โปสการ์ดใบสุดท้าย กับ การจากลาที่ต้องมาถึง


วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔

 

ในระหว่างการเดินทางมาทำโครงการพัฒนานักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพครู จากเชียงใหม่ - แม่สะเรียง - แม่ฮ่องสอน นั้นผมได้มีโอกาสพาวิทยากรและทีมงานแวะร้านกาแฟแห่งความฝันของใครหลาย ๆ คน ร้าน Coffee in Love ณ ปาย

นอกเหนือจากความตั้งใจในการพักรถ เชิญวิทยากรและทีมงานชิมกาแฟสด พักผ่อนโดยการวิ่งหามุมถ่ายรูปของเด็ก ๆ ทั้งหลายแล้ว ผมยังได้เห็นโปสการ์ดที่ระลึกจากร้าน Coffee in Love อีกด้วย (ทั้ง ๆ ที่เมื่อคราวมางานแต่งงานของน้องกรรณฯ น้องสาวสุดที่รักของคุณเอก ผมไม่เห็น)

มีโปสการ์ดอยู่ ๓ แบบ ๓ แผ่น ๆ ละ ๑๕ บาท ผมยินดีที่จะเสียเงินในส่วนนี้ด้วยความเต็มใจ เนื่องจากผมเป็นคนสะสมโปสการ์ดสวย ๆ อยู่แล้ว

 

 

 

 

หลังจากผมจ่ายตังค์เสร็จ ก็ลองมานั่งคิดว่า ใครคือคนที่ผมคิดถึงมากที่สุดตอนนี้ และอยากส่งโปสการ์ดไปให้มากที่สุดจากปาย

จินตภาพเห็นหน้าได้ ก็ขอซื้อแสตมป์เพิ่มอีก ๑ ดวง พร้อมนั่งลงที่โต๊ะกาแฟใกล้ ๆ วิทยากรและทีมงาน เพื่อขอใช้เวลาลงมือเขียนถึงใครบางคนที่เป็นที่รักคนนั้น

ผมเลือกโปสการ์ดใบแรก อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของร้านกาแฟแห่งนี้

 

 

ผมลงมือเขียน ...

 

 

จำได้ว่า ที่อยู่ที่ส่งเป็นที่ทำงานของใครคนนั้น ทำให้เนื้อความสั้น ๆ ที่จะเลือกใช้ต้องไม่ทำให้ใครคนนั้นอายเพื่อนร่วมงานมากเกินไป เพราะโปสการ์ดมันไม่มีซองปกปิดข้อความสำคัญ

ผมเขียนว่า ...

 

"ปายหนาวมาก"

"คราวหน้าเรามาที่นี่ด้วยกันไหม?"

 

 

หลังจากนั้นผมก็นำโปสการ์ดแผ่นนี้หย่อนตู้ไปรษณีย์ที่ทางร้านมีบริการไว้ให้

ประมาณการว่า ภายในอาทิตย์ที่ถึงนี้น่าจะถึงจุดหมายปลายทาง พร้อมกับความคิดคำนึงที่เต็มเปี่ยมในหัวใจที่ส่งไปให้ใครคนนั้นได้รับรู้

 

 

 

วันจันทร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔

 

อีก ๑๕ นาที ก่อนชั่วโมงสอนตอนบ่ายสามโมง ผมได้รับโทรศัพท์จากใครคนนั้น เธอบอกผมว่ามีเรื่องสำคัญที่จะคุยด้วยตั้งแต่ก่อนผมเดินทางไปแม่ฮ๋องสอนในทริปที่ผ่านมานี้แล้ว แต่ผมก็ยังไม่อยากคุย (เพราะผมเชื่อในลางสังหรณ์บางอย่างว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ผมปรารถนาจะได้ยินนัก) ผมเลือกที่จะให้งานสำคัญนี้ผ่านไปอย่างลุล่วงก่อน

 

คำสำคัญที่ผมได้รับ คือ

 

"เขาไม่สามารถดูแลไอ้หมาจิ้มได้อีกแล้ว เพราะเขาต้องไปดูแลคนอื่น"

 

 

ผมคงไม่ต้องขยายความใช่ไหมครับ ... ๗ ปีที่ผ่านมาคงไม่มีความหมายอะไร

สำหรับผม ... "คนอื่น" ไม่เคยมี แต่เขากลับสามารถมี "คนอื่น" ได้

คนที่เรารักที่สุด คือ คนที่ทำร้ายเราได้อย่างรุนแรงที่สุด เพราะเราคาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่เราเจอกันทุกวัน

จริง ๆ สัญญาณหลายอย่างเกิดขึ้นหลายครั้ง และผมก็คิดว่า ตัวเองก็รู้ดี แต่พยายามประคับประคองให้ดีที่สุดมาตลอด แต่ในที่สุด ก็ยังเป็นความล้มเหลวอีกครั้งหนึ่งในชีวิต

 

โปสการ์ดแผ่นนั้นยังคงส่งไปไม่ถึงผู้รับ ...

มันเป็นเรื่องตลกร้ายที่เกิดขึ้น ...

 

แล้วเชื่อไหมครับว่า ก่อนเริ่มตัดสินใจเขียนโปสการ์ดแผ่นนั้น ผมเองก็รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า นี่คือ โปสการ์ดใบสุดท้ายที่จะส่งให้ใครคนนั้น แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะเขียนและส่งไป โดยคิดอยู่ในใจว่า ขออย่าให้สิ่งที่คิดมันเกิดขึ้นเลย

ผมได้พยายามทำดีที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิตแล้ว แต่ยังไงก็ไม่ประสบความสำเร็จ

๗ ปีที่ผ่านมา ผมถือศีล ๕ อย่างบริบูรณ์มาก โดยเฉพาะศีลข้อ ๓ ผมไม่ขยายความ คุณคงเข้าใจในความหมายนี้

 

สัจธรรมอยู่ข้อหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้มานับสิบปี ...

"เราไม่สามารถไปบังคับใจใครให้มารักเราได้ นอกจากตัวเขาเอง"

 

ไม่ว่าเราจะล่ามโซ่เขา ขังเขาไว้ แต่ใจเขา เราก็ไม่สามารถห้ามได้

 

ความซื่อสัตย์และความมั่นคงของผมไม่ได้มีผลอะไรต่อการตัดสินใจดังกล่าว ผมคงทำได้เพียงแต่บอกว่า "ขอให้มีความสุขในการตัดสินใจในครั้งนี้"

ผมคงทำได้แค่นั้น ไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้ฟูมฟาย เพราะผมคิดว่า ตัวเองคิดอยู่แล้วว่า เรื่องนี้กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง สัญญาณมีมากมาย หลายอย่างไม่สมเหตุสมผลในข้อกล่าวอ้างที่มาจากปากมากนัก มีแต่คำอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

การทำความดี เรารู้ของเราอยู่ในใจอยู่แล้ว ถึงแม้ผลที่ออกมาจะไม่เป็นอย่างที่เราปรารถนาจากใจลึก ๆ ก็ตาม แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เราต่างก็รู้ดีในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ต้องไปบอกว่า ใครผิด หรือ ใครถูก หัวใจของเราตอบได้อยู่อย่างไม่เฉไฉอยู่แล้ว

ผมเชื่อมั่นว่า ที่ผ่านมา ผมทำดีที่สุดแล้ว ... แต่ใครจะไปบังคับธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้

 

 

หลังจากวางสายแล้ว ผมเลือกเดินไปบอกเพื่อนสนิทผมสั้น ๆ ว่า "ฉันอกหักแล้วล่ะ"

เพื่อนก็อยากให้ผมร้องไห้ออกมา แต่ผมบอกว่า ผมคิดว่า ผมร้องไปแล้วล่ะ ผมแค่ผิดหวังเท่านั้น

เมื่อคำตอบออกมาเช่นนี้ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์สิ่งที่ผ่านมาได้เกือบทั้งหมด มันเหมือนคีย์เวิร์ดสำคัญที่เราเฝ้ารออยู่

 

ผมเป็นครูไง ยากจังนะครับที่จะสะกดใจขณะที่ต้องขึ้นสอนหนังสือเด็ก ๆ ทำให้ไม่รู้ว่า ครูของเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่บ้าง

 

ตอนเย็นผมเลือกไปเดินร้านหนังสือประจำ ... รู้ไหมว่า ผมเจอใครในร้านหนังสือ

ผมเจอ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี กำลังเลือกเดินดูหนังสืออยู่ภายในร้าน ผมเห็นผ้าเหลืองที่เสมือนมีแสงธรรมออกมาให้ผมได้สัมผัสทางใจ ผมอยากเดินไปเล่าความทุกข์ใจของผมให้ท่านฟัง แต่ก็ไม่กล้ารบกวนท่าน

ผมรู้สึกโชคดีในโชคร้ายที่เกิดขึ้น ผ้าเหลืองทำให้ผมได้คิด ได้สัมผัสถึงความเมตตาที่ท่านมีให้มวลมนุษย์โลก ผมบอกตัวเองว่า "แล้วมันจะผ่านไป ทุกอย่างมีเกิด มีดับ ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอน แม้แต่สิ่งที่เราคิดว่า แน่นอนแล้วก็ตาม มันเป็นสัจธรรม"

 

 

วันนี้ได้หนังสือชื่อ "โคตรรวยสุข" หนังสือที่ชื่อไม่เพราะ แต่อ่านแล้วรู้สึกดีอยู่

 

ผมนอนอ่านอยู่บทหนึ่งแล้วตรงใจจัง เพราะมันตรงความรู้สึก ณ ขณะนี้

 

 

 

ณ ความเจ็บปวดแห่งรัก

 

เมื่อต้นกล้าแห่งรักได้เกิดขึ้นท่ามกลางความรู้สึกดี ๆ บ่มเพาะจนถึงสภาวะที่เหมาะสม เราและเขาเกิดความผูกพันที่ลึกซึ้งมากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ เป็นพลังความคิดที่ยิ่งใหญ่ในดวงใจของเราทั้งสอง จนเรามั่นใจได้ว่านี่ละคือ รักแท้

 

ความรู้สึกของสัมผัสแรก มันอบอุ่นในความทรงจำแทบมิเคยจางหาย จนเราเองก็บอกไม่ถูก มันทำให้ใจเราเต้น โลกนี้ช่างสวยงาม วันคืนเต็มไปด้วยไออุ่น ดวงใจก่อนเกิดเป็น รักแท้ ... ด้วยสัญญารักร่วมกัน

แต่แล้ววันหนึ่ง... สัญญารักที่เคยมีต่อกัน กลับไร้ซึ่งความหมายอีกต่อไป... เมื่อมันถูกฉีกทิ้งด้วยเหตุผลของใครบางคน... นี่เป็นสัจจะแห่งชีวิตสำหรับ รักแท้ ในคืนหลอกลวง

 

ถึงแม้จะอ้อนวอนให้เขากลับคืนมาเป็นดังเดิม พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาเป็นคนเดิมที่เราเคยรู้จัก บอกเตือนความจำของวันวานที่มีกันและกัน แต่มันก็เท่านั้น

ถึงจะพยายามสักเท่าใด ก็ไร้วี่แววของความเป็นไปได้ที่จะบังคับใจคนอื่น เพราะมันคือธรรมชาติ กติกากำหนดเกมส์ได้ แต่กำหนดใจคนที่เล่นเกมไม่ได้ สัมผัสแรกกับสัมผัสสุดท้ายนั้นเหมือนกัน แต่ช่างแตกต่างกันในความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ทุกอย่างเปลี่ยนไป เหลือทิ้งไว้เพียงความหวัง และเศษเสี้ยวของคำว่า รักแท้ ที่คอยทิ่มแทงใจ

 

วันเวลาแห่งความเศร้าเริ่มปรากฎ โลกดูคล้ายว่างเปล่า ถนนสายเดิมที่เปลี่ยวเหงา แสงไฟที่หม่นเศร้าสาดส่องภาพแห่งความทรงจำในอดีต ความเหน็บหนาวเมื่อต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง เพลงที่เคยฟังด้วยกัน หนังที่เคยดูด้วยกัน ร้านที่เคยไปด้วยกัน ดูช่างเต็มไปด้วยอดีตที่ลืมยาก เหมือนมันซ่อนตัวอยู่ในเบื้องลึกของหัวใจ...

โลกใบนี้ช่างจืดชืดขาดความหมายเช่นที่เคยเป็นมาก่อน ขาดใครบางคนเหมือนเราจะอยู่คนเดียวไม่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็ได้เรียนรู้ความจริงว่า เราอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง เหมือนแต่ก่อนนี้ที่ยังไม่มีใคร... เดินผ่านเข้ามาในชีวิต

 

หากเชื่ออย่างที่ พระพุทธเจ้า สอนว่า เราเป็นพระเจ้าของชีวิต (ด้วยการทำดีและทำชั่ว) ชีวิตเป็นของเรา เราเป็นผู้กำหนด เราเป็นผู้บงการ เราเป็นผู้ปรุงแต่งกรรม ไม่มีใครนอกจากตัวเราเอง เพราะเราเป็นที่พึ่งของเรา

รักแท้ที่เราคาดหวังกับคนอื่น หากกลายเป็นรักเทียมตามสามัญลักษณะแห่งความจริง เราก็จงเข้าใจเถิดว่า รักแท้ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ และด้วยการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอนี่เอง คำว่า "รัก" จึงไม่เคยตาย หรือสูญเสียพลังดึงดูดใจจากผู้คนในทุกยุคทุกสมัย

 

รักแท้ รักเทียมก็คือ ธรรมชาติแห่งรัก อย่าคาดหวังอะไรกับความเปลี่ยนแปลง อยู่ในการเรียนรู้อารมณ์ปัจจุบัน แล้วทำมันให้ดี ขนาดเราเองเรายังเปลี่ยนแปลงได้ คนอื่นก็คงไม่แตกต่างกัน สิ่งที่เราทำได้มีเพียงปรุงแต่งเหตุให้ดี หากเราทำปัจจุบันให้ดี ก็ได้แต่คาดหวังว่าอนาคตก็คงจะดีเอง

หรือแม้นหากอนาคตยังไม่ดีพอ ก็บอกกับตนเองว่า เหตุปัจจุบันที่เราทำ มันยังไม่มีพลังมากพอที่จะส่งผลตามที่ใจหวัง ควรเพิ่มความพยายามในการสร้างเหตุปัจจุบันให้มากขึ้นเท่านั้นเอง

 

ธรรมชาติของความรัก คือ การเปลี่ยนแปลง มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ และมีจากลา ท้ายที่สุดของการจากลา ก็เพื่อเปิดโอกาสให้เราได้มีเวลาพบกันใหม่ในวันข้างหน้าต่อไป

ความรักที่เกิดจากการคาดหวัง และเรียกร้อง จะพลอยทำให้เรามีความทุกข์ แต่ถ้าเรารักโดยไม่คาดหวัง และคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจะเข้าใจคำว่า รักแท้ มากขึ้นกว่าเดิม สิ่งนี้ไม่ใช่การมองโลกในแง่ร้าย แต่เรามองตามความเป็นจริงของธรรมชาติ ธรรมชาติทำให้เปลี่ยนแปลง

 

แล้วเราจะฝืนธรรมชาติไปทำไม ? เมื่อเราได้เข้าใจแล้วว่า ในความรักนั้นมีธรรมชาติแห่งการจากลาอยู่ด้วย

 

 

..............................................................................................................

 

หลายคำ หลายประโยค อธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้เป็นอย่างดี มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

ความเจ็บปวด ความเสียดาย ความผิดหวัง ความไม่เข้าใจ ฯลฯ

หลายสิ่ง หลายอย่างวิ่งอยู่ในหัวสมอง แต่สิ่งที่เราโตขึ้นมากกว่าตอนเด็ก ๆ ก็คือ การขบคิดทุกปัญหาอย่างมีเหตุผล การคิดเหตุที่เกิดขึ้น และผลที่เกิดขึ้น เป็นไปตามนั้นจริง

พาลไปคิดถึง "กรรม" ... กรรม คือ ผลของการกระทำ การทำสิ่งใดโดยขาดศีล ขาดธรรม ขาดความละอายต่อบาปนั้น อย่างไรก็หาความสุขแท้นั้นยากเต็มที

ผมขออโหสิกรรมที่เกิดขึ้น และหวังถึงความสุขจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง

 

เพื่อนผมบอกว่า เขามาเกื้อกูลเราเสร็จแล้ว เมื่อถึงเวลา เขาก็ไปตามเส้นทางของเขา ไปในทางที่กรรมเขามี เราทำดีแค่ไหน เขาก็คงไม่เห็นคุณค่า ซึ่งเราต้องขอบคุณเขาที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลเรามาในหลายปีที่ผ่านมา ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา แล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องไป เราก็ต้องยินดีให้เขาได้ไปตามใจปรารถนา

 

ขอบคุณเพื่อนมากที่ให้ข้อคิดและแง่คิดต่อเรา

เราขอให้เวลารักษาเราไปเรื่อย ๆ แล้วกันนะ

เราจะพยายามทำความดีเช่นที่เราเคยปฏิบัติมา

 

"ความรักของเรา คือ การให้อภัย"

 

ทำยากนะ แต่ก็จะทำ

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)

 

 

 

 

 

ขอบคุณหนังสือดี ๆ

นักรบ พิมพ์ขาว.  โคตรรวยสุข.  นนทบุรี : ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์, ๒๕๕๓.

 

หมายเลขบันทึก: 423599เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2011 01:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (42)

อ่านแล้วจะสามารถมองเห็น

ความสุขในความเจ็บปวด เก็บความรู้สึกดีดีที่เคยมีต่อกันไว้นะคะ

 

อย่างน้อย ก็เคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและเก็บเธอไว้เป็นเพื่อนต่อไป

เธอ...คงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำเช่นนั้น

เธอ...ก็อาจรู้สึกไม่ต่างกับเรา

เวลา...จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

ส่วนที่เหลือ คือ ความทรงจำที่ดีต่อกันตลอดไปค่ะ

หลายคนก็ต้องเคยผ่าน..เหตุการณ์แบบนี้ในช่วงชีวิตหนึ่ง

อย่างน้อย..ช่วงเวลาหนึ่งเราก็เคยมีคนที่เรารัก

คิดดีมากค่ะ  ความรัก คือ การให้อภัย

ขอบคุณที่ยังมีหัวใจมอบให้ศิษย์รัก..

ใจเขาเป็นของเขา ใจเราเป็นของเรา  พี่ๆยังมีกำลังใจให้เสมอนะคะ

..ไม่เห็นทุกข์ ไม่รู้จักทุกข์..

ไม่ทราบว่าครูบาอาจารย์ท่านใดสอนไว้หรือเปล่า

หรือดิฉันคิดขึ้นเอง..

ที่แน่ๆ ท่านสอนว่า "ทุกข์มีไว้ให้เห็น ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้เป็น"

..

ขอให้ธรรมรักษาใจคุณ ให้เห็นทุกข์และไม่เป็นทุกข์

บางทีการระลึกถึงคุณพ่อคุณแม่คงช่วยได้กระมัง

หรือถ้าท่านยังอยู่ไปกราบท่าน..

ดิฉันเป็นแม่คนแล้ว เปรียบเทียบได้ชัดเลยว่า

ความรักของแม่บริสุทธิ์  เหนือรักใดๆจริงแท้แน่นอน

 

 

สวัสดีค่ะคุณครู..^_^

         หรือจะเป็นเรื่องบังเอิญ...หรือพรมลิขิต...

         เข้าใจ...แล้วค่ะ...สู้ๆกันนะคะ...เราก็ยังอยู่ได้...

         โปสการ์ดสวยทุกใบค่ะ...เก็บเป็นความทรงจำดีๆที่มีให้กัน...

         "ความรัก   คือ การให้อภัย"  ยากจัง...แต่จะพยายาม...:(

ขอบคุณมากครับ พี่ แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช  ...

ผมจะใช้เวลาให้ดีที่สุดครับ

ขอบคุณมากครับ คุณ ครู ป.1 ;)...

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กันเสมอครับ

ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์ กุลมาตา ;)

"ทุกข์มีไว้ให้เห็น ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้เป็น"

ขอบคุณมากครับ น้องคุณครู เทียนน้อย ;)...

ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ใจ ;)

สวัสดีครับ...

ไม่รู้จะเขียนข้อเสนอเเนะอะไรครับ....> เเค่อ่านอักษรเเต่ละช่องไฟก็รับรู้ถึงความรู้สึก เพียงเเต่ขอให้กำลังใจนะครับ

มันไม่ง่าย เเละมันไม่ยาก สำหรับการผ่านไปเเต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้

เเต่ผมคิดว่าเมื่อผ่านไปได้...เราจะเข้มเเข็งมากขึ้นครับ

ขอบคุณมากครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร กัลยาณมิตรที่ดีที่สุดของผมคนหนึ่ง ;)...

ผมคิดว่า ตนเองทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วครับ

เมื่อเวลาที่สิ้นสุดลงเดินทางมาถึง..การรับมันให้ได้ กลายเป็นเรื่องที่ต้องพยายามมากที่สุด

เมื่อความมึนงงของผมผ่านไป ผมคงจะเข้มแข็งมากกว่า

ไม่ยึดมั่นถือมั่นมากกว่านี้ เพราะผมรั้งใครไว้ไม่ได้แต่แม้คนเดียว มันเป็นสัจธรรม

ขอบคุณมากครับ ;)

สวัสดีค่ะคุณWasawat

  • อ่านแล้วอยากร้องไห้ค่ะ
  • ครั้งหนึ่งเคยมีคนเขียนจดหมายแบบนี้ให้คุณยาย แต่ตอนนั้นคุณยายไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้ว่าเค๊าเจ็บปวดแค่ไหน เพราะคุณยายไม่ได้รักเค๊า และไม่เคยบอกรัก ไม่เคยให้ความหวังอะไรเลย ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันทั้งสองครอบครัวค่ะ เค๊าได้เล่าเรื่องราวของคุณยายให้ภรรยาฟังและนำมาแนะนำให้รู้จักกับคุณยายด้วยค่ะ จากนั้นภรรยาพี่เค๊าก็มาเยี่ยมคุณยายบ่อยๆ เธอเป็นคนน่ารักมากๆค่ะ

ขอบคุณมากครับ คุณยาย ;)...

เรื่องราวที่มาสิ่งอยู่ข้างใน...ไม่รู้จะอธิบายอะไรต่อ

ขอบคุณเรื่องเล่าของ คุณยาย ด้วยนะครับ ;)

คำปลอบโยนใดๆไม่ได้ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น 

 เท่ากับใจของเราที่ ล้างด้วยน้ำตาของตัวเอง

ไม่มีใครเช็ดน้ำตาให้เรา....ได้นอกจากตัวเราเอง

.....มีรอยยิ้ม  อ้อมกอดผู้คนมากมาย  ที่ช่วยให้คลายความเศร้า

 แต่...ไม่ได้ทำให้ลืม เรื่องราว....

 ขอให้ภาพความทรงจำเลวร้าย.....จางหายไปกับกาลเวลานะค่ะ

ขอบคุณมากครับ คุณ ครูเอ ;)...

เวลาที่ใช้ไม่รู้จะนานแค่ไหน ...

หัวใจก็เป็นก้อนเนื้อซะด้วย ...

แต่จะพยายามนะครับ ;)

ขอเลียนภาษาเด็กและภาษาหนังสือว่า "ชอบโคตรๆ"

เรื่องจริงมักเหนือกว่านิยายเสมอนะครับ คุณครู ภาทิพ ;)...

ขอบคุณมากครับ ;)...

สวัสดีค่ะ

พี่หนูรีไม่รู้จะเขียนอะไรต่อ...เขียนไม่ออกค่ะ

กินขนมดีกว่าน่ะ พี่หนูรีแบ่งของหลานมาให้ อ.วัตชิ้นหนึ่งน่ะ

 

ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร พี่ หนูรี ;)...

น่าทานมาก ๆ ครับ

ขอบคุณนะครับ

สวัสดีค่ะ

พี่คิมมาช้าไปไหมคะ  อ่านแล้วอยากร้องไห้ค่ะ  แต่ไม่ทราบจะแสดงควงามคิดเห็นอย่างไร  หากอยู่ใกล้ ๆ กันแค่ไปมาได้ง่าย ๆ ก็จะชวนเอกมาเยี่ยมค่ะ

พี่คิมขอบอกว่าเห็นใจและขอเป็นกำลังใจนะคะ  คิดว่าคนส่วนใหญ่พบกับความอกหักมามากต่อมาก  พี่คิมก็เคยในอดีตตอนวัยเท่าอาจารย์นี่แหละ

เข้มแข็งนะคะ

ขอบคุณมากครับ พี่ คิม นพวรรณ ครับ ...

หากเรื่องเล่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นก็คงจะดี

แต่โชคไม่ดีที่เป็นเรื่องจริง

คิดว่า ทำดีที่สุดแล้วนะครับ คนเราไม่เหมือนกัน

เมื่อรักและศรัทธาหมดลง ทุกอย่างจึงจำเป็นต้องสิ้นสุดตาม

ผมยังพอสบายดีอยู่ครับ พี่ คิม นพวรรณ ;)...

วันนี้"เรา"ไม่ดีพอสำหรับเธอคนนั้น 

สักวันคงจะมีคนที่ดีพอสำหรับเรา

        รอหน่อยนะ...

   

                     ไม่ได้ตอกย้ำ  แต่ให้กำลังใจค่ะ

พี่นก NU 11  ครับ ...

ขอบคุณพี่นกมากครับ ไม่น่าเชื่อว่า กลอนสดที่ตอบพี่ไป กลายเป็นกราฟิกอันมีคุณค่า

สักวันครับพี่ ... ;)

สวัสดีค่ะ

*** แรกๆกว่าจะทำใจได้...ดูจะยากกว่าข้ามสีทันดร

*** แต่เราก็ต้องข้ามให้ได้...ชีวิตเป็นของเรา...ออกแบบชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิม

*** เป็นกำลังใจให้ค่ะอาจารย์

ขอบคุณมากนะครับ คุณครู กิติยา เตชะวรรณวุฒิ ;)...

ระยะเวลาเท่านั้นนะครับ

สวัสดีค่ะ

วันนี้เป็นเรื่องจริง  อีกไม่นานจะเป็นเหมือนความฝันค่ะ

กาลเวลา...รักษาจิตใจค่ะ

สวัสดีค่ะ

แวะมาเรียนรู้กับบันทึกนี้

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้ค่ะ

สวัสดีค่ะอ.เสือ

อ่านแล้วเศร้าแต้ๆ เจ้า พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ว้า เศร้าจังแต่อดอมยิ้มบ่ได้ :)

อิ อิ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าอ.เสือไหวยังมีหัวใจอยู่ ๕ ๕ อกหักส่งท้ายเดือนอ้าย

เพื่อเริ่มต้นส่งดีๆ กับความรักครั้งใหม่ในเดือนนี้ .. สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ ..

ยังคงส่งกำลังใจ แฟนพันธุ์แทะเชื่อมั่นว่า คุณทำได้ เสมอ เช่นเคย ยิ้มสู้ไว้นะคะ

ขอบคุณมากครับ คุณ Poo  ;)...

ความเศร้าเกิดจากความคาดหวังในสิ่งสุดท้าย ปลาย ๆ วัย อิ อิ

พอผิดหวังก็ลำบากหน่อยในการทำใจ

คงต้องใช้เวลารักษาสักหน่อยครับ

เดี๋ยวผมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

  • สวัสดีค่ะ อ.วัต
  • หนูไม่ได้เข้ามาเยี่ยมซะนาน
  • คิดซะว่าเค้าส่งเรามาถึงที่แล้ว
  • เค้าทำหน้าของเค้าที่ให้เราถึงที่แล้ว
  • เราต้องบริหารและจัดการกับชีวิตต่ออะค่ะ

๑ เดือน เหมือน ๑ ปี เลยครับ น้อง berger0123 ;)...

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ ;)...

อ.วัต ค่ะ แล้วตอนนี้สบายดีอะป่าวค่ะ

สบายใจแล้วใช่ไหมค่ะ

อยากเห็นรอยยิ้ม ของ อ.อะค่ะ

ส่งรอยยิ้มให้หนูและเพื่อนๆg2kด้วยค่ะ

สบายดีขึ้นมากแล้วครับ น้อง berger0123 ;)

ขอบคุณที่น้องให้ความห่วงใยนะครับ

ถึงจะเป็นทำธรรมดาของโลก ก็ต้องทำใจหน่อยครับ

อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยค่ะ...ไม่น่าเชื่อว่าใบหน้าที่เปื้อนยิ้มทุกวัน จะมีความเศร้าแฝงอยู่ในรอยยิ้มนั้น และหวังว่าซักวันความเศร้าที่แฝงอยู่มันจะสลายไปกับกาลเวลานะคะ 

ขอบคุณมาก น้องกบ kero-jung ;)...

ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะทำให้เพื่อนร่วมงานต้องมาทุกข์ตามเราไปด้วยไงครับ ;)

สวัสดีค่ะ....อ่านจบแล้วก็นั่งนิ่งไปเสียพักใหญ่ ถามตัวเองว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคนๆ หนึ่งที่เรารู้จัก คงไม่เอ่ยคำว่าเสียใจ แต่จะขอเอ่ยคำว่า...จะเป็นกำลังใจ....ให้น่ะค่ะ พิมพ์ไป ลบไปตั้งหลายครั้งเพราะไม่รู้จะพูดยังไงดี เมื่อพูดไม่ได้พิมพ์ไม่ได้ แต่รู้สึกและรับรู้ได้ สิ่งที่อาจารย์ได้กลั่นกรองและถ่ายทอดออกมาจะเป็นอาหารแห่งความรู้สึกทางใจได้เป็นอย่างดี ขอบคุณด้วยใจที่ปรารถนาดีค่ะ

ขอบคุณมากครับ คุณครู ดินสอสี ;)...

ขอบคุณที่สามารถรับความรู้สึกได้

มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ต้องมีโอกาสประสบเรื่องราวอย่างนี้

"มันเป็นเช่นนั้นเอง" ;)...

เป็นกำลังใจให้ อ.วัส สู้ต่อไปค่ะ 

ความผูกพันที่ผูกกันอยู่หลายปีนั้น คงต้องใช้เวลารักษาตัวเองครับ noomam lek ;)...

ขอบคุณมากครับ

นู๋เข้าใจในความรู้สึกของอาจารย์ค่ะ เพราะนู๋ก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่สักวันหนึ่ง..อาจารย์ก็จะหัวเราะกับตัวเอง และก็จะขอบใจเขา....  สู้ ๆ ค่ะ

ก๊าก ๆ เลยใช่ไหม noomam lek ;)...

ขอบคุณมาก ๆ ครับ ;)...

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท