หากไม่ "ทุกข์" ก็ไม่หันหน้าเข้าหาวัด หรือ ปฏิบัติธรรม ... แปลกไหม ?


ผมเฝ้าสังเกตเรื่องนี้มานานว่า คนที่เข้าวัด หรือมาปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ที่เห็นหน้าก่อนเข้าวัด คือ คนที่มีความทุกข์ติดตัวมาแทบทั้งนั้น

ตอนที่มีความสุขกลับไม่เคยคิดจะใฝ่หาพระธรรมคำสั่งสอนอันเป็นสัจธรรมของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ

เป็นเรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องจริง

 

ตั้งแต่เกิดมา ผมนึกถึงคุณยายของผมคนเดียวที่เข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมเป็นอาจิณของชีวิต ยายจะไปนอนวัดทุกวันพระ ยิ่งวัดพระใหญ่ก็หลายวันหน่อย ผมไม่เคยเห็นยายโกรธใครสักคน ไม่เคยต่อว่าใครให้เจ็บช้ำน้ำใจ ใจดีที่สุด ยายผมเสียเร็วเกินไปตั้งแต่ผมยังเล็ก ๆ ... คิดถึงยายจัง ป่านนี้ยายคงอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าแล้วล่ะ

จำได้ว่า แม่เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เผายายเสร็จแล้ว เหลือแต่เศษอังคาร (กระดูก) แม่บอกว่า แปลกมากที่กระดูกยายเป็นสีขาวหมด เหมือนปุยนุ่น ไม่มีสีดำ สีเทาที่เกิดจากการเผาเลย ซึ่งปกติต้องมีสีเหล่านี้ปนอยู่บ้าง

ผมจึงคิดว่า ยายผมเป็นคนดี มีศีลธรรม เข้าวัตรสม่ำเสมอ ยายจึงคงไปเสวยสุขบนสวรรค์แล้วครับ

ยายจ๋า คิดถึงจัง

นั่นเป็นคนเดียวที่ผมเห็น ... ว่าไม่ได้เข้าวัดเนื่องจากเกิดความทุกข์มาก่อน

 

ผมรู้ตัวเองว่า ผมเป็นแค่คนห่างวัด เป็นคนดิบ คนดิบที่มีเหตุทุกครั้งที่อยากบวชแต่บวชไม่ได้สักที เพราะต้องมีมารมาผจญทุกครั้ง เมื่อใดที่ตั้งสัตย์ไว้ จะทำไม่ได้ มีเหตุล้มเลิกทุกครั้ง หลายครั้งเป็นวิบากกรรมหนักอีกต่างหาก เจ้ากรรมนายเวรเขามาตามทวง ... อยากขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

คนห่างวัด สำหรับผม คือ คำที่หมายถึง คนที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ไม่ได้ลึกซึ้ง หรือ รู้กิจของพุทธศาสนาดีนัก เรียกว่า เป็นมหาไม่ได้กับเค้า แต่ไม่ได้หมายถึง การไม่ได้เข้าวัด

เพราะในชีวิตผม ผมเข้าวัดมากกว่าเข้าแหล่งอบายมุขเป็นสิบ ๆ เท่า หลายคนยังไม่เชื่อ

ผมชอบความสงบของวัดมาก จิตนิ่ง เงียบ มีสมาธิ

จำได้ว่า ตอนที่อยู่พิด'โลก ... เมื่อว่าง ผมจะขี่จักรยานไปวัดใหญ่ ผมชอบเข้านั่งสงบนิ่งในวิหารของหลวงพ่อใหญ่ (หลวงพ่อพระพุทธชินราช) มาก ๆ

 

 

บางทีก็นั่งหลายชั่วโมง ... แต่ก็ไม่ได้นั่งสมาธิอะไรนะครับ แค่นั่งเฉย ๆ รู้สึกว่า เย็น สงบ ... ใครเคยไปวัดใหญ่จะทราบว่า คนทั้งประเทศไทยมักจะแวะมาไหว้หลวงพ่อใหญ่จำนวนมาก ๆ ทุกวัน ... ผมแปลกไหม ชอบนั่งมองคนที่ทยอยเข้ามาในวิหาร กราบหลวงพ่อ ... คนที่เข้ามาไม่นานก็เหมือนแวะมานมัสการท่าน แต่คนที่พนมมือนาน ๆ ไม่วางมือสักทีเนี่ยสิ ... ผมสังเกตจากสีหน้าว่า ทุกข์อยู่ในใจเยอะมาก ... หน้าตาไม่สดใส เหมือนกำลังค้นหาทางออกอะไรบางอย่าง หลายคนคนบนท่านด้วย

 

ตอนเรียนปริญญาตรี ... ปีแรก ป้ารหัส ซึ่งเป็นกรรมการสมาชิกชมรมพุทธศาสตร์ ชวนเข้าไปทำกิจกรรมในชมรมนี้ ผมก็ตกลง เพราะป้ารหัสผมน่ารัก และยิ้มสวย ... ตกลงเพราะป้าสวยและน่ารัก ครับ

แต่เวลาที่เขามีการทำวัตรเช้า ตักบาตร สวดมนต์ ... ผมกำลังสัมผัสถึงความทุกข์ที่คนในชมรมนี้มี หน้ายิ้ม แต่ใจทุกข์ ... เหมือนหันหน้าหนีมาพึ่งทางธรรม ยังไงยังงั้น

ผมรู้สึกไม่อยากมองเห็นความทุกข์ของคนอื่นที่หันหน้าหาทางธรรม พอปี 2 ผมก็ย้ายชมรม

ปี 3 ... เพื่อนรุ่นเดียวกันได้เป็นประธานชมรมฯ ... ทำไม ๆ ยิ่งเห็นเพื่อนไปทำกิจกรรม ปฏิบัติธรรม หน้าเพื่อนดำเมื่ยม ผมได้สัมผัสความทุกข์ของคนอื่นอีกครั้ง ... ผมคิดในใจว่า ตกลงการหันหน้าเข้าหาพระธรรมต้องมีเฉพาะคนที่เป็นทุกข์เท่านั้นหรือ คนมีความสุขเขาไม่เข้ากันหรือ ?

 

 

ข้ามมาอีกหลายสิบปี ... เมื่อมาเป็นครูบาอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา

ผมพบว่า เพื่อนรอบ ๆ ข้าง หลายคนชอบเข้าวัดเข้าวา หลายคนไปหาสถานที่ปฏิบัติธรรมหลาย ๆ วัน ในวันหยุดยาว ๆ

เพื่อนคนหนึ่ง ... เป็นคนทำบุญมาดี หน้าตาสวยสด มีคลาส มีเป็นความเป็นครูสูง พ่อแม่ให้การสนับสนุนทุกอย่าง แต่มักจะล้มเหลวเรื่องความรักเสมอ และทุก ๆ ครั้งที่เธอล้มเหลว เธอจะวิ่งเข้าหาวัด ไปปฏิบัติธรรมเพื่ออะไรสักอย่าง ... ครั้งแรกที่ได้ยินก็อืมม คงเป็นเรื่องที่ดี ... แต่หลัง ๆ ชักไม่ค่อยดี คือ วัตถุประสงค์ของการไปปฏิบัติธรรมของเธอคนนี้ คือ การลืมผู้ชายสักคน ลืมความรักที่ทุกข์ทน ลืมการอกหัก ไปสักวันสองวัน ดูหน้าตาดีขึ้น เหมือนจะคิดได้ แต่พอไปสักพัก ก็เหมือนเดิม ... คิดไม่ตก หน้าอมทุกข์ หาทางออกของชีวิตไม่เจอ มีพฤติกรรมเหมือนเดิม เหมือนก่อนไปปฏิบัติธรรม

จนผมทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากว่า "แกอย่าไปปฏิบัติธรรมเลย มันบาปเปล่า ๆ เพราะเมื่อแกกลับมาหลังจากปฏิบัติฯ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่เห็นมีประโยชน์ตรงไหน ทุกข์อีก ก็เข้าไปอีก"

โหย คุณ ๆ ครับ ... เธอเคืองผมไปหลายวัน ... ผมเองพยายามเตือนให้ทำความรู้จักตนเองให้ดีก่อน แล้วค่อยไป กลับมาควรเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น คิดเป็น แต่ทุก ๆ ครั้งก็คือ คิดไม่เป็น ไม่รู้จักตนเอง เหมือนเดิม

ในระยะหลังมีผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงญาณ ก็ออกมาบอกว่า "อาจารย์เค้าไปปฏิบัติธรรมเพื่อมีวัตถุประสงค์บางอย่าง ไม่ได้ไปเพื่อปฎิบัติธรรมจริง ๆ หรอก เหมือนไปลองของ"

เฮ้อ !

 

หรือผมเคยรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งชอบทำบุญกุศลคราวละมาก ๆ หรือชอบปฏิบัติธรรม จนภาพลักษณ์ดูว่า เป็นคนใจบุญ ใจกุศล แต่ ...

พฤติกรรมส่วนตัวกลับเป็นคนใจร้อนมาก ๆ เล่ห์เหลี่ยมการเอาชนะมากมาย จนแม้กระทั่งการฆ่าตัวเพื่อประชดรัก หรือสามารถเบียดเบียนคนที่ไม่เลือกรักตัวเองได้น่ากลัวมาก ๆ เรียกว่า ไม่มีใครห้ามได้ เหมือนเป็นโรคจิต หรือ จิตหลุดออกไปแล้ว

น่ากลัวมาก ๆ ครับ

 

วันนี้ล่าสุด ผมไปไหว้หลวงปู่เฒ่าเกวาลันกับเพื่อนที่บ้านสุขิโตของอาจารย์วารินทร์ "โหร คมช."

ณ วิหารของหลวงปู่ ... มีคนที่มีแต่หน้าทุกข์ใจมาขอคำปรึกษาอาจารย์เป็นจำนวนมาก ๆ อยากแก้กรรม อยากแก้ไขปัญหาชีวิต

ผมไม่เห็นคนหน้าตามีความสุขมาหาอาจารย์สักคน ... กรรรม

 

 

 

ผมจึงตั้งคำถามไว้ว่า ...

หากไม่ "ทุกข์" ก็ไม่หันหน้าเข้าหาวัด หรือ ปฏิบัติธรรม ... แปลกไหม ?

 

มนุษย์ เมื่อไม่มีทุกข์ ก็คิดอะไรไม่ได้ หรือหลงละเมอเพ้อพบไปวัน ๆ อยากทำอะไรก็ทำ บางครั้งไปเบียดเบียนคนอื่นก็ไม่สนใจว่า กำลังทำคนอื่นเขาทุกข์

แต่พอตัวเองทุกข์บ้าง ... กลับวิ่งหาธรรมะ ...

 

มันคงเป็น "สัจธรรม" .... มันเป็นเช่นนั้นเอง นะครับ

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ :)

 

หมายเลขบันทึก: 253824เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2009 15:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (58)
  • สวัสดีค่ะ อาจารย์
  • ก็เป็นอีกช่องทางของคนเราที่จะหาทางพ้นทุกข์
  • วัด พระสงฆ์ เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ทุกคนเลยหันหน้าเข้าหาวัดและพระสงฆ์ 
  • แต่เวลาป้าแดงมีทุกข์กับหันหน้าเข้าหาเตียงนอนค่ะ นอนมองเพดานหาทางพ้นทุกข์ค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับเรื่องจริงที่นำมาเปิดเผย

pa_daeng ครับ ... หันหน้าเข้าหาเตียงนอน แล้วใช้แขนและมือก่ายหน้าผากแบบครุ่นคิดหรือเปล่าครับ :)

สวัสดีค่ะ พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn

มาอ่าน สัจธรรม ค่ะ    สุขกาย สบายใจ นะคะ                                                                Yellow_05              

กอเข้าวัดตั้งแต่เด็ก ๆ

ตามพ่อกับแม่ไป

แต่ไหนเลย ยังไม่เข้าใจอะไรอีกมากมาย

รู้แต่เพียงว่า ไปวัดดีกว่า

"อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม เลื่อมใส" คนจริง เข้าวัดจริง เพื่อ"ธรรม"จริง อยู่ท้ายสุดเสมอครับ

สวัสดีครับคุณพี่Wasawat Deemarn
โอ้ล่ะน๋อมายเลิฟ อิอิ

วัดนี้เข้าไปก็รู้สึกได้แต่ความงามและความสงบนะครับว่ามั้ย

ผมนี้ไม่เข้าวัดในทุกๆกรณีครับ 555 นอกเสียจากตามเค้าไปเป็นกิจธุระต่างๆ จึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสรังสีทุกข์จากคนที่มาวัดสักเท่าไหร่ :)

ผมว่าพระท่านช่วยแนะนำเราได้ทุกรูปแหละครับ เราฟังฟังดูแล้วก็อ๋อๆๆ แต่กลับมาแล้วอาจจะไม่เปลี่ยนอะไรเลย จึงยังคงทุกข์อยู่

การคิดดีทำดีเข้าใจและยอมรับความจริงสิครับที่ผมเชื่อว่าช่วยให้ทุกข์น้อยลงได้ :)

ขอบคุณมากนะครับกับข้อคิดดีๆที่เอามาแบ่งกันเสมอๆ

ขอบคุณครับ น้อง Moon smiles on Venus&Jupiter :)

ขอบคุณครับ ท่าน ผอ. บวร :) 

"อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม เลื่อมใส"

ขอบคุณมากครับ น้อง adayday :)...

วัด ไม่ใช่ สถานที่แก้ทุกข์

แต่ ตัวเรา ต่างหาก คือ คนแก้ทุกข์

P

5. กอก้าน>>>ก้านกอ*:)*(แก๊งค์ก้านคอพับ)
เมื่อ จ. 06 เม.ย. 2552 @ 15:27

นี่คุณพระจันทร์ยิ้มนี่นา

 

มาเจอคุณกอก้าน>>>ก้านกอ*:)*(แก๊งค์ก้านคอพับ)  ที่บ้านพี่อาจารย์ Wasawat Deemarn ด้วย   (ขออนุญาตค่ะ พี่อาจารย์)

สวัสดีค่ะ  คุณกอก้าน   สุขกาย สบายใจนะคะ

 

ทุกข์  เพราะยังมี รัก โลภ โกธร  หลง

....เป็นสิ่งที่มนุษย์มี ....

อย่างที่อาจารย์พูด ว่าหากเราไม่ทุกข์เราจะไม่มีโอกาสเข้าวัด.....

ด้วยเพราะ..วัดสงบ ทำให้เรามีจิตที่นิ่ง

แต่หากเราร้อนรุ่ม เศร้า สับสน ยังห่วง

 เราก็อาจจะทำให้การเข้าวัดเพื่อไปปฏิบัติธรรม

ก็เหมือนกับการไปเที่ยวพักตากอากาศ เท่านั้น

เห็นด้วยบางส่วนนะครับ และ ขออนุญาติแลกเปลี่ยนนะครับ....

คนส่วนน้อย (ที่ทุกข์น้อย แต่ต้องการเรียนรู้ทุกข์ เข้าใจแก่นพุทธศาสนา)แต่จำนวนก็เริ่มมากขึ้น เริ่มเข้าวัด ปฏิบัติธรรม เพราะ มีเพื่อนๆกัลยาณมิตรแนะนำ

วัดที่ผมไปมีแต่คนมีความสุขน่าจะมากกว่า 90 % (ผมประมาณเอาเองนะครับ)สุขจากการเข้าอยู่ในรอยพระพุทธศาสนาที่ไม่ในรูปแบบพีธี ความเชื่อ

คนที่ทุกข์มากแล้วเข้าวัด บางทีทุกข์หนักอีกเพราะจิตใจไม่สะอาด คอยแต่เอาเรื่องทุกข์ๆมาระบายกับพระ มีกิเลสครอบงำเยอะ อยากปฏิบัติธรรม เพื่อให้ตัวเองมีความสุข หายทุกข์ ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อลดละตัวเอง

จริงๆเราถูกความทุกข์บีบคั้นแทบจะตลอดเวลา แต่มองไม่เห็น

อันนี้ก็ยากเหมือนกันครับ....

เชิญครับ น้อง Moon Smiles on Venus&Jupiter :)

ขอบคุณครับ คุณ ครูเอ :)

ขอโฟกัสคำนี้ครับ ..

หากไม่ได้ปฏิบัติธรรมด้วยใจจริง ๆ อาจทำให้การเข้าวัดก็เหมือนกับการไปเที่ยวพักตากอากาศ เท่านั้น

:)

ขอบคุณมากครับ คุณ Phornphon :)

ยินดีสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ

"คนที่ทุกข์มากแล้วเข้าวัด บางทีทุกข์หนักอีกเพราะจิตใจไม่สะอาด คอยแต่เอาเรื่องทุกข์ๆมาระบายกับพระ มีกิเลสครอบงำเยอะ อยากปฏิบัติธรรม เพื่อให้ตัวเองมีความสุข หายทุกข์ ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อลดละตัวเอง"

เห็นจริงดังนั้นครับ

ขอบคุณที่เติมเต็มค่ะ

ยินดีครับ ... ผมชอบคำที่โฟกัสไว้จริง ๆ ครับ คุณ ครูเอ :)

ธรรมะเย็นจิต ธรรมะเย็นใจ ... พึงปฏิบัติไว้ด้วยใจที่ปรารถนา

ผมห่างวัด แต่ไม่ห่างพระ

ถ้าอยากสวดมนต์ไหว้พระวันไหนก็ว่าได้เป็นชั่วโมง โดยไม่ได้ไปวัดแต่สวดมนต์อยู่กับบ้าน ปกติไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนมากมายเพราะไม่หาเรื่องใส่ตัว มีแต่ยอมให้ชาวบ้านใช้งานเป็นวัวเป็นควาย ประชุมโน่นประชุมนี่ไม่หยุดหย่อน มีอะไรมากระทบก็พยายามระงับอารมณ์ อยู่ให้มันสบายไม่หาทุกข์ใส่ตัวก็ไม่เดือดร้อนครับ

อ้อ..บางคนไปวัดโดยเฉพาะผู้หญิงมักไปเพราะชื่นชมในตัวพระไม่ได้สนใจคำสอนของศาสดา แต่สนใจคำสอนของพระอาจารย์ บางทีก็ทำให้พระเสียได้เหมือนกัน อิอิ มีคนบอกว่า "พระดี ต้องไม่มีสตรีแวดล้อม" ยิ่งไปห้อมล้อมท่านมากๆเข้าแทนที่จะช่วยส่งเสริมพระศาสนา ก็จะกลายไปทำให้พระเสียผู้เสียคนเห็นมาเยอะแล้ว...

ขอบคุณครับ ท่าน อัยการชาวเกาะ :)...

"พระดี ต้องไม่มีสตรีแวดล้อม"

:)

เป็นคนห่างวัดค่ะแต่ไม่ถึงกับหันหลังให้วัดค่ะ 

ชอบไปทำบุญ หรือไปวัดในเวลาที่จิตสงบ สบายใจ เพราะเราพร้อมที่จะรับสิ่งดีๆกลับมา

ทุกข์ใจแล้วไปวัดเพื่อดับทุกข์ ก็ไม่มีประโยชน์ กลับมาคงจะเหมือนเดิม

เหตุเกิดที่ตัวเรา เราต้องดับทุกข์ในใจของเราเองให้ได้ค่ะ

บางเวลาดูเหมือนจะยากมากๆ

ถ้าไม่ไปวัดก็เข้าหาธรรมะเป็นที่พึ่ง(เป็นเรื่อจริง)

วันหยุด 3 วันไปไหว้พระนอน(พระพุทธไสยาสน์) วัดโล ก ย สุธาราม พระนครศรีอยุธยามาค่ะ

 

          

 

ธรรมะ ... อยู่ในใจ มากกว่า ... อยู่ในวัด ครับ

ขอบคุณครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 :)

รู้แล้วค่ะว่า อาจารย์ชอบธรรมะ..เย็นๆ

แต่เวลาอื่นไม่ทราบว่าชอบอะไรค่ะ..อิอิ

  • อาจารย์อ่านแล้วมันใช่จริง ๆ คนเราไม่ทุกข์ไม่เข้าวัด(นกอีกหนึ่งคน เวลามีทุกข์ก็แทบเอาตัวไม่รอดรีบเอาธรรมเข้าช่วยเวลาสูขก็ไม่ได้ใส่ใจ)

 

คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 ถามตรงเชียว :)

ชอบ ... อยู่เงียบ ๆ คนเดียว กับ หญิงงาม นามเพราะ ครับ

อิ อิ

ขอบคุณมากครับ คุณ รัตน์ชนก :)

สบายดีนะครับ ... อยากให้มีความสุขเยอะ ๆ ครับ

เฮ้อ ช่วงนี้อิ่มทุก ทุกจัง ...

กำลังคิดว่าสงกรานต์ปีนี้ หากพ่อแม่ไม่มีแผนไปไหน

อาจจะไปบวชซะหน่อยแล้วค่ะ  """  จะได้สุก สุก

ทางวัดคงดีใจเพราะประชาชี ได้นึกถึงเวลามีทุกข์ :)

...

ชอบภาพนี้จัง ... ขอบคุณค่ะ

 

ผมว่าเป็นเรื่องไม่แปลกครับ ผมเป็นเด็กวัดเก่าเห็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆครับ(เห็นจนชินเลยไม่รู้สึกแปลก)ก็อย่างที่ว่าแหละครับ อะไรไม่ดีก็ตัดหางปล่อยวัด แต่ก็มีเหมือนกันนะครับที่ตั้งใจเข้าวัดด้วยศรัทธาและต้องการเรียนรู้จริงๆ

                      แวะมารับสิ่งดีดีครับ

                                        รพี

อนุโมทนา สาธุ ครับ คุณ poo :)

ภาพเขียนจากถนนวัวลาย ครับ

ขอบคุณ คุณ รพี กวีข้างถนน ที่ให้เกียรติแวะเยี่ยมบันทึกนี้ ครับ :)

สวัสดี ครับ คุณ 

P Wasawat Deemarn

ดวงเด่นในดวงใจ ของผม

Star3

ลุง สามล้อ พาผม มารับธรรม ครับ

 

ขอบพระคุณ ครับ

ขอบคุณมากครับ คุณ  แสงแห่งความดี ที่ให้เกียรติ :)

ปิดเทอม ไปวัดมาค่ะแต่ไม่ได้ไปเพราะมีความทุกข์นะคะ ตั้งใจไปจริงๆค่ะไปกับแม่ ที่อาจารย์เห็นเช่นนั้นเพราะว่าเค้าต้องการที่พึ่งพิงทางใจค่ะ ธรรมน่าจะอยู่ที่ใจไป)กิบัติที่ใดถ้าใจไม่มีธรรมก็เปล่าประโยชน์ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ คุณครู ทรายชล :)

สวัสดีปี๋ใหม่เมืองจ้า น้อง วชิราภรณ์ :)

มีความสุขนัก ๆ ครับ

  • มารับธรรมะ ข้อคิดดี ๆ ค่ะ
  • สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ ท่านอาจารย์  Wasawat Deemarn
  • ชอบดอกไม้ในภาพถ่าย ก็เลยนำมาแสดงความระลึกถึง และขอพรพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองท่านอาจารย์และครอบครัวให้สุขกายสบายใจค่ะ

สวัสดีปี๋ใหม่เมืองครับ คุณ Sila Phu-Chaya :)

สวัสดีค่ะอาจารย์

คล้ายๆ สุภาษิตที่ว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเลยนะค่ะ

ส่วนอันนี้ต้องบอกว่าไม่มาวัดเมื่อไม่มีทุกข์ค่ะ

ไปดีกว่าค่ะ :)

สวัสดีครับ เจ้าหนูจำไม  สี่ซี่ :)

ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมบันทึกนี้ :)

สวัสดีวันครอบครัวค่ะอาจารย์  Wasawat Deemarn

  • มันคงเป็น "สัจธรรม" .... มันเป็นเช่นนั้นเอง
  • สุขสันต์วันสงกรานต์ ..มีความสุขทุกวันนะคะ

ขอให้คุณพยาบาล  สีตะวัน และครอบครัว มีความสุขเช่นกันครับ :)

ยิ้มสู้ ครับ

เรียนอ.เสือ

เพียงแค่คิดอ.ก็ได้บูญมากแล้วค่ะ จิตเป็นกุศลของอ.ที่ปราถนาความถูกต้องนั้นมันแรงกล้าไม่นาน มารทั้งหลายก็แพ้ไปเองปล่อยไปนะคะ

ครูต้อยมาคารวะคนดีที่ฉันรู้จักค่ะ

อิอิ ไม่เคยเห็นหน้าแต่รับทราบถึงปราถนาแห่งการสร้างความดีของอ.

ขอบพระคุณ คุณ krutoi มากครับ ที่เพียงอ่าน มิพบหน้าค่าตา แล้วสามารถเข้าใจเจตนาที่แฝงอยู่ในบันทึกทุกบันทึกได้

ขอให้คุณ krutoi และครอบครัวมีความสุขตลอดไปเช่นกัน ครับ :)

ไม่แปลกหรอกครับ..

เจ้าชายสิทธัตถะยังเห็นทุกข์ภัยจากการ เกิดแก่ เจ็บ ตาย ก่อนออกบวชแสวงหาสัจธรรมเลย

ขอบคุณ ทัศนะของคุณ มรณ์ ครับ

น่าจะเรียกคุณว่าเป็นคนแก่วัดมากกว่าคะ

บอกถ่อมตัวว่าห่างวัดแต่อธิบายเป็นคุ้งเป็นแควมีความรู้ดีกว่าคนอื่นๆในเรื่องนี้

ชีวิตของคุณที่ผ่านมามีแต่เรื่องวัดเรื่องศาสนาอย่างมากมายน่าเลื่อมใสศรัทธาคะ

คุณ รัชดาวัลย์ สว่างรัตน์ ทราบได้อย่างไรครับ ... หรือว่าแอบติดตามอ่านบันทึกผมอย่างเงียบเชียบ ... แต่อยากขอบคุณนะครับที่แวะมาเยือน ;)

ไปวัดดีกว่าไปที่อื่น เราไม่รู้ว่าได้อะไร แต่จิตเราก็รับมาทุกอย่าง

ชีวิตคนไม่เที่ยงแน่นอน...อกหักไม่ได้มีตลอดชีวิต

ดีที่อกหักแล้วนึกถึงวัด...บางคนนึกถึงสุรา...ก็วิ่งเข้าใส่เลย...ก็วิบัติเลย

ไปวัดถึงจะยังทำไม่ถูกก็ยังดี

เราทำกรรมไว้มาก จะให้สะอาดเลย..ยาก

ต้องเสวยวิบากกันสักพัก ยอมรับความโง่ของตัวเองก่อน

ถ้ายังยอมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร...

การไปวัดอยู่เรื่อยๆ ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน...

ยายจ๋า คิดถึงจัง

คิดเห็นภาพเด็กชายตัวเล็กๆ ออ้นยาย

คนที่พนมมือไหว้พระนานๆ ทุกข์อยู่ในใจแยะมาก

หน้าตาไม่สดใสเหมือนกำลังค้นหาทางออกอะไรบางอย่าง

ช่างสังเกตมากเก็บหมดทุกรายละเอียดเลย

ขอบคุณบันทึกดีๆค่่ะ

ขอบคุณสำหรับบทความเตือนใจนะค่ะ

แต่ก่อนฟ้าก็เคยเป็นคนนึงที่ถ้าไม่ทุกข์ ก็ไม่ปฏิบัติธรรม

ฟ้าก็ชอบไปวัดใหญ่ แล้วก็สังเกตุคนเหมือนกันฮ่าา

แต่มันจะมีประโยชน์อะไรนะค่ะ ถ้าเข้าวัด

แต่ก็ยังคิดไม่ดี ยังไม่นำคำสอนมาปฏิบัติ

แล้วก็กลับมาใช้วิถีชีวิตแบบเดิมๆ


เช่นนั้นเลยครับ น้อง aingfar ;)...

อ. was ครับ เช้าวันวิสาขะ ผมไปทำบุญที่วัด แต่รู้สึกเหมือนไม่ถึงวัด เพราะจิตไม่สงบเลย แต่คืนนี้ ผมได้อ่านบันทึกนี้ รู้สึกว่า ผมได้เข้าถึงมากกว่าวัดอีกครับ ขอบคุณนะครับ สำหรับความคิดดี ๆ ที่แบ่งปันครับ

ขออนุโมทนาบุญกุศลครับ คุณ nobita ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท