การเลือกกับใครสักคน หากจริตในตนตรงกัน มักจะคบกันได้ยืดยาว แต่หากจริตนั้นไม่ตรงกัน แต่การคบกันเกิดจากการเสแสร้ง แกล้งทำ เพื่อให้ตัวเองรอดไปวัน ๆ แบบนี้ควรจะเลิกคบ ไปให้ห่างกันนับตั้งแต่วันที่เรารู้ว่า เพื่อนเราเป็นเช่นนี้ตั้งแต่วันแรก
น้องที่รู้จักคบกับเพื่อนคนหนึ่งมา 2 ปี ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันตลอด เวลามีการเจ็บแค้นใครสักคน เพื่อนคนนี้ก็จะหลอกล่อและคอยควบคุมให้น้องคนนี้เป็นอาวุธไปประหัตประหารอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ชอบหน้า โดยอาศัยความจริงใจและความใจร้อนยากที่จะควบคุมได้
ด้วยความรักเพื่อนจนไม่ได้ใช้สติไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เพื่อนว่าอย่างไร ก็เชื่อเพื่อนอย่างนั้น ทำให้ก่อศัตรูที่ไม่ใช่ศัตรูโดยตรงขึ้นมาจำนวนมาก โดยเพียงหวังใจว่า เราได้ดูแลเพื่อนคนนี้ดีที่สุด คนอื่นเราไม่สนใจ
จนหลายเหตุ หลายกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้า ได้สะสมแล้วมาประมวลความได้ว่า เพื่อนคนนี้เป็นแค่คนที่ควบคุมให้น้องคนนี้เป็นอาวุธและเกราะกำบังภัยเท่านั้น หาได้มีความจริงใจใด ๆ ไม่ ดังนั้นเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับน้องคนนี้โดยตรง
จากเพื่อนรักก็กลับมาเป็นเพื่อนหลบ หลบภัย ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างที่น้องคนนี้ได้ทำให้อย่างใจจริง
ผลก็คือ ความผิดหวังที่เกิดจากความคาดหวังว่า จะอยู่ช่วยกันตลอดไป
ไม่มีอะไรแน่นอน จากเดินด้วยกัน ก็ไม่ได้เดินด้วยกัน จากกินข้าวด้วยกันก็ไม่กินด้วยกัน
เลิกคบค้าสมาคมกันไป
เพื่อนคนนี้ก็ทำหน้าที่ไปเป็นกาฝากสังคม เกาะคนกลุ่มอื่นต่อไป เกลียดแค่ไหนก็เกาะได้ แค่เพียงเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น
เพียงแต่ว่า น้องผมคนนี้ ทำใจให้ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เสียใจที่ถูกหลอก เสียใจที่เค้าไม่พูดด้วย เสียใจที่ถูกหักหลัง ฯลฯ สารพัดที่จะคิดแล้วทำให้ตัวเองทรุด
เพียงแค่ได้ยินชื่อก็ไมเกรนขึ้น น้ำตาไหลด้วยความแค้นใจ คนรอบ ๆ ก็ได้เพียงปลอบใจ และพยายามเปลี่ยนวิธีคิดให้รู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังต้องเวลาอีกนาน
กลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไป จากเดิมเป็นคนที่ชอบให้ใจกับคนอื่นเกินร้อย
ทุกวันนี้กลายเป็นหวาดระแวงไปหมด ทุกข์จนเหลือขนาด
ผมลองหยิบบทความของท่าน ว.วชิรเมธี มาลองเธอได้อ่านดูว่าหากเธอยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ ก็ไม่ต่างจากการเอาลูกศรแห่งความทุกข์มาปักตนเอง
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "คนทุกคน มีโอกาสที่ลูกศรแห่งความทุกข์จะพุ่งมาเสียบใจอยู่แล้ว แต่ถ้ามีปัญญา เมื่อไรก็ตามที่ลูกศรแห่งความทุกข์พุ่งเข้ามาเสียบที่ใจ คนมีปัญญาจะรีบถอนลูกศรแห่งความทุกข์นั้นออก แต่คนด้อยปัญญาจะเสาะแสวงหาลูกศรดอกที่สองมาทิ่มเข้าไปอีก"
ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งเราถูกเพื่อนด่า คำด่านั้นคือลูกศรดอกแรกที่ทำให้เราทุกข์ กลับถึงบ้านคิดต่ออีกทั้งคืน แค้นมาก ถูกด่าในเย็นวันเสาร์ เช้าวันจันทร์ยังคิดไม่ตก พยายามจะเอาคืน จะแก้แค้นให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ด่าเราเขาไม่ได้คิดอะไรแล้ว แต่เรายังคิดต่อ ยังปรุงแต่งต่อ ทุกข์แทบล้มประดาตาย นี่เรียกว่าเอาลูกศรดอกที่สองมาทิ่มตัวเอง
ลูกศิษย์อาตมภาพที่เป็นดารา บางทีถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นข่าว กลับถึงบ้านต้องรีบเปิดดูข่าวในอินเทอร์เน็ตว่ามีคนเข้ามาด่าตัวเองกี่คน ดูเสร็จก็ทุกข์หนักแสนสาหัส พวกเราคนไทยชอบเสพเรื่องแย่ ๆ ของคนอื่น ดาราคนที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์นั้นทุกข์หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว เมื่อกลับถึงบ้านแทนที่จะพักผ่อนก็ต้องรีบคลิกดูข่าวในอินเทอร์เน็ตก่อน พบว่ามีคนรุมด่าเป็นแสนราย ก็ทุกข์อีก เสมือนว่ามีลูกศรนับแสนดอกที่แสวงหามาปักอก ปักจิต ปักใจตัวเอง นี่ก็เพราะไม่เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนโรคให้เป็นโรคนั่นเอง
ถ้าเราไม่เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนโรคให้เป็นโชค โรคจะกลายเป็นวิโยค จะพรากความสุขในชีวิตของเราให้ห่างหายไปทีละเรื่อง แล้วนำความโศกเศร้าเข้าสู่หัวใจของเราทีละน้อย ในที่สุด ชีวิตของเราก็จะเต็มไปด้วยความทุกข์ พื้นที่แห่งความสุขถูกกลืนหายไป ฉะนั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนฉลาด เมื่อไรก็ตามที่ลูกศรแห่งความทุกข์พุ่งมาปักอกเรา ให้รีบดึงออกทันที อย่าไปแสวงหาลูกที่สองมาปักเพิ่มเข้าไปอีก
ด้วยเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมว่าด้วยเรื่องที่มนุษย์ทุกคนมีโอกาสที่จะถูกลูกศรแห่งความทุกข์พุ่งมาปักอก และทรงสอนวิธีถอนลูกศรนั้นอยู่ตลอดเวลา พระองค์จึงได้รับการเฉลิมพระนามว่าเป็น "ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดลูกศร คือ ความทุกข์ให้มวลมนุษยชาติ" ภาษาบาลีใช้คำว่า "สัพพะโลกะติกิจฉะโก" แปลว่า พระผู้ถอนลูกศรแห่งความทุกข์ให้กับชาวโลก พระพุทธเจ้าจึงทรงเป็นศัลยแพทย์ เป็นหมอใหญ่ พระทุกรูปชาวพุทธทุกคน ก็เป็นหมอผู้ช่วยของพระพุทธเจ้า มีหน้าที่ช่วยกันถอดถอนลูกศรแห่งทุกข์ออกจากจิตใจของมนุษยชาติทั้งหลาย
การเปลี่ยนวิธีคิดจึงเป็นหนทางแห่งความทุกข์ที่แท้จริงที่จะทำให้ความทุกข์ได้เบาบางและหมดลงในที่สุด
ขอให้เชื่อเรื่องกรรมว่า ผู้ใดก่อกรรมใดไว้ ผู้นั้นย่อมต้องได้รับผลกรรมสนองเสมอ ไม่มีใครหลุดพ้นไปได้
เพื่อนน้องคนนี้ไม่ซื่อสัตย์กับเพื่อนที่หวังดีกับเขา เขาก็ต้องไปแสวงหาคนที่จะมาตอบสนองเขาไปเรื่อย ๆ เขาย่อมมีทุกข์เป็นที่ตั้งอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องไปเคียดแค้นอะไรเลย ขอให้ปล่อยวาง ปล่อยผ่านความรู้สึกแค้นไปให้ได้
มิฉะนั้น เราอาจจะไม่สามารถอยู่ทำความดีต่อในโลกนี้ต่อไปได้ เพราะเราจะตายด้วยโรคร้ายไปเสียก่อน
ความทุกข์ ความแค้น ความเกลียดชัง จะคอยบั่นทอนจิตใจของเจ้าของความคิดได้ผลชะงักนัก
ความตายอย่างทุกข์ทรมานจึงเป็นขั้นตอนของทุกข์ขั้นต่อไป
น้องผมคนนี้เป็นคนเข้าใจโลกที่ค่อนข้างยาก คิดสิ่งใดมักจะสุดโต่งเกินไป
ทางสายกลางไม่ค่อยชอบเดิน ชอบเดินแบบตึง ๆ ตึงนักมันจะขาดเร็ว
ผมได้ใช้ประสบการณ์การวางเฉย เล่าเรื่องราวด้วยเหตุผลและนำบทความตอนนี้มาให้เธออ่าน
ทำได้แค่บรรเทาจนว่าจะสามารถปรับความคิดได้ด้วยตัวของเธอเอง
ถ้าเธอไม่ทำ ลูกศรแห่งความทุกข์ก็จะอยู่กับตลอดไปจนเธอสิ้นลมหายใจ
และไม่มีใครจะมาถอนลูกศรแห่งความทุกข์นี้ได้ นอกจากตัวของเธอเอง
ผมเพียงได้ทำหน้าที่ของพี่และผู้เป็นกัลยาณมิตรของเธอได้ดีที่สุดแล้ว
ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเธอเอง
บุญรักษา..นะน้อง ;)
หนังสือดี ๆ
ว.วชิรเมธี. เปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชค เปลี่ยนโรคให้เป็นครู.
กรุงเทพฯ: ปราณ พับลิชชิ่ง, 2552.
ขอบพระคุณมากครับพี่ Was ได้ประโยชน์จริงๆ
เรื่องเล่า และเรื่องปลอบประโลมวันนี้ดีจริง เหมือนเพลงก้อนหินก้อนนั้นยังไงอย่างงั้นเลยเนาะ อิอิ
ถอนออกนี้ไม่เท่าไหร่ครับ ผมนึกเล่นๆว่า ถ้าคนไหนซาดิสม์หน่อยนี้เกิดดึงทะลุออกด้านหลัง คงใจเด็ดดีนะครับ :)
ลูกศรแห่งความทุกข์ที่ว่านี้..มักมาหาไม่บอกไม่กล่าวซะด้วย
หากมาแล้วไม่รู้จะมาเบิ้ลรึเปล่า...เราต้องหลบให้ได้
โยนิสโสมนสิการค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
บางเรื่องต้องรอเวลา...ยาว
บางคราว...แป๊บเดียว...คลิก..ได้เลย
เพียง "ตัวรู้" อยู่กับเราตลอด...ก็ดีสิคะ
เนี่ยอะไร...บทจะหนีหาย ไม่บอกไม่กล่าว
ตอนนี้แหละ....อันตราย
เป็นข้อเขียนที่กระแทกใจให้ระลึกถึง...รู้ตัวได้
อาจารย์เยี่ยมมากเลยค่ะ
ธิรัมภา
สวัสดีครับอาจารย์
ขอบคุณที่นำหลักธรรมนำชีวิต ให้ได้คิดและได้ทำครับ
"ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง"
(เนื้อเพลงก้อนหินก้อนนั้นค่ะ)
ขอบคุณบันทึกที่ทำให้เข้าใกล้คำว่า "ความสุข"ค่ะ
ตามมาอ่านเรื่องท่าน ว วชิรเมธีก่อนนะครับ
สวัสดีค่ะท่าน อ. Wasawat Deemarn
ช่วงนี้ชวนชม ออกดอกบานสะพรั่ง ...สวยงามมาก เก็บภาพมาฝากค่ะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกดี ๆ นะค่ะ ตอนนี้ก็ตกในสภาวะเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อมีทุกข์ถึงแม้จะอ่านหนังสือให้กำัลังใจตัวเองหรือแม้แต่เสียงปลอบใจจากใคร ๆ รอบข้าง มันยากมากที่ดึงลูกศรออกจากใจได้ ยอมรับว่ามันยากจริง ๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานไหม ถ้าเราไม่ต้องกันอีกมันก็คงจะเร็ว แต่นี่ต้องเจอหน้ากันทุกวัน เมื่อตอกย้ำความรู้สึกตัวเองทุกวัน บางครั้งก็กลับมานั่งถามตัวเองเสมอว่าเหนื่อยพอหรือยัง ทำร้ายตัวเองพอหรือยัง จนวันนี้ยังหาคำตอบให้ตัวเองยังไม่ได้
บันทึกนี้ใช้ได้ทีเดียวเลยค่ะ....
สวัสดีค่ะ พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn
มารับธรรมะค่ะ.. ชอบมาก.. ให้ข้อคิดที่ดีมากๆ ขอบคุณค่ะ.. มีความสุขมากๆ เสมอนะคะ..
ขอบคุณครับ น้องเดย์ adayday ;)...
ลูกศรแห่งความทุกข์ทะลุข้างหลังนี่ ... ท่าจะทุกข์ทะลุใจแล้วล่ะครับนั่น 55
ขอบคุณครับ คุณ มาตายี ;)
หากมาเบิ้ล แล้วเรายังคิดเบิ้ลเองอีก
รับรองว่า ทุกข์แสนสาหัสแบบถอนไม่ออกเลยครับ ;)
ขอบคุณมากครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา ;)
มี "สติรู้" คือสำคัญที่สุดจริง ๆ ด้วยครับ
ยินดีและขอบคุณครับ ท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า ;)
ได้ธรรมและได้ทำ นะครับ
ขอบคุณสำหรับเสียงเพลง "ก้อนหินก้อนนั้น" ของโรสครับ คุณ hanako ;)
ผมก็ชอบเพลงนี้ครับ
ขอให้มีความสุขนะครับ ;)
ขอบคุณท่านอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ที่แวะมาอ่านธรรมของท่าน ว. ก่อน ;)
ขอบคุณครับ คุณพยาบาล สีตะวัน ;)
หนังสือธรรมอยู่ใกล้ตัว ใกล้ใจ เสมอครับ
ชวนชมที่บ้านก็กำลังบานเหมือนกันครับ ;)
บันทึกนี้คงไม่ได้ใช้ไปซื้อกาแฟนะครับ คุณบรรณารักษ์ สิริพร ทิวะสิงห์ tuk-a-toon ;)
ขอบคุณครับ ;)
ขอบคุณครับ น้อง นีนานันท์ ;)...
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับน้องอาจารย์ พิชชา ครับ ;)
หลายครั้งหลายคนที่เจ็บแล้วไม่ค่อยจำ
และหลายครั้งไม่ว่าจะคิดว่าตนเองเก่งกาจแค่ไหน
อัตตามาเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำให้ความทุกข์จะคลายลงได้
เปิดตำราก็เท่านั้น ไม่ฝึกฝนตนเองให้ได้ ก็เหนื่อยหนัก
แปลกแต่จริง เรียนเรื่องนี้มา แต่ไม่เคยทำได้ ;)
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ ถูกต้องมากครับอาจารย์
คิดถึงและเป็นห่วงน้องคนนั้นอ่ะค่ะ
จึงบอกว่า ให้หนังสือธรรมะอ่านบ่อย ๆ ตาเธอจะได้สว่างขึ้น หรือไม่ก็ มอบหนังสือ Secret ที่อาจารย์เคยแนะนำให้คนอื่น ๆ อ่าน ให้เธอได้อ่านบ้าง ...ฮา
อยากคุยด้วยบ้าง แค่นั้นเองอ๊ะ... (เฮ้อ..ยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกแล้วเรา)..อิ อิ
ขอให้มีความสุขทุกวันจ้า...*_*
คิดว่าถ้าเธอเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ก็จะเข้าใจชีวิตมากขึ้นนะคะ
คนแบบนั้น..ไม่ควรค่าจะมาเก็บเป็นอารมณ์
และคนแบบนั้น..มีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย
ใครๆก็เคยเจอ...ครู ป.1 ก็เจอ!!!
"ลูกศรแห่งความทุกข์" ดึงออกได้ด้วยความอดทน สติ และปัญญา
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
ขอบคุณครับ ท่าน เบดูอิน ;)
สวัสดีครับ คุณพยาบาล สีตะวัน ;)
น้องคนนั้นของผมเนี่ย ... เป็นคนที่ระงับอารมณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ค่อยได้ครับ
ตรงไปตรงมาเกินไป จนหลายครั้งไม่ได้เป็นผลดีกับตัวเขาเองเลย
นาน ๆ จะเจอคนแบบนี้สักทีครับ
น่าเสียดายที่วิชาการเก่งมาก แต่การจัดการจิตใจของตัวเองยังไม่ดี
Secret เขาชอบมายืมอ่านของผมประจำครับ ถ้าผมเอาไปที่ทำงาน
ประมาณว่า ไ่ม่ยอมเสียตังค์ซื้ออ่ะ 55
ขอบคุณนะครับ ;)
ขอบคุณครับ คุณ ครู ป.1 ;)
เป็นธรรมชาติของจิตมีทุกข์-สุขปนเปกันไปค่ะ
"ความทุกข์ ทุกอย่างเป็น แค่ภาพลวงตา ให้ใช้
ความรู้สึกตัดสิน อย่าตัดสินด้วยการมองเห็น แล้วท่านจะมี
ความสุข ทุกที่ ทุกเวลา " มา ลปรร.และด้วยความสุดคะนึงค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ คุณครู noktalay ;)
ขอบคุณครับ พี่ นงนาท สนธิสุวรรณ ;)
เหมือนการเอาชนะใจตัวเองใช่ไหมครับ ^^
เรื่องการคบบัณฑิต หรือกัลยาณมิตรค่ะ
ทุกสิ่งที่เกิดกับตัวเอง ย่อมเป็นการสอนใจตนเองได้ดี และถ้ามีคนดีคอยแนะนำยิ่งดีค่ะ
กัลยาณมิตร หรือ เพื่อนแท้
ไม่ควรหาประโยชน์ต่อกันนะครับ และ ไม่ควรยึดติด
ขอบพระคุณสำหรับบันทึกดีดีครับ
ขอบคุณมากครับ คุณ berger0123 ;)
เห็นเช่นนั้นเหมือนกันครับ ท่าน Phornphon ;)
ขอบคุณครับ
ผ่านผันกาลเวลา อะไรๆก็ไม่แน่นอน รักกันไว้ก่อนดีกว่า
มองดีๆ กันเนาะ ลูกศรที่สะท้อนกลับก็คือ ความสุขใจ
...
มาทายแทะให้ยิ้มแยะๆ คลายร้อน อ.เสือไปฉลองพระจันทร์เต็มดวงที่ไหนมาเอ่ยคะ ;)
สวัสดีครับ คุณ poo ;)
พระจ้นทร์หุบ พระจันทร์บาน ผมก็ยังนอนซมอยู่บ้าน
ไข้ขึ้นก่อนส่งเกรด ... สุขภาพไม่แข็งแรงนี่ ไม่สนุกจริง ๆ
ขอบคุณครับ ;)
อ้ะ ท่านเสือใหญ่ ไม่สบายไข้ขึ้นเป็นด้วยนะเจ้า ;)
นานทีปีหน ไม่เป็นหยัง ยังมีแรงดุ บ่นลูกศิษย์หลาย
คงหายแล้วนะคะ เกรงเด็กๆ เงียบเหงาไม่ได้ยินเสียง;)
ปล. น้องกล้องฯ ออกจากโรงบริบาลหรือยังเอ่ยคะ
ชมรมมวลเมฆ ยังขาดภาพ ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบแน่ะค่ะ ;)
จาก "ไม่สบาย" กลับกลาย "เป็นหวัด" ต่อครับ คุณ poo ;)
ช่วงนี้โรคดื้อยามากขึ้น ...
ออกเกรดยังมิเสร็จสิ้นเลย จะเปิดภาคเรียนฤดูร้อนอีกแย้ว เหอ เหอ
กล้อง ก็ 2 - 3 นาที ดี 4 - 5 นาทีเจ๊ง ครับ ;)
ขอบคุณท่านอาจารย์ ศน.เอื้องแซะ ครับ ;)...
ขอรับฟัง ก่อน ออกความเห็นส่วนตัวครับ
จ้ะเอ๋ อ.วัต หายจากหวัดยังคะ ... สุข ทุกข์ เราเลือกได้ ... อยากชมภาพหิมะที่เกาหลีด้วยจัง ;)
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านบันทึกที่ให้ข้อคิดดีๆ ค่ะ
ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณครับ น้อง ต้นเฟิร์น ;) ... พิด'โลก อากาศเป็นอย่างไรบ้างครับ
แต่ก่อนแป้งก็ไม่ "ปล่อยวาง" ค่ะ
แต่เดี๋ยวนี้ ผ่านไปซัก 1 ชั่วโมง ก็หายแล้วค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ
ขอบคุณครับ คุณ เบดูอิน ;)
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณมากครับ คุณ ครูคิม ;)...
หากจริตในตนตรงกัน มักจะคบกันได้ยืดยาว (หวังจะเป็นเช่นนั้น)
เปลี่ยนวิธีคิดเพื่อให้รู้สึกดี แต่ก็ยังตอ้งการเวลา(เวลา เพื่อที่จะก้าวไปวันใหม่ๆได้โดยการพึ่งพาตัวเองไม่ตอ้ง
พยายามหากำลังใจจากที่ใด ซึ่งไม่ใข่เรื่องง่ายเลย )
แต่ละคำแต่ละประโยคในบันทึก ยกให้ห้าดาวเลย โดนทุกบันทึก
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ขอบคุณครับที่แวะมาพรวนบันทึกให้
ทำให้ผมกลับมางานเก่า ๆ ด้วยคน ;)...