ไปทัศนศึกษาเยี่ยมชมโรงเรียนสัตยาไสของดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เลยเอามาฝากกันค่ะ
โรงเรียนสัตยาไส 99 หมู่ 2 ต..ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 15130 โทรศัพท์ 036-462334 ต่อ 101 , 128 ชั้นและจำนวนที่รับ 1. ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 30 คน คุณสมบัติของผู้สมัคร 1. นักเรียนทั้งชายและหญิง เป็นนักเรียนประจำ 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม ของทุกปีการศึกษา เอกสารประกอบการรับสมัคร 1. แบบฟอร์มใบสมัครของโรงเรียนสัตยาไส 2. สำเนาทะเบียนบ้าน สูติบัตร และใบเปลี่ยนชื่อ -ชื่อสกุล ของเด็ก พร้อมสำเนาจำนวน 2 ชุด 3. สำเนาบัตรประชาชน -สำเนาทะเบียนบ้านของบิดา มารดา /ผู้ปกครอง จำนวน 2 ชุด 4. สมุดประจำตัวนักเรียนที่แสดงผลการเรียนเดิม ใบแสดงผลการเรียน (ปพ.1) 5. รูปถ่ายขนาด 1 หรือ 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป สถานที่รับสมัคร สมัครได้ที่ ตึกอำนวยการ โรงเรียนสัตยาไส อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี วันรับสมัคร รับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 31 มกราคม ของทุกปีการศึกษา ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุด
หมายเหตุ...ตอนที่ไปเยี่ยมชมนี้รับเฉพาะนักเรียนชั้นป.1 เพราะชั้นอื่นเต็มแต่อย่างไรก็คอยติดตามรายละเอียดได้เป็นระยะๆนะคะ..
กิจกรรมการเรียนการสอน...ในวันที่เยี่ยมชมเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการในช่วงชั้นที่ 1 ดังผังมโนทัศน์ที่แนบมาค่ะ...
โรงเรียนวิถีพุทธของแท้ครับ
อยากไปเยี่ยมสักคราวครับ ยังมิมีโอกาสได้ไปเลย....
เคยอ่านคำสัมภาษณ์ของอาจารย์ดร.อาจอง ท่านบอกว่าเด็ก ๆ ในโรงเรียนรักท่าน
นักเรียนเจอผู้บริหารแล้วไม่วิ่งหนีคงประมาณนี่แหละ
นมัสการพระอาจารย์มหาแลค่ะ
ท่านดร.อาจองท่านใช้วิธีการของความเป็นตัวแทนของพ่อ-แม่ เพราะเด็กนักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนประจำ..ท่านจึงเหมือนตัวแทนของพ่อ-แม่..ให้ความรักความอบอุ่นที่ท่านเรียกว่าสัมผัสรัก..เด็กเล็กท่านจะใช้วิธีการกอด..แต่ที่โยมครูอ้อยเล็กเห็นนั่นคือพอถึงขั้นตอนนี้เป็นการส่งนักเรียนไปทานข้าวเข้าแถวเคารพธงชาติเด็กนักเรียนตัวเล็กๆจะกระตือรือร้นโผเข้ากอดท่านก่อนที่ท่านจะกอดซะอีก..กอดแบบจริงใจด้วยค่ะบางคนกอดแน่นเลย..เด็กโตท่านใช้วิธีลูบหัวพร้อมพูดในสิ่งดีๆให้ฟังค่ะ..
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา - คือ นักคิด-นักวิทยาศาสตร์ ผู้คิดค้นระบบการลงจอดยานอวกาศบนดาวอังคาร ร่วมกับองค์การนาซา เพื่อทำการสำรวจโลกใหม่ของมนุษยชาติ.....และอีกด้านหนึ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ ยังไม่รู้จัก ดร.อาจองฯเท่าที่ควร ก็คือ การเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมาธิภาวนามาเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานประมาณ 30 ปี จนอาจกล่าวประเมินได้ว่า ท่านเข้าถึงธรรมขั้นสูงระดับหนึ่งไปแล้ว ท่านปฏิเสธองค์การนาซาที่เพิ่มเงินเดือนให้อีก 20 เท่า แล้วกลับเมืองไทย เพื่อมาสอนหนังสือเด็กๆในชนบท สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาจากอายุ 6 ขวบ เพื่อให้เป็นอนาคตของประเทศไทยต่อไป ปัจจุบันท่านเป็นผู้บริหารโรงเรียนสัตยาไส ที่อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี พร้อมกับได้รับเชิญไปบรรยายสอนเรื่องการอบรมพัฒนาจิตของเยาวชนไปทั่วโลกขณะ นี้ ชีวิตของท่านเต็มไปด้วยความเสียสละ สมถะ และบำเพ็ยตนเพื่อประโยชน์สุขของมหาชน ประเทศชาติที่น่าสรรเสริญมาก ซึ่งเราขอปรบมือและร่วมอนุโมทนากับท่านด้วยความจริงใจ........
ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา (เกิด 8 ตุลาคม พ.ศ. 2483 ) เป็นวิศวกรชาวไทย ผู้ร่วมออกแบบประดิษฐ์ชิ้นส่วนขาและระบบลงจอดของยานอวกาศให้กับบริษัท Martin Marietta บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งองค์การนาซาของสหรัฐอเมริกาว่าจ้างให้ออกแบบ เพื่อนำไปใช้ในยานอวกาศไวกิ้งส่งไปลงบนดาวอังคาร
อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา มีชื่อเล่นว่า "เอ๊ะ" เกิดที่วชิรพยาบาล เป็นบุตรของหม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย กับเฉลิมขวัญ ชุมสาย ณ อยุธยา มีพี่ชาย คือ สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา และน้องสาว คือ ปาริชาติ ชุมสาย ณ อยุธยา [1] เมื่อแรกเกิด อาจอง มีชื่อว่า องอาจ เป็นนามพระราชทานจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) [1] เมื่อโตขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น อาจอง ศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล จนจบชั้น ป.4 แล้วย้ายไปเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ 6 เดือน แล้วย้ายตามบิดาไปอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ศึกษาที่ Lycée Janson de Sailly จนอายุ 12 ปี ย้ายไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ ที่ Enfield Grammar School และ Haileybury and Imperial Service College อาจอง ศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ที่ Trinity College มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ระหว่างศึกษาที่นี่ เริ่มมีความสนใจในพระพุทธศาสนา และเริ่มฝึกหัดการนั่งสมาธิ อาจองจบปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้า โดยมีผลงานวิจัยเกี่ยวกับคลื่นไมโครเวฟ และศึกษาต่อปริญญาเอกจนจบในปี พ.ศ. 2509 แล้วจึงเดินทางกลับประเทศไทย เป็นอาจารย์สอนที่ภาควิชาิวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนถึง พ.ศ. 2516 จึงลาออกมาทำธุรกิจ ประวัติการศึกษา ปริญญาตรีเกียรตินิยม และปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ปริญญาเอกที่ Imperial College of Science and Technology London University ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน คระครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประวัติการทำงาน อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญโครงการจรวดเพื่อใช้ในกิจการฝนเทียม สภาวิจัยแห่งชาติ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดโรงเรียนสัตยาไส งานด้านการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร 3 สมัย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองประธารกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร ผลงาน ได้รับรางวัลทางวิทยาศาสตร์จากนายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษ ร่วมโครงการอวกาศไวกิ้ง ขององค์การนาซ่า ประเทศอเมริกาการออกแบบและสร้างอุปกรณ์ควบคุมการร่อนลงของยานอวกาศไวกิ้ง 2 ลำลงสู่พื้นดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น สาขาสิ่งประดิษฐ์ที่เป็ฯประโยชน์ต่อประเทศชาติ เมื่อ พ.ศ. 2527 ครูผู้สอนโรงเรียนวิถีพุทธดีเด่น ประจำปี 2547 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นักปราชญ์ภูมิปัญญาไทย จากมหาวิทยาลัยนเรศวร วันที่ 13 พฤษภาคม 2548
อาจารย์จีรัฐกาล พงศ์ภคเธียร: โรงเรียนสัตยาสัย ลพบุรี สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน โรงเรียนสัตยาสัยตั้งอยู่ที่อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เป็นโรงเรียนประจำที่สอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึง ม.6 โรงเรียนสัตยาสัยจะเน้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ทำให้ส่วนดีๆ ให้ตัวเด็กเกิดการพัฒนา โดยครูจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ครูทำได้เด็กก็จะทำตาม ประกอบกับครูต้องมีความรักความเมตตาความปรารถนาดีให้กับเด็ก เพราะเวลาที่เด็กเขารู้ว่าเรารักเขา จะแสดงกิริยาท่าทางออกมา จะสื่ออารมณ์จากจิตใจของเด็กได้ เหมือนกับเรารักใครสักคนก็ต้องอย่าทำให้เขาเสียใจ ทำให้เขามีความสุข การจัดการเรียนการสอนหรือจัดกิจกรรมอะไร ต้องคำนึงถึงว่ากิจกรรมเหล่านั้นจะทำให้เด็กดีขึ้น ตั้งใจ หรือว่ามีการพัฒนาอย่างไรบ้าง เราก็จัดการเรียนรู้โดยคำนึงถึงวัยของเขา เพื่อให้เขารู้สึกสนุกสนานในสิ่งที่เราจัดไว้ให้ เคยสอนวิชาคุณค่าความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นวิชาหลักของโรงเรียนที่จะให้นักเรียนเป็นวิชาแรก ตอนนี้เอาเด็ก ม.4-5 มารวมกัน เพราะว่าเราเพิ่งเปิดสอนมาเป็นปีแรก เด็กยังน้อยเลยเอามาเรียนรวมกัน และเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่เด็กเข้ามาอยู่ใหม่ซึ่งยังไม่เข้าใจและรู้จักกันเท่าไร เรายังนึกว่าควรจะให้เด็กๆ รู้จักกันไว้ให้ดีว่าแต่ละคนมีสิ่งดีอะไรในตัวบ้าง ความสามารถอะไรในตัวเราก็เลยจัดกิจกรรมที่อยู่ร่วมกัน คือ แบ่งปันความสามารถพิเศษหรือความถนัดเฉพาะตัวของตัวเองมาให้กับเพื่อนๆ ได้รู้ ทุก ๆ วันเด็กจะผลัดกันนำเอากิจกรรมความสามารถพิเศษมาแสดงให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน อย่างเช่น บางคนเล่นเปียโนเก่ง เขาก็จะเล่นเปียโนให้เพื่อนๆ ฟัง บางคนเขาชอบศิลปะหรือวาดการ์ตูนเก่ง เขาก็จะมาวาดรูปการ์ตูนให้เพื่อนดูพร้อมกับสอนเพื่อนและแจกกระดาษให้วาดตาม หรือบางคนสนใจเกี่ยวกับเครื่องเปียโน เขาก็จะมาอธิบายเกี่ยวกับเครื่องเปียโนรุ่นต่าง ๆ ให้เพื่อน ๆ ฟัง ซึ่งสังเกตดูว่าเวลาเขาออกมาพูดอะไรให้ฟัง มาแสดง เขาจะสนใจมากและตั้งอกตั้งใจฟัง รวมทั้งร่วมกิจกรรมร่วมกันได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็สังเกตว่าเด็กชั้น ม.4-5 ซึ่งเรียนรวมกัน พบว่า มีความรักใคร่สนิทสนมกันมาก มีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน บางทีรุ่นน้องก็ขอให้รุ่นพี่ช่วยติววิชาให้ หรือบางทีรุ่นพี่ก็ให้รุ่นน้องสอนเปียโนให้ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเอง ซึ่งเราแทบจะไม่ต้องทำอะไรมากมาย หลังจากนั้นก็พบว่าหลังจากทำกิจกรรมแล้วก็พบว่าทำให้เขาได้รู้จักตัวเองมากขึ้น จากที่เคยเป็นเด็กเงียบๆ กลายเป็นเด็กกล้าแสดงออกคอยช่วยเหลือคนอื่นได้ดีขึ้น หลังจากที่หลายๆ คนที่มาแสดงความสามารถหรือว่าความสนใจของตัวเอง ก็พบว่าสามารถต่อยอดไปจนถึงเข้าระดับอุดมศึกษา หรือว่าเด็กที่สอนวาดการ์ตูนก็สามารถสอบเข้าคณะมัณฑนศิลป์ของมหาวิทยาลัยดังๆ ได้ ทำให้เราได้เห็นว่ากิจกรรมตรงนี้มันทำให้เกิดอะไรหลายๆ อย่างในตัวเด็กคนนั้นเอง http://gotoknow.org/blog/thaikm/15660
น่าสนใจอยากไปศึกษาดูงานบ้างจัง
ขอบคุณเรื่องเล่าดีๆ นะคะ
มีคนมาช่วยเล่าละเอียดเลยค่ะน้องอ้อย อิอิ
ขอบคุณ อ.กู้เกียรติด้วยนะคะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์อ้อย
* อยากให้มีโรงเรียนอย่างสัตยาไส ในบ้านเราหลายๆ โรงเรียนค่ะ ชื่นชม ชื่นชอบวิธีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียน ด้วยวิธีและกุลโลบายที่แยบยลยิ่งนัก .... วิธีการกล่อมเกลาเด็กๆ ได้ซึมซับลงไปในตัวของเขาโดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ ใจของเด็กๆ จึงยอมรับสิ่งที่ครูปลูกฝังอบรมโดยปราศจากความขัดแย้งในใจโดยสิ้นเชิง เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากๆ* ครูใจดีได้มีโอกาสฟัง ดร.อาจอง บรรยาย และได้พูดคุยกับท่าน ยิ่งชื่นชม เคารพ ศรัทธาในตัวท่านอย่างที่สุด... และพยายามนำสิ่งที่ ท่านดร.อาจองแนะนำมาใช้กับลูกศิษย์คือ ซึ่งได้ผลจริงๆ โดยเฉพาะกับนักเรียนประจำชั้นซึ่งเป็นวัยรุ่น บางคนมีปัญหาหลากหลาย สามารถช่วยได้มากทีเดียวค่ะ* ท่านเล่านิทานได้เก่งมาก เราเป็นผู้ใหญ่ยังชอบ แล้วเด็กจะไม่ชอบได้งัย จริงไหมค่ะอาจารย์* ระลึกถึงคะ และขอบคุณที่อาจารย์อ้อยให้เกียรติครูใจดีค่ะ.... วันนี้มัวแต่ทำงานยังไม่ได้แวะไปคารวะคุณครูกู้เกียรติของครูใจดีเลย... เดี่ยวจะไปคารวะเดี๋ยวนี้แล้ว.... ขอบคุณเรื่องราวของโรงเรียนสัตยาไสค่ะสวัสดีคะ พี่ครูอ้อยเล็ก
พอลล่ามาเยี่ยมเพราะคิดถึงค่ะ
ท่านอาจารย์กู้เกียรติ ท่านเม้นพี่อ้อย ย๊าวยาว อิอิ
ชื่นชมและเป็นกำลังใจกับกิจกรรมดีๆ นะคะ
คนดี ที่ควรเอาเยี่ยอย่างคะ โอโหใครนะเม้นท์ยาวต่อยอดไปกันได้ดีจังเลยคะ น้องกู้เกียรติ ทำได้ดีมาก มาเยี่ยมคนเดียวเหมือนได้เยี่ยมทั้งสองคนเลย ดีดีคะ
ขอบคุณนะคะที่นำภาพ และเรื่องราวที่น่าประทับใจมาให้อ่าน อยากกลับไปเป็นครู หรือเป็นนักเรียนดี น้า....ไปหละ แก่แล้วอย่าคิดมาก ว๊ากเพ่ย ว๊ากเพ่ย ขอบคุณนะที่ไปชมงิ้ว ที่บล็อคพี่สุ ไปหละง่วงแล้ว
สวัสดีครับ อ้อยเล็ก
...หลักเกณฑ์การรับสมัคร...เป็นแบบนี้ค่ะท่านผอ.
1.ต้องเป็นความสมัครใจของเด็กเป็นอันดับแรก..ความพึงพอใจของผู้เรียนเป็นสำคัญ
2.เมื่อเด็กพึงพอใจแล้ว..สมัคร..โรงเรียนจะเรียกผู้ปกครองทำการสอบ..สอบผู้ปกครองค่ะ..ไม่สอบผู้เรียน
3.การสอบผ่านถือว่าผู้ปกครองและโรงเรียนรับทราบความเป็นไปและข้อตกลงร่วมกัน..
ต่อจากนั้นก็เป็นไปตามระเบียบ...
สวัสดีค่ะ
กิจกรรมน่าสนใจจังค่ะ
ขอบคุณ อ.กู้เกียรติด้วยค่ะ เลยได้ให้ความรู้เพิ่ม
อ้อยเล็ก
เมื่อ อา. 29 พ.ย. 2552 @ 07:56
#1703686 [ ลบ ]
http://gotoknow.org/blog/tuanjai23/313229
พี่ตุ๊กตามีกิจกรรมดีๆแนะนำครูพี่เตือนใจบ้างนะคะ..พี่ครูเตือนใจชอบทางปฏิบัติมากค่ะ..พี่ครูเตือนใจสอนวิชาสังคมฯค่ะ
.............................................
น่าชื่นใจแทนคุณครูเตือนใจจังนะคะ ที่มีมิตรผู้ปรารถนาดีเช่นนี้ค่ะ
เดี๋ยวจะเข้าไปชมบ้านท่านค่ะ
สวัสดี ตอนสายๆวันอาทิตย์ ครับพี่อ้อยเล็ก
โรงเรียนวิถีพุทธ คือ โรงเรียนระบบปกติทั่วไปที่นำหลักธรรมพระพุทธศาสนามาใช้ หรือประยุกต์ใช้ในการบริหารและการพัฒนาผู้เรียนโดยรวมของสถานศึกษา เน้นกรอบการพัฒนาตามหลักไตรสิกขา อย่างบูรณาการ
รูปแบบโรงเรียนวิถีพุทธ
จุดเน้น โรงเรียนวิถีพุทธดำเนินการพัฒนาผู้เรียนโดยใช้หลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างบูรณาการผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการพัฒนา "การกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น" คือ มีปัญญารู้เข้าใจในคุณค่าแท้ ใช้กระบวนการทางวัฒนธรรม แสวงปัญญา และมีวัฒนธรรมเมตตา เป็นฐานการดำเนินชีวิต โดยมีผู้บริหารและคณะครูเป็นกัลยาณมิตรการพัฒนา
ลักษณะโรงเรียนวิถีพุทธ เน้นการจัดสภาพทุกๆ ด้าน เพื่อสนับสนุนให้ผู้เรียนพัฒนาตามหลักพุทธธรรมอย่างบูรณาการที่ส่งเสริมให้เกิดความเจริญงอกงามตามลักษณะแห่งปัญญาวุฒิธรรม ๔ ประการ
๑.
สัปปุริสสังเสวะ หมายถึงการอยู่ใกล้คนดี ใกล้ผู้รู้ มีครู อาจารย์ดี มีข้อมูล มีสื่อที่ดี
๒.
สัทธัมมัสสวนะ หมายถึง เอาใจใส่ศึกษาโดยมีหลักสูตร การเรียนการสอนที่ดี
๓.
โยนิโสมนสิการ หมายถึง มีกระบวนการคิดวิเคราะห์พิจารณาหาเหตุผลที่ดีและถูกวิธี
๔.
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ หมายถึง ความสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตได้ถูกต้องเหมาะสม
การจัดสภาพของโรงเรียนวิถีพุทธ ประกอบไปด้วย ด้านกายภาพ คือ อาคารสถานที่ ห้องเรียน แหล่งเรียนรู้ สภาพแวดล้อม เป็นต้น ด้านกิจกรรมพื้นฐานวิถีชีวิต เช่นกิจกรรมประจำวัน กิจกรรมวันสำคัญ กิจกรรมนักเรียนต่างๆ ด้านการเรียนการสอน เริ่มตั้งแต่การกำหนดหลักสูตรสถานศึกษา การจัดหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้จนถึงกระบวนการเรียนการสอน ด้านบรรยากาศและปฏิสัมพันธ์ ในการปฏิบัติต่อกันระหว่างครูกับนักเรียน นักเรียนกับนักเรียน หรือครูกับครู เป็นต้น และ ด้านการบริหาร จัดการ ตั้งแต่การกำหนดวิสัยทัศน์ จุดเน้น การกำหนดแผนปฏิบัติการ การสนับสนุน ติดตาม ประเมินผลและพัฒนาต่อเนื่อง ซึ่งการจัดสภาพในแต่ละด้านจะมุ่งเพื่อให้การพัฒนานักเรียนตามระบบไตรสิกขา ดำเนินได้อย่างชัดเจนมีประสิทธิภาพ ดังเช่น การจัดด้านกายภาพ ควรเป็นธรรมชาติสภาพชวนให้มีจิตใจสงบ ส่งเสริมปัญญา กระตุ้นการพัฒนาศรัทธา และศีลธรรม กิจกรรมพื้นฐานวิถีชีวิต กระตุ้นให้การกิน อยู่ ดู ฟัง ดำเนินด้วยสติสัมปชัญญะเป็นไปตามคุณค่าแท้ ด้านการเรียนการสอน บูรณาการพุทธธรรมในการจัดการเรียนรู้ชัดเจน ด้านบรรยากาศและปฏิสัมพันธ์ เอื้ออาทร เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน ส่งเสริมทั้งวัฒนธรรมเมตตา และวัฒนธรรมแสวงปัญญา เป็นต้น
การบริหารจัดการโรงเรียนวิถีพุทธ มีขั้นตอนสำคัญ เช่น การเตรียมการ เตรียมทั้งบุคลากร ผู้เกี่ยวข้องแผนงาน ทรัพยากร ที่มุ่งเน้นสร้างศรัทธาและฉันทะในการพัฒนา การดำเนินการจัดสภาพและองค์ประกอบต่างๆ ที่จัดเพื่อ ส่งเสริม ให้เกิดความเจริญงอกงามหรือปัญญาวุฒิธรรม ในการพัฒนาผู้เรียน การดำเนินการพัฒนาทั้งผู้เรียนและบุคลากร ตามระบบไตรสิกขาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้สภาพและองค์ประกอบที่จัดไว้ข้างต้น ขั้นต่อมา คือ การดูแลสนับสนุน ใกล้ชิด ด้วยท่าทีของความเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน ที่จะทำให้การพัฒนานักเรียนและงาน ดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อจากนั้น มีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยอิทธิบาท ๔ และหลักอุปัญญาตธรรม คือ ความไม่สันโดษในกุศลธรรม และความไม่ย่อท้อในการพากเพียร เป็นต้น ขั้นสุดท้ายของกระบวนการบริหารแต่เป็นฐานสู่การพัฒนาในลำดับต่อไป คือ ขั้นประเมินผลและเผยแพร่ผลการดำเนินงาน
ลักษณะการเกื้อกูลสัมพันธ์โรงเรียนวิถีพุทธและชุมชน จะมีลักษณะของการร่วมมือ ทั้งสถานศึกษา บ้าน วัด และสถาบันต่างๆ ในชุมชน ด้วยศรัทธาและฉันทะ ที่จะพัฒนาทั้งนักเรียน และสังคม ตามวิถีแห่งพุทธธรรม เพื่อประโยชน์สุขร่วมกัน
การพัฒนาบุคลากรและคุณลักษณะบุคลากร การพัฒนาโรงเรียนวิถีพุทธแม้จะยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ แต่บุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารและครู มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะเป็นปัจจัย ให้ผู้เรียนพัฒนาได้อย่างดี ทั้งการเป็นผู้จัดการเรียนรู้ และการเป็นแบบอย่างที่ดีในวิถีชีวิตจริง ในลักษณะ สอนให้รู้ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น การพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษามีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องหลากหลายวิธีการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้เพื่อให้บุคลากรมีคุณลักษณะที่ดีตามวิถีพุทธ เช่น ศรัทธาในพระพุทธศาสนา และพัฒนาตนให้ดำเนินชีวิตที่ดีงาม ละ เลิกอบายมุข การถือศีล ๕ เป็นนิจ ความเป็นกัลยาณมิตรต่อศิษย์ และ การเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นต้น การดำเนินการในระยะแรกของโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๖ มีโรงเรียนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการประมาณ ๘๐ โรงเรียน มีทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
http://www.watphraphutthachai.com/watphrabuddhachay/school_put/school_put2.htm
สวัสดีค่ะคุณครู
หนูแวะเข้ามาเยี่ยมคุณครูและแวะเข้ามาให้กำลังใจค่ะ
ดูจากภาพกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว หนูคิดว่าเป็นภาพที่อบอุนและน่าประทับใจมากนะคะ
หนูขอขอบพระคุณคุณครูมากนะคะที่แวะเข้าไปเยี่ยมเยียนหนูค่ะ
อยากเห็นสภาพจริงของรร.นี้จังค่ะปัจจุบันสอนเด็กเล็กอยู่ที่รร.หนึ่งมีแนวคิดคล้ายกับรร.สัตยาไสแต่สภาพจริงไม่ใช่เลย
การจะทำให้ได้อย่างสัตยาไส..ใจต้องปึ๊กๆ..เสียสละสุดๆ..ที่ทำไม่ได้เพราะครูที่โรงเรียนน้องครูยังมีภาระมากมายอยู่มังคะ..
จ๊ะเอ๋ๆ.. อิอิ พี่อ้อยเล็ก ค่ะ เพิ่งจะได้มาอ่านสาระดีๆ ที่ไปเที่ยวชมโรงเรียนแบบอย่างที่ดี ตามมาดูว่าพี่จะไปถึงไหนคะวันนี้ เหอๆ คิดถึงเสมอแร่ะ
อยากเข้าเรียนม.4ที่นั้นค่ะ
อยากเข้าจริงๆพ่อแม่อยากให้เข้าด้วย
จะให้หนูทำไงดี
นันทัชพร บุญนาค,,,,หนูต้องไปศึกษากฏระเบียบของเขาก่อนและเขาจะมีบททดสอบที่เขาสามารถวัดได้ว่าหนูจะเรียนได้ตลอด,,,,ที่ไปดูงานในตอนนั้นเขาจะทดสอบทั้งเด็กและผู้ปกครองจ้า
กำลังสนใจและจะติดต่อขอไปดูงานวันที่ 6 สิงหาคม 2554
ที่โรงเรียนสัตยาไส ช่วยแนะนำขั้นตอนการขอไปเยี่ยมชมด้วย
จะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ
.............................อนุบาลบ้านยูงทอง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
โทร. 08-1569-6181
เป็นโรงเรียนตัวอย่างที่ดีที่สุดในประเทศไทยและน่าจะดีที่สุดในโลกด้วย