สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ เริ่มมีความเข้มข้นไปตามลำดับจากเหตุการณ์
1. การโยกย้ายข้าราชการประจำระดับสูง 2 ท่าน
2. การเตรียมที่จะกลับประเทศไทย ของอดีตนายก พตท.ดร.ทักษิณ
3. การตัดสินให้ถูกใบแดงของคุณยงยุทธ
4. การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร ฯ
เท่าที่รับฟังความคิดเห็นของท่าที่ทีมีต่อการเมืองจากการพูดคุย จะพบว่ามีอยู่ 3 กระแส คือ กระแสแรกบอกว่าเบื่อ คือ เบื่อทั้งสองฝ่าย กระแสที่สองบอก เร็วเกินไป คือ เร็วเกินไปทั้งสองฝ่าย และ กระแสที่สามบอก สะใจ ไม่ทราบว่าสะใจอะไร
เป็นกระแสของการมองการเมืองว่าด้วยเรื่องของอารมณ์
การมองการเมืองในช่วงนี้ จึงต้องมองอย่างเป็นคนดูจริงๆ ไม่มองอย่างเข้าข้าง หรือมองอย่างมีอารมณ์ร่วม จึงจะเห็นความเป็นจริงของการเมืองว่าเป็นอย่างไร
การมองอย่างเป็นคนดู คือ การมองด้วยเหตุ ด้วยผล นั่นคือ
•1. การยอมรับความแตกต่างในบทบาทของแต่ละฝ่าย
•2. ไม่ตัดสินว่าใครถูกผิดด้วยความคิดเห็นของตนเอง
1. การยอมรับในบทบาทของแต่ละฝ่าย จะทำให้เราเข้าใจการกระทำแต่ละฝ่าย ว่าที่เขากระทำไปเป็นการกระทำตามบทบาทที่เขาได้รับ แต่ละคน แต่ละฝ่าย ต่างก็เป็นฝ่ายที่ถูก แต่ถูกในมุมมองของเขา เมื่อมองอย่างนี้เราจะได้เข้าใจเขา และควรเข้าใจทั้งสองฝ่าย
2. การไม่ตัดสินว่าใครถูก ใครผิด เพราะเรามีข้อมูลไม่เพียงพอ ข้อมูลที่เราได้รับบางส่วน เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นเท่านั้น ส่วนข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอีกหลายส่วน ที่เราไม่ทราบ ดังนั้นหนทางที่ดี จึงควรฟัง หู ไว้หู ทั้งสองฝ่าย อย่าด่วนรีบตัดสินใจว่าใครถูก ใครผิด เพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
สำหรับท่าทีการแสดงออกในทางการเมือง เราสามารถเลือกข้างได้ว่าเราอยู่ฝ่ายใด ชอบพรรคไหน แต่การแสดงออก ต้องคำนึงถึงจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมตามสถานการณ์
นั่นคือ เราสามารถแสดงความคิดเห็นได้กับคนที่มีความคิดเห็นตรงกับเรา ในกรณีที่คนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ต้องดูว่าเขาเป็นคนใจกว้างหรือไม่ ถ้าใจกว้างก็คุยกันได้ ถ้าเขามองอย่างคับแคบ ก็ควรสงวนท่าทีอย่าไปแสดงความคิดเห็นให้เกิดความขัดแย้งโดยเปล่าประโยชน์ แต่กลับจะเป็นโทษถึงขั้นไม่มองหน้ากันได้
สำหรับคนที่บอกว่าเบื่อการเมือง ก็เป็นท่าที่ที่ไม่ถูกต้องครับ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องร่วมกันรับผิดชอบและตรวจสอบ
เรื่องการเมืองเราเบื่อไม่ได้หรอกครับ เพียงแต่ว่าจะมองอย่างไรให้เกิดประโยชน์
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณ Lin Hui
ขอขอบคุณมากครับที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์
ถ้าจะตัดสินการเมืองกันจริงๆ ก็ต้องว่ากันด้วย กฏแห่งกรรม อย่างที่คุณ Lin Hui ว่ามานั่นแหละครับ
ใครทำอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น
ข้อสำคัญ พวกเราคนดูอย่าตกเป็นเหยื่อของเขาก็แล้วกันครับ
สวัสดีครับ ท่าน ผอ.วิชชา small man
ขอบคุณครับ :)
คนเราทุกวันนี้ไม่อาจแยกออกจาก สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองได้เลย
แต่ผมขอแบ่งมันออกเป็นสัดส่วนไม่เท่ากัน คือการเมืองคือส่วนแบ่งเล็กที่สุด อย่างนัดคณิตศาสตร์ชาวกรีกเรียกหน่วยย่อยที่สุดว่าอะตอม คือมองได้ จ้องได้ แต่ก็ไม่จำ ไม่เอามาคิด ไม่ไตร่ตรอง
ขออภัยที่ผมเอียงซ้าย เพราะระบบการเมืองไทย ไม่ได้มาด้วยความชอบธรรมตามครรลองที่ควรจะเป็นแต่แรกครับ
ใครจะมา ใครจะออก ใครจะย้าย มันก็เหมือนกับการเล่นหมากบนกระดานดำ ซึ่งผู้เล่นไม่พอใจ ก็กวาดเบี้ยพวกนั้นได้ตลอดเวลา
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ Wasawat
ครับ ต้องยอมรับครับว่ากระแสทางการเมืองตอนนี้เร็วและแรงมาก เหมือนกับว่าต้องรีบๆทำ คล้ายๆกับน้ำขึ้นต้องรีบตักกระมังครับ
ส่วนช้าๆได้พร้าเล่มงาม คงจะไม่ตรงกับความต้องการของนักการเมืองบางคนในยุคนี้ก็ได้
เพราะยุคนี้ดูเหมือนว่าต่างก็ต้องการ "น้ำขึ้น" กันทั้งนั้นครับ น่าจะกลับมาดูที่ "พร้าเล่มงาม" บ้างก็จะดี
คงต้องคอยติดตามตอนต่อไปครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณวาทิน
ถ้าเปรียบการเมืองเหมือนการเล่นหมากบนกระดาน
ผู้เล่นไม่พอใจ ก็กวาดเบี้ยได้ตลอดเวลา
ถ้าเปรียบอย่างนี้ ตามความคิดเห็นของผมเอง ผมคิดว่าก็ต้องตั้งกระดานเล่นกันใหม่ จนกว่าผู้เล่นจะพอใจนั่นแหละครับ
นั่นคือ ต้องจัดการเลือกตั้งบ่อยๆ ครับ จนกว่าจะได้นักการเมืองที่พอใจ
เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ถือเป็นการลงทุนในการพัฒนาการเมืองครับ แม้จะใช้ต้นทุนที่สูงมาก แต่ก็คงต้องยอมจ่ายครับ จ่ายเพื่อพัฒนาการเมือง
ขอบคุณครับ
มาเยี่ยม คุณ
ผมนั่งคุยกับเพื่อนอาจารย์ที่มาคุมสอบใน ม. ทักษิณ ด้วยกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คิดไปถึงเรื่องที่เป็นประเด็นปัญหา...อาจารย์ว่า...
เมือเป็นปัญหาแล้ว...การแก้ไขปัญหาได้แล้วมีอยู่สองกระแส คือ
1 ..แก้ปัญหาได้แล้วเท่าทุน
2 . แก้ปัญหาได้แล้วขาดทุน
ผมเองเริ่มมองการเมืองอย่างสนใจช่วงนี้ครับ...
สวัสดีครับ คุณครูชา ขอขอบคุณครับ ที่เข้ามาเยี่ยม
ครับ การเมืองที่ร้อนแรงในช่วงนี้ คงจะต้องคิดดูดีๆกันทุกฝ่าย อย่างที่ท่านคุณครูชาว่ามาครับ
หายใจเข้าลึกๆ นึกถึงพ่อในดวงใจไว้อยู่เสมอ
แตกต่างกันได้ แต่อย่าให้ถึงกับแตกแยก
เพียงแค่นี้ ก็ถือว่าเป็นการเมืองที่สร้างสรรแล้วครับ
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ umi ขอขอบคุณครับที่เข้ามาเยี่ยม ในประเด็นของท่านอาจารย์ที่ว่า
1 ..แก้ปัญหาได้แล้วเท่าทุน
2 . แก้ปัญหาได้แล้วขาดทุน
ผมมองว่า การแก้ปัญหาคงจะออกมาในแนว
ได้อย่าง เสียอย่างครับ
ส่วนใครจะได้ ใครจะเสีย
คงจะต้องติดตามกันต่อไปครับ