รู้เรื่องเพราะเราบอกทะเบียนไปร้องไห้เสียงดังไป กิกิ
วันต่อมาก็เลยไปเซเว่นสาขาที่แวะจอด ขอดูกล้องเค้าเพราะจะดูเลขทะเบียนรถจะเอาไปแจ้งความ แต่กล้องเซเว่นซูมไม่ได้ เห็นแต่ป้ายสีเหลือง ตำรวจคงไม่รับแจ้ง ...มั้ง คิดว่ารถคงทะเบียน ทย 7569 ไม่ก็ ทย 7596 สีชมพูไม่ก้อแดง ไม่ก้อทั้งสองสีเลย
อ่านแล้วก็ระวังตัวกันไว้ด้วยนะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะโดนกับตัว ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ 55555555 ดีใจที่เราไม่เป็นอะไรอ่ะ กิกิ