ไม่มีใครดึง "ลูกศรแห่งความทุกข์" ออกได้ นอกจากตัวของเราเอง


การเลือกกับใครสักคน หากจริตในตนตรงกัน มักจะคบกันได้ยืดยาว แต่หากจริตนั้นไม่ตรงกัน แต่การคบกันเกิดจากการเสแสร้ง แกล้งทำ เพื่อให้ตัวเองรอดไปวัน ๆ แบบนี้ควรจะเลิกคบ ไปให้ห่างกันนับตั้งแต่วันที่เรารู้ว่า เพื่อนเราเป็นเช่นนี้ตั้งแต่วันแรก

น้องที่รู้จักคบกับเพื่อนคนหนึ่งมา 2 ปี ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันตลอด เวลามีการเจ็บแค้นใครสักคน เพื่อนคนนี้ก็จะหลอกล่อและคอยควบคุมให้น้องคนนี้เป็นอาวุธไปประหัตประหารอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ชอบหน้า โดยอาศัยความจริงใจและความใจร้อนยากที่จะควบคุมได้

ด้วยความรักเพื่อนจนไม่ได้ใช้สติไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เพื่อนว่าอย่างไร ก็เชื่อเพื่อนอย่างนั้น ทำให้ก่อศัตรูที่ไม่ใช่ศัตรูโดยตรงขึ้นมาจำนวนมาก โดยเพียงหวังใจว่า เราได้ดูแลเพื่อนคนนี้ดีที่สุด คนอื่นเราไม่สนใจ

จนหลายเหตุ หลายกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้า ได้สะสมแล้วมาประมวลความได้ว่า เพื่อนคนนี้เป็นแค่คนที่ควบคุมให้น้องคนนี้เป็นอาวุธและเกราะกำบังภัยเท่านั้น หาได้มีความจริงใจใด ๆ ไม่ ดังนั้นเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับน้องคนนี้โดยตรง

จากเพื่อนรักก็กลับมาเป็นเพื่อนหลบ หลบภัย ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างที่น้องคนนี้ได้ทำให้อย่างใจจริง

ผลก็คือ ความผิดหวังที่เกิดจากความคาดหวังว่า จะอยู่ช่วยกันตลอดไป

ไม่มีอะไรแน่นอน จากเดินด้วยกัน ก็ไม่ได้เดินด้วยกัน จากกินข้าวด้วยกันก็ไม่กินด้วยกัน

เลิกคบค้าสมาคมกันไป

เพื่อนคนนี้ก็ทำหน้าที่ไปเป็นกาฝากสังคม เกาะคนกลุ่มอื่นต่อไป เกลียดแค่ไหนก็เกาะได้ แค่เพียงเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น

เพียงแต่ว่า น้องผมคนนี้ ทำใจให้ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เสียใจที่ถูกหลอก เสียใจที่เค้าไม่พูดด้วย เสียใจที่ถูกหักหลัง ฯลฯ สารพัดที่จะคิดแล้วทำให้ตัวเองทรุด

เพียงแค่ได้ยินชื่อก็ไมเกรนขึ้น น้ำตาไหลด้วยความแค้นใจ คนรอบ ๆ ก็ได้เพียงปลอบใจ และพยายามเปลี่ยนวิธีคิดให้รู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังต้องเวลาอีกนาน

กลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไป จากเดิมเป็นคนที่ชอบให้ใจกับคนอื่นเกินร้อย

ทุกวันนี้กลายเป็นหวาดระแวงไปหมด ทุกข์จนเหลือขนาด

 

ผมลองหยิบบทความของท่าน ว.วชิรเมธี มาลองเธอได้อ่านดูว่าหากเธอยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ ก็ไม่ต่างจากการเอาลูกศรแห่งความทุกข์มาปักตนเอง

 

 

ป่วยเป็น..ก็เป็นสุข

 

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "คนทุกคน มีโอกาสที่ลูกศรแห่งความทุกข์จะพุ่งมาเสียบใจอยู่แล้ว แต่ถ้ามีปัญญา เมื่อไรก็ตามที่ลูกศรแห่งความทุกข์พุ่งเข้ามาเสียบที่ใจ คนมีปัญญาจะรีบถอนลูกศรแห่งความทุกข์นั้นออก แต่คนด้อยปัญญาจะเสาะแสวงหาลูกศรดอกที่สองมาทิ่มเข้าไปอีก"

ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งเราถูกเพื่อนด่า คำด่านั้นคือลูกศรดอกแรกที่ทำให้เราทุกข์ กลับถึงบ้านคิดต่ออีกทั้งคืน แค้นมาก ถูกด่าในเย็นวันเสาร์ เช้าวันจันทร์ยังคิดไม่ตก พยายามจะเอาคืน จะแก้แค้นให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ด่าเราเขาไม่ได้คิดอะไรแล้ว แต่เรายังคิดต่อ ยังปรุงแต่งต่อ ทุกข์แทบล้มประดาตาย นี่เรียกว่าเอาลูกศรดอกที่สองมาทิ่มตัวเอง

ลูกศิษย์อาตมภาพที่เป็นดารา บางทีถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นข่าว กลับถึงบ้านต้องรีบเปิดดูข่าวในอินเทอร์เน็ตว่ามีคนเข้ามาด่าตัวเองกี่คน ดูเสร็จก็ทุกข์หนักแสนสาหัส พวกเราคนไทยชอบเสพเรื่องแย่ ๆ ของคนอื่น ดาราคนที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์นั้นทุกข์หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว เมื่อกลับถึงบ้านแทนที่จะพักผ่อนก็ต้องรีบคลิกดูข่าวในอินเทอร์เน็ตก่อน พบว่ามีคนรุมด่าเป็นแสนราย ก็ทุกข์อีก เสมือนว่ามีลูกศรนับแสนดอกที่แสวงหามาปักอก ปักจิต ปักใจตัวเอง นี่ก็เพราะไม่เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนโรคให้เป็นโรคนั่นเอง

ถ้าเราไม่เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนโรคให้เป็นโชค โรคจะกลายเป็นวิโยค จะพรากความสุขในชีวิตของเราให้ห่างหายไปทีละเรื่อง แล้วนำความโศกเศร้าเข้าสู่หัวใจของเราทีละน้อย ในที่สุด ชีวิตของเราก็จะเต็มไปด้วยความทุกข์ พื้นที่แห่งความสุขถูกกลืนหายไป ฉะนั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนฉลาด เมื่อไรก็ตามที่ลูกศรแห่งความทุกข์พุ่งมาปักอกเรา ให้รีบดึงออกทันที อย่าไปแสวงหาลูกที่สองมาปักเพิ่มเข้าไปอีก

ด้วยเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมว่าด้วยเรื่องที่มนุษย์ทุกคนมีโอกาสที่จะถูกลูกศรแห่งความทุกข์พุ่งมาปักอก และทรงสอนวิธีถอนลูกศรนั้นอยู่ตลอดเวลา พระองค์จึงได้รับการเฉลิมพระนามว่าเป็น "ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดลูกศร คือ ความทุกข์ให้มวลมนุษยชาติ" ภาษาบาลีใช้คำว่า "สัพพะโลกะติกิจฉะโก" แปลว่า พระผู้ถอนลูกศรแห่งความทุกข์ให้กับชาวโลก พระพุทธเจ้าจึงทรงเป็นศัลยแพทย์ เป็นหมอใหญ่ พระทุกรูปชาวพุทธทุกคน ก็เป็นหมอผู้ช่วยของพระพุทธเจ้า มีหน้าที่ช่วยกันถอดถอนลูกศรแห่งทุกข์ออกจากจิตใจของมนุษยชาติทั้งหลาย

 


 

การเปลี่ยนวิธีคิดจึงเป็นหนทางแห่งความทุกข์ที่แท้จริงที่จะทำให้ความทุกข์ได้เบาบางและหมดลงในที่สุด

ขอให้เชื่อเรื่องกรรมว่า ผู้ใดก่อกรรมใดไว้ ผู้นั้นย่อมต้องได้รับผลกรรมสนองเสมอ ไม่มีใครหลุดพ้นไปได้

เพื่อนน้องคนนี้ไม่ซื่อสัตย์กับเพื่อนที่หวังดีกับเขา เขาก็ต้องไปแสวงหาคนที่จะมาตอบสนองเขาไปเรื่อย ๆ เขาย่อมมีทุกข์เป็นที่ตั้งอยู่แล้ว

ไม่จำเป็นต้องไปเคียดแค้นอะไรเลย ขอให้ปล่อยวาง ปล่อยผ่านความรู้สึกแค้นไปให้ได้

มิฉะนั้น เราอาจจะไม่สามารถอยู่ทำความดีต่อในโลกนี้ต่อไปได้ เพราะเราจะตายด้วยโรคร้ายไปเสียก่อน

ความทุกข์ ความแค้น ความเกลียดชัง จะคอยบั่นทอนจิตใจของเจ้าของความคิดได้ผลชะงักนัก

ความตายอย่างทุกข์ทรมานจึงเป็นขั้นตอนของทุกข์ขั้นต่อไป

 

น้องผมคนนี้เป็นคนเข้าใจโลกที่ค่อนข้างยาก คิดสิ่งใดมักจะสุดโต่งเกินไป

ทางสายกลางไม่ค่อยชอบเดิน ชอบเดินแบบตึง ๆ ตึงนักมันจะขาดเร็ว

ผมได้ใช้ประสบการณ์การวางเฉย เล่าเรื่องราวด้วยเหตุผลและนำบทความตอนนี้มาให้เธออ่าน

ทำได้แค่บรรเทาจนว่าจะสามารถปรับความคิดได้ด้วยตัวของเธอเอง

ถ้าเธอไม่ทำ ลูกศรแห่งความทุกข์ก็จะอยู่กับตลอดไปจนเธอสิ้นลมหายใจ

และไม่มีใครจะมาถอนลูกศรแห่งความทุกข์นี้ได้ นอกจากตัวของเธอเอง

 

ผมเพียงได้ทำหน้าที่ของพี่และผู้เป็นกัลยาณมิตรของเธอได้ดีที่สุดแล้ว

ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเธอเอง

 

บุญรักษา..นะน้อง ;)

 

 


 

หนังสือดี ๆ

ว.วชิรเมธี.  เปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชค เปลี่ยนโรคให้เป็นครู. 

       กรุงเทพฯ: ปราณ พับลิชชิ่ง, 2552.

 

หมายเลขบันทึก: 340247เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2010 01:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (58)

ขอบพระคุณมากครับพี่ Was ได้ประโยชน์จริงๆ

เรื่องเล่า และเรื่องปลอบประโลมวันนี้ดีจริง เหมือนเพลงก้อนหินก้อนนั้นยังไงอย่างงั้นเลยเนาะ อิอิ

ถอนออกนี้ไม่เท่าไหร่ครับ ผมนึกเล่นๆว่า ถ้าคนไหนซาดิสม์หน่อยนี้เกิดดึงทะลุออกด้านหลัง คงใจเด็ดดีนะครับ :)

ลูกศรแห่งความทุกข์ที่ว่านี้..มักมาหาไม่บอกไม่กล่าวซะด้วย

หากมาแล้วไม่รู้จะมาเบิ้ลรึเปล่า...เราต้องหลบให้ได้

โยนิสโสมนสิการค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

          บางเรื่องต้องรอเวลา...ยาว

          บางคราว...แป๊บเดียว...คลิก..ได้เลย

          เพียง "ตัวรู้"  อยู่กับเราตลอด...ก็ดีสิคะ

          เนี่ยอะไร...บทจะหนีหาย  ไม่บอกไม่กล่าว

          ตอนนี้แหละ....อันตราย

                   เป็นข้อเขียนที่กระแทกใจให้ระลึกถึง...รู้ตัวได้

                   อาจารย์เยี่ยมมากเลยค่ะ

                             ธิรัมภา

สวัสดีครับอาจารย์

ขอบคุณที่นำหลักธรรมนำชีวิต ให้ได้คิดและได้ทำครับ

"ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง"

(เนื้อเพลงก้อนหินก้อนนั้นค่ะ)

ขอบคุณบันทึกที่ทำให้เข้าใกล้คำว่า "ความสุข"ค่ะ

ตามมาอ่านเรื่องท่าน ว วชิรเมธีก่อนนะครับ

สวัสดีค่ะท่าน อ. Wasawat Deemarn

  • มารับธรรมะยามเช้าค่ะ
  • ทุกข์ สุข อยู่ที่ใจ
  • ให้หนังสือธรรมะอ่านบ่อย ๆ เธออาจจะหูตาสว่างขึ้นมาบ้าง
  • ขอบุญกุศล ให้อาจารย์มีความสุขทุกวันนะคะ
  • ขอบคุณค่ะ...^_^

ช่วงนี้ชวนชม ออกดอกบานสะพรั่ง ...สวยงามมาก เก็บภาพมาฝากค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกดี ๆ นะค่ะ ตอนนี้ก็ตกในสภาวะเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อมีทุกข์ถึงแม้จะอ่านหนังสือให้กำัลังใจตัวเองหรือแม้แต่เสียงปลอบใจจากใคร ๆ รอบข้าง มันยากมากที่ดึงลูกศรออกจากใจได้ ยอมรับว่ามันยากจริง ๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานไหม ถ้าเราไม่ต้องกันอีกมันก็คงจะเร็ว แต่นี่ต้องเจอหน้ากันทุกวัน เมื่อตอกย้ำความรู้สึกตัวเองทุกวัน บางครั้งก็กลับมานั่งถามตัวเองเสมอว่าเหนื่อยพอหรือยัง ทำร้ายตัวเองพอหรือยัง จนวันนี้ยังหาคำตอบให้ตัวเองยังไม่ได้

สวัสดีค่ะ พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn

มารับธรรมะค่ะ..   ชอบมาก.. ให้ข้อคิดที่ดีมากๆ  ขอบคุณค่ะ..   มีความสุขมากๆ เสมอนะคะ..      

ขอขอบคุณ   Morning Moods  Morning Moods by adrians_art 

  • ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องเล่าดีๆค่ะ
  • บางทีรู้จักวิธีการปลดทุกข์ร้อยแปดพันเก้าวิธี
  • แต่เมื่อเราเจอของจริง เราจะทำได้อย่างไร
  • สิ่งสำคัญคือ รู้จักตัวเอง  รู้เท่าทันตนเองและการมีสติ 
  • แค่พูดมันง่ายแต่คงต้องฝึกฝนค่ะ ...
  • บางคนอาจเจ็บแค่ครั้งเดียว ก็เรียนรู้
  • แต่บางคน อาจเจ็บแล้วเจ็บอีก เพื่อที่จะเรียนรู้ค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณครับ น้องเดย์ adayday ;)...

ลูกศรแห่งความทุกข์ทะลุข้างหลังนี่ ... ท่าจะทุกข์ทะลุใจแล้วล่ะครับนั่น 55

ขอบคุณครับ คุณ มาตายี ;)

หากมาเบิ้ล แล้วเรายังคิดเบิ้ลเองอีก

รับรองว่า ทุกข์แสนสาหัสแบบถอนไม่ออกเลยครับ ;)

ขอบคุณมากครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา ;)

มี "สติรู้" คือสำคัญที่สุดจริง ๆ ด้วยครับ

ยินดีและขอบคุณครับ ท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า ;)

ได้ธรรมและได้ทำ นะครับ

ขอบคุณสำหรับเสียงเพลง "ก้อนหินก้อนนั้น" ของโรสครับ คุณ hanako ;)

ผมก็ชอบเพลงนี้ครับ

ขอให้มีความสุขนะครับ ;)

ขอบคุณท่านอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ที่แวะมาอ่านธรรมของท่าน ว. ก่อน ;)

ขอบคุณครับ คุณพยาบาล สีตะวัน ;)

หนังสือธรรมอยู่ใกล้ตัว ใกล้ใจ เสมอครับ

ชวนชมที่บ้านก็กำลังบานเหมือนกันครับ ;)

สวัสดีครับ คุณ nuaor ;)

คุณ nuaor คงต้องเวลาเยียวยาหัวใจพอสมควรครับ

เพียงแต่ใช้ "สติ" กำกับ "ปัญญา" ให้รู้คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

และพยายามมองผ่านและวางเฉยให้ได้มากที่สุด

แล้วคุณ nuaor จะทราบว่า สายลมแห่งความทุกข์ที่เกิดจากตัวเองได้ผ่านไป

ขอให้กำลังใจครับ ;)

บันทึกนี้คงไม่ได้ใช้ไปซื้อกาแฟนะครับ คุณบรรณารักษ์ สิริพร ทิวะสิงห์ tuk-a-toon ;)

ขอบคุณครับ ;)

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับน้องอาจารย์ พิชชา ครับ ;)

หลายครั้งหลายคนที่เจ็บแล้วไม่ค่อยจำ

และหลายครั้งไม่ว่าจะคิดว่าตนเองเก่งกาจแค่ไหน

อัตตามาเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำให้ความทุกข์จะคลายลงได้

เปิดตำราก็เท่านั้น ไม่ฝึกฝนตนเองให้ได้ ก็เหนื่อยหนัก

แปลกแต่จริง เรียนเรื่องนี้มา แต่ไม่เคยทำได้ ;)

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ ถูกต้องมากครับอาจารย์

คิดถึงและเป็นห่วงน้องคนนั้นอ่ะค่ะ

จึงบอกว่า ให้หนังสือธรรมะอ่านบ่อย ๆ ตาเธอจะได้สว่างขึ้น หรือไม่ก็ มอบหนังสือ Secret ที่อาจารย์เคยแนะนำให้คนอื่น ๆ อ่าน ให้เธอได้อ่านบ้าง ...ฮา

อยากคุยด้วยบ้าง แค่นั้นเองอ๊ะ...  (เฮ้อ..ยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกแล้วเรา)..อิ อิ

ขอให้มีความสุขทุกวันจ้า...*_*

คิดว่าถ้าเธอเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ก็จะเข้าใจชีวิตมากขึ้นนะคะ

คนแบบนั้น..ไม่ควรค่าจะมาเก็บเป็นอารมณ์

และคนแบบนั้น..มีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย

ใครๆก็เคยเจอ...ครู ป.1 ก็เจอ!!!

"ลูกศรแห่งความทุกข์" ดึงออกได้ด้วยความอดทน สติ และปัญญา

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

สวัสดีครับ คุณพยาบาล สีตะวัน ;)

น้องคนนั้นของผมเนี่ย ... เป็นคนที่ระงับอารมณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ค่อยได้ครับ

ตรงไปตรงมาเกินไป จนหลายครั้งไม่ได้เป็นผลดีกับตัวเขาเองเลย

นาน ๆ จะเจอคนแบบนี้สักทีครับ

น่าเสียดายที่วิชาการเก่งมาก แต่การจัดการจิตใจของตัวเองยังไม่ดี

Secret เขาชอบมายืมอ่านของผมประจำครับ ถ้าผมเอาไปที่ทำงาน

ประมาณว่า ไ่ม่ยอมเสียตังค์ซื้ออ่ะ 55

ขอบคุณนะครับ ;)

 

เป็นธรรมชาติของจิตมีทุกข์-สุขปนเปกันไปค่ะ

"ความทุกข์  ทุกอย่างเป็น แค่ภาพลวงตา  ให้ใช้

ความรู้สึกตัดสิน   อย่าตัดสินด้วยการมองเห็น  แล้วท่านจะมี

ความสุข  ทุกที่  ทุกเวลา " มา ลปรร.และด้วยความสุดคะนึงค่ะ

ขอบคุณค่ะ


เหมือนการเอาชนะใจตัวเองใช่ไหมครับ ^^

เรื่องการคบบัณฑิต หรือกัลยาณมิตรค่ะ

ทุกสิ่งที่เกิดกับตัวเอง ย่อมเป็นการสอนใจตนเองได้ดี และถ้ามีคนดีคอยแนะนำยิ่งดีค่ะ

กัลยาณมิตร หรือ เพื่อนแท้

ไม่ควรหาประโยชน์ต่อกันนะครับ และ ไม่ควรยึดติด

ขอบพระคุณสำหรับบันทึกดีดีครับ

ใช่เลยครับ ท่าน นาย ไพรัชช์ (เอิร์ท) สาระคง ;)..

ชนะใครไม่ยิ่งใหญ่เท่าชนะใจตัวเอง

ขอบคุณครับ ;)

เห็นเช่นนั้นเหมือนกันครับ ท่าน Phornphon ;)

ขอบคุณครับ

ผ่านผันกาลเวลา อะไรๆก็ไม่แน่นอน รักกันไว้ก่อนดีกว่า

มองดีๆ กันเนาะ ลูกศรที่สะท้อนกลับก็คือ ความสุขใจ

...

มาทายแทะให้ยิ้มแยะๆ คลายร้อน อ.เสือไปฉลองพระจันทร์เต็มดวงที่ไหนมาเอ่ยคะ ;)

สวัสดีครับ คุณ poo ;)

พระจ้นทร์หุบ พระจันทร์บาน ผมก็ยังนอนซมอยู่บ้าน

ไข้ขึ้นก่อนส่งเกรด ... สุขภาพไม่แข็งแรงนี่ ไม่สนุกจริง ๆ

ขอบคุณครับ ;)

อ้ะ ท่านเสือใหญ่ ไม่สบายไข้ขึ้นเป็นด้วยนะเจ้า ;)

นานทีปีหน ไม่เป็นหยัง ยังมีแรงดุ บ่นลูกศิษย์หลาย

คงหายแล้วนะคะ เกรงเด็กๆ เงียบเหงาไม่ได้ยินเสียง;)

ปล. น้องกล้องฯ ออกจากโรงบริบาลหรือยังเอ่ยคะ

ชมรมมวลเมฆ ยังขาดภาพ ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบแน่ะค่ะ ;)

 

จาก "ไม่สบาย" กลับกลาย "เป็นหวัด" ต่อครับ คุณ poo ;)

ช่วงนี้โรคดื้อยามากขึ้น ...

ออกเกรดยังมิเสร็จสิ้นเลย จะเปิดภาคเรียนฤดูร้อนอีกแย้ว เหอ เหอ

กล้อง ก็ 2 - 3 นาที ดี 4 - 5 นาทีเจ๊ง ครับ ;)

  • สวัสดีค่ะท่านอ.Wasawat Deemarn
  • "คนทุกคน มีโอกาสที่ลูกศรแห่งความทุกข์จะพุ่งมาเสียบใจอยู่แล้ว แต่ถ้ามีปัญญา เมื่อไรก็ตามที่ลูกศรแห่งความทุกข์พุ่งเข้ามาเสียบที่ใจ คนมีปัญญาจะรีบถอนลูกศรแห่งความทุกข์นั้นออก แต่คนด้อยปัญญาจะเสาะแสวงหาลูกศรดอกที่สองมาทิ่มเข้าไปอีก" คำสอนของพระพุทธเจ้า ทันสมัย ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยนะคะ
  • ไม่ว่าจะสุข หรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับตัวเรา เพราะสุขสร้างได้ ทุกข์ก็สร้างได้
  •  ขอบคุณที่แวะไปทักทาย อยากจะรับฟังความเห็นของท่านเช่นกันนะคะ

ขอบคุณท่านอาจารย์ ศน.เอื้องแซะ ครับ ;)...

ขอรับฟัง ก่อน ออกความเห็นส่วนตัวครับ

จ้ะเอ๋ อ.วัต หายจากหวัดยังคะ ... สุข ทุกข์ เราเลือกได้ ... อยากชมภาพหิมะที่เกาหลีด้วยจัง ;) 

สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่านบันทึกที่ให้ข้อคิดดีๆ ค่ะ

ขอบคุณนะคะ

ดีขึ้นแล้วครับ คุณ poo ;)...

เดี๋ยวน้องผมกลับมา จะแอบจิ๊กภาพมาให้ชมนะครับ

ขอบคุณมากครับ ;)

ขอบคุณครับ น้อง ต้นเฟิร์น ;) ... พิด'โลก อากาศเป็นอย่างไรบ้างครับ

แต่ก่อนแป้งก็ไม่ "ปล่อยวาง" ค่ะ

แต่เดี๋ยวนี้ ผ่านไปซัก 1 ชั่วโมง ก็หายแล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ

ดีมาก ๆ เลยครับ คุณ ~*_PangJung_*~ ;)

ปล่อยและวาง จะทำให้เราความสุขมากขึ้น

ขอบคุณครับ ;)

สวัสดีค่ะ

  • เราป่วยกายมีคนดูแลและรักษาได้นะคะ
  • แต่หากป่วยใจ  เราต้องดูแลตนเอง และรักษาไว้หามป่วยใจ
  • ฝึกหายใจเข้าออก ภาวนาพุทโธ แผ่เมตตาก็ได้ผลนะคะ  พี่คิมลองฝึกทำแล้วค่ะ

หากจริตในตนตรงกัน มักจะคบกันได้ยืดยาว (หวังจะเป็นเช่นนั้น)

เปลี่ยนวิธีคิดเพื่อให้รู้สึกดี แต่ก็ยังตอ้งการเวลา(เวลา เพื่อที่จะก้าวไปวันใหม่ๆได้โดยการพึ่งพาตัวเองไม่ตอ้ง

พยายามหากำลังใจจากที่ใด ซึ่งไม่ใข่เรื่องง่ายเลย )

แต่ละคำแต่ละประโยคในบันทึก ยกให้ห้าดาวเลย โดนทุกบันทึก

ขอบคุณจริงๆค่ะ


ขอบคุณครับที่แวะมาพรวนบันทึกให้

ทำให้ผมกลับมางานเก่า ๆ ด้วยคน ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท