Clip Video ของ Youtube.com คลิปนี้ ชื่อ "My Redeemer Lives - Team Hoyt" มีความยาว 4.35 นาที และ มีผู้เข้าชมแล้ว ณ ปัจจุบัน คือ 2,129,809 ครั้ง ทั่วโลก
ผมไม่ใช่แฟนประจำของ Youtube.com ครับ ... แต่ก็อดไม่ได้ที่อยากให้เรื่องราวเรื่องนี้ได้ฉายแสงผ่านสายตาของทุกคน และเข้าสู่ "หัวใจ" ของคนที่ไม่ค่อยจะคิดถึง "พ่อ" เท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะควาห่างไกลด้วยภาระหน้าที่ คลิปวิดีโอนี้ตอบคุณได้ว่า คุณอยากจะรักพ่อคุณให้มากกว่านี้ได้หรือไม่ ?
ผมได้รับลิงค์ของคลิปนี้จากเพื่อนอาจารย์ที่ดูแล้ว ร้องบอกว่า นี่เป็นคลิปของ Youtube ที่ดีที่สุดที่ชั้นได้ดู แล้วก็ส่งต่อมาให้ผมดูบ้าง ตอนแรกผมจะทำงาน เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่พอดูแล้ว เปิดเสียงดัง ๆ ผ่านลำโพงดี ๆ ... อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่ได้ดูจะเสียดายแค่ไหน สำหรับ "ความรักของพ่อที่มีต่อลูก"
Dick and Rick Hoyt คือ ชื่อของเขาทั้งสอง ... เวลาชม สังเกตรอยยิ้มและแววตาที่ลูกและพ่อมีให้กัน ... คุณอาจจะน้ำตาไหลไม่รู้ตัว
โปรดได้มีโอกาสไปทำความรู้จักพ่อและลูกคู่นี้เพิ่มเติมจากเว็บไซต์ http://www.teamhoyt.com/ ครับ
ผมรักพ่อครับ :)
แหล่งความรู้
ผมได้รับความรู้การแทรกคลิปวิดีโอ จาก อาจารย์ [SPI©Mië™]
จากบันทึก จับฉ่าย..ไม่ไร้สาระ » :::การแทรก Clip Videos:::
และ
บันทึกเริ่มต้นที่ได้นำมาลงไว้ก่อนบันทึกนี้ ของ คุณ เพื่อนร่วมทาง
ส่วนหนึ่ง ... ของลมหายใจ » สุดยอดพ่อที่ดีที่สุดในโลก
*****************************************************************************
บันทึกเรื่องราวเพิ่มเติม ...
ผมได้มีโอกาสได้เนื้อหาเพิ่มเติมครับ จาก นิตยสาร Secret เล่มที่ 9
ขอนำเนื้อหามาลงเพื่อความสมบูรณ์ของบันทึกนะครับ
คุณคิดว่าความรักของพ่อยิ่งใหญ่ขนาดไหน...
ลองติดตามเรื่องราวของพ่อวัยชราผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจ แต่ยังคงมุ่งมั่นพาลูกชายที่พูดและขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ลงแข่งวิ่งมาราธอนและคนเหล็กไตรกีฬาในนาม ทีมฮอยต์ (TeamHoyt) คนนี้ดู
ย้อนไปเมื่อประมาณ 46 ปีที่แล้ว ดิ๊ก และ จูดี้ ฮอยต์ ได้ให้กำเนิด ริก ฮอยต์ ทารกเพศชายผู้โชคร้ายถูกรกพันคอ ทำให้สมองขาดออกซิเจนนานจนบางส่วนตาย เขาจึงไม่สามารถควบคุมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ แพทย์แนะนำให้ทิ้งหนูน้อยไว้ที่โรงพยาบาลดีกว่า พากลับไปเลี้ยงในสภาพที่ไม่ต่างจาก "ผัก" ไปตลอดชีวิต แต่ครอบครัวฮอยต์ยืนกรานที่จะพาลูกชายกลับบ้าน และตั้งใจจะเลี้ยงดูไม่ให้ต่างจากคนปกติ
ผู้เป็นพ่อพาเด็กน้อยไปรับการทดสอบเพื่อหาทางให้เขาสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ แต่คำตอบคือ "ไม่มีทาง" แต่กระนั้นดิ๊กก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ทดสอบลองเล่าเรื่องตลกให้ลูกชายฟัง ผลคือ หนุ่มน้อยวัย 11 ขวบสะอึกหัวเราะออกมา เหตุการณ์ในวันนั้นจึงเป็นที่มาของการพัฒนาเครื่องมือสะกดคำด้วยการใช้ศีรษะสัมผัสปุ่ม ทำให้ริกสามารถสื่อสารกับคนรอบตัวได้เป็นครั้งแรก แต่แทนที่ประโยคแรกที่ริกสื่อสารจะเป็น "พ่อครับ แม่ครับ สวัสดีครับ" กลับเป็น "(บอสตัน) บรูอินส์ สู้ สู้!" นั่นทำให้ครอบครัวรู้ว่าริกชอบกีฬา แถมยังติดตามความเคลื่อนไหววงการฮอกกี้ไม่ต่างจากคนปกติด้วย
ความชื่นชอบในเกมการแข่งขัน ทำให้ริกใฝ่ฝันอยากลงแข่งวิ่งมาราธอนเพื่อหาทุนช่วยเพื่อนร่วมชั้นไฮสกูลที่ประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาต
คำขอนี้อาจจะฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่ดิ๊กกลับไม่คิดอย่างนั้น ดิ๊กผู้เรียกตัวเองว่า "หมูอ้วนที่ไม่เคยวิ่งได้เกินหนึ่งไมล์" ตัดสินใจลงแข่งเพื่อลูก แม้จะต้องวิ่งไปเข็นลูกไปอย่างทุลักทุเลก็ตาม
หลังจากลงแข่งในครั้งนั้น ริกบอกกับพ่อของเขาว่า "พ่อครับ ตอนเราแข่งวิ่งกัน ผมไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคนพิการ" ประโยคนี้ นับเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของทั้งสองพ่อลูกเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่นั้นมา ผู้เป็นพ่อก็หันมาทุ่มเทฟิตซ้อมร่างกายเพื่อพาลูกลงแข่งให้บ่อยที่สุด แม้เขาจะยอมรับแบบติดตลกว่า "ผมรู้สึกว่า เป็นผมต่างหากที่พิการ เพราะหลังแข่งหนแรก ผมเจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัวนานตั้งสองอาทิตย์"
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกครั้งที่ทั้งคู่จะได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมแข่งขันอย่างง่ายดาย และหลายครั้งก็ต้องลงแข่งโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดคุยหรือข้องเกี่ยว ดิ๊กบอกว่า "เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะเข้าใจว่า ริกนั้นไม่ต่างจากคนปกติคนอื่น ๆ เลย"
เมื่อริกชวนหาความท้าทายใหม่ด้วยการลงแข่งไตรกีฬา ผู้เป็นพ่อก็ต้องหัดว่ายน้ำเป็นครั้งแรก และกลับไปซ้อมปั่นจักรยานซึ่งไม่ได้แตะมาตั้งแต่หกขวบอีกครั้ง แม้จะจมดิ่งลงไปทันทีที่ลองว่ายพร้อมกับลากเรือที่บรรทุกลูกชายไปด้วยในครั้งแรก แต่ดิ๊กก็ยังคงไม่ย่อท้อ
หนุ่มริกพูดถึงเอาไว้อย่างน่าตื้นตัน
ความรักและการเสียสละของดิ๊กไม่เพียงแต่จะให้ชีวิตใหม่แก่ลูกชายของเขาเท่านั้น เพราะการออกกำลังกายซึ่งได้กลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันของดิ๊ก เพื่อรักษาความฟิตให้พร้อมลงแข่งเพื่อลูกเสมอนั้นได้ช่วยให้ตัวเขาเองรอดชีวิตจากอาการเส้นเลือดหัวใจอุดตันมาได้อย่างปาฏิหาริย์
เรื่องราวของทีมฮอยต์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของสองพ่อลูกที่ช่วยรักษาชีวิตของกันและกันเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจอันเหลือประมาณแก่คนทั่วโลก ทำให้หลายชีวิตที่เคยสิ้นหวังกลับมามุ่งมั่นได้อีกครั้ง รวมทั้งทำให้ผู้พิการมีกำลังใจและได้รับการยอมรับในสังคมมากขึ้นด้วย .... ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากความรักอย่างไร้เงื่อนไข และไม่มีที่สิ้นสุดของสุดยอดคุณพ่อผู้แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจอย่างดิ๊ก ฮอยต์
**************************************************************************
แหล่งอ้างอิง
กองบรรณาธิการ. 10 สุดยอดคุณพ่อสไตล์ Secret. Secret, 1, 9 (26 พฤศจิกายน 2551) : หน้า 64.
ฟังแค่ชื่อบันทึก ก็ประทับใจแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆๆนะค่ะ
สวัสดีครับ คุณ . •.♥ kittyjump~เลขา~natadee.•.♥.•° :)
ได้ชมคลิปวีดิโอแล้วนะครับ ... รู้สึกว่า โลกนี้ยังสวยงามและน่าอยู่ ถ้าเรามีความรักให้กันนะครับ
ขอบคุณมากครับ :)
สวัสดีครับ อาจารย์ naree suwan :)
เป็นเพราะความรักของพ่อที่มีต่อลูกนะครับ ... สุดยอดมาก ๆ ครับ
คนที่มาชุมนุม และ นักเลงการเมืองพวกนั้น ลืมคิดไปว่า การเบียดเบียนผู้อื่น คือ การทำบาปอย่างมาก ๆ ครับ
ขอบคุณครับ :)
..สุดยอดของความรัก(ของพ่อ)ค่ะ..
..อยากให้คนไทยที่พูดเสมอว่า"รักพ่อ ทำเพื่อพ่อ"ได้ดูจังนะคะ..
..แต่ก็ชวนคิดต่อค่ะ..ว่าดูเพียงเท่านี้จะหยุดอะไรๆได้หรือ ? (คิดเองนะคะ)
..ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ..ในช่วงเวลานี้ค่ะอาจารย์
ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์ วัชราภรณ์ วัตรสุข :)
สบายดีนะครับ ไม่ค่อยได้พูดคุยกันนานแล้ว
บันทึกนี้ทำให้รู้สึกดีขึ้นต่อ ผู้ชายคนหนึ่งในชีวิตของตนเองที่ได้รับบทบาท พ่อ แต่ได้ลืมภารกิจของตนเองมา 30 ปีแล้ว เมื่อท่านนึกได้ อยากสวมบทบาทนี้ก็ดูจะสายเสียแล้วในความรู้สึกของลูกสาวคนนี้
ขอบคุณบันทึกของอาจารย์ที่ทำให้รู้สึกได้ขอบคุณบุคคลที่ได้ชื่อว่า
" พ่อ " ที่ได้ทำให้ ปูได้เกิดมา และรู้สึกรักแม่มากกว่าที่ทำให้มีชีวิตที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณที่แม่ไม่ท้อต่อการเป็นคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยว
สวัสดีค่ะ น้องชายอาจารย์
ขอบคุณนะคะน้องชาย....เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
สวัสดีครับ คุณปู อังคณา :)
"ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี" ครับ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ ไม่ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร แต่ทำดีต่อผู้มีพระคุณทั้งชาตินี้และชาติหน้า เราจะเป็นคนเจริญทั้งกาย วาจา และ ใจ ครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ สำหรับคำแนะนำที่ดี
สู้ สู้ ครับ คุณปู อังคณา :) ...
สวัสดีคะ อาจารย์Wasawat
ไม่ได้เข้ามาเสียนาน...แต่ยังเป็นแฟนประจำบันทึกอาจารย์เสมอนะคะ
วันนี้นั่งทอดอารมณ์ที่ร้านกาแฟ(แต่ไม่ดื่มกาแฟ..) เลยได้โอกาสทำหน้าที่แฟนประจำบันทึกความคิดดี...ความคิดชั่วกันสักหน่อย หลังจากห่างหายด้วยภาระกิจที่ต้องเดินทางเสียหลายสัปดาห์
เสียดายที่ไม่ได้เอาหูฟังมาเสียบด้วย เลยยังไม่ได้มีโอกาสเปิดดูคลิปวีดีโอ เพราะเกรงใจคนรอบข้างกลัวว่าเค้าอาจไม่ได้อยากฟังคลิปที่เราเปิดด้วยก็ได้ ก็เลยได้แต่อ่านเรื่องราวที่อาจารย์เขียนไว้
ซาบซึ้งในความเสียสละที่สัมผัสผ่านตัวหนังสือในบันทึกของอาจารย์มากคะ มากจนต้องปาดน้ำตากลัวโต๊ะข้างๆ ที่กำลังจู๋จี๋กันจะตกใจนึกว่าคนอกหักเห็นภาพบาดตา...
รู้สึกดีกับเรื่องราวนี้มากเลยคะ ทันทีที่ถึงห้องจะรีบเปิดชมคลิป แต่ตอนนี้อดใจไม่ไหวต้องรีบเข้ามาทักทาย และสวัสดีวันอากาศเย็นๆ นะคะ
คิดถึงพ่อจัง...
---^.^---
สวัสดีครับ น้อง พิมพ์ดีด :)
เป็นแฟนประจำด้วยหรือครับ ??? เพิ่งทราบเหมือนกันแฮะ .. :) :) :)
"ทอดอารมณ์" แสดงถึงความรู้สึกของความนิ่ง ความว่าง และความสุขที่จะตามมานะครับ
โชคดีจังที่ได้รับรู้เรื่องราวของ "พ่อที่มีต่อลูก" ในเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ยิ่งทำให้เราทราบว่า ความสุขของลูกทุกคน อยู่ใกล้แค่นี้เอง
ดูแล้วมันตื้นตันใจ ปลาบปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกใช่ไหมครับ
วันนี้อากาศเย็นทั้งวันครับ ความเย็นของภาคเหนือ อาจจะทำให้อารมณ์ของคนเราเย็นลงได้บ้างนะครับ
ขอบคุณมาก ๆ ครับที่ให้เกียรติ :)
ขอบคุณ คุณ แตงไทย ครับ :)
Happy Father's Day เช่นกันครับ
อุปสรรคใดๆ ต้องศิโรราบ กับหัวใจที่ยิ่งใหญ่ หัวใจสู้ ๆ
ความรักของพ่อ ยิ่งใหญ่ที่สุด ยิ่งในสาตาของลูกสาวด้วยแล้ว
พ่อคือวีรบุรุษในใจ ... อ่านแล้วคิดถึงบ้าน คิดถึงป๋า ... อาทิตย์หน้าต้องกลับบ้านแล้วล่ะคะ
คุณป๋าของคุณ poo รออยู่แล้วครับ กลับบ้านเถอะ ;)
เดินทางปลอดภัยครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ยังเป็นแฟนพันธ์แท้อยู่ค่ะ..เพียงแต่ติดอยู่กับงานต่างๆ มาติดตามทุกบล็อกค่ะ..เห็นแล้วซึ้งมากๆ ขอบคุณที่นำมาให้ได้รับรู้ค่ะ..
ยินดีครับ คุณครู rinda ;)