ว้าว ชอบบทปิดท้ายค่ะท่านรองฯ ทำตาม เสียงภายใน ของใครแต่ละคน ก่อเกิดความมั่นใจ ภาคภูมิของปัจเจก เป็น ธรรมนูญใจ ขยายไปให้มั่นคง ธรรมนูญรัฐ ขอบพระคุณค่ะ :)
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านรอง
ไม่มีการลงโทษใด จะเลวร้ายไปกว่าการลงโทษต่อตนเอง โดยการทำให้ส่วนหนึ่งของความเป็นตัวตนของเขาไม่เหลืออยู่อีกต่อไป
ประชาธิปไตยเสียงข้างมาก ต้องรับฟังเสียงข้างน้อยด้วย
"การป้องกันประเทศให้พ้นภัยคุกคามคือ ทหาร
การป้องกันหมู่บ้านให้พ้นภัยคุกคามคือ นักจัดการชุมชน
การป้องกันครอบครัวให้พ้นจากภัยคุกคามของครอบครัว คือตัวพ่อแม่
และการป้องภัยตัวเองให้พ้นจากภัยคุกคาม คือใจเราเอง
เห็นด้วยอย่างแรงครับ
และภาพประกอบสวยงามมากครับ
คนที่แสดงออกซึ่งตัวตนของตัวเองมากที่สุดนั่นแหละคือ...คนที่มองเห็นคุณค่าภายในของตัวเรา
เรามองไม่เห็นตัวเราแล้วจะให้ใครมามองเห็นใช่ไหมคะ...
สวัสดีครับท่านรองฯ
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนครับ ประชาธิปไตย ถ้าเป็นการการรับฟังเสียงภายใน น่าจะเป็นการเปิดใจรับฟัง/ยอมรับเสียงจากภายนอกด้วยเช่นกัน เป็นระบบถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน Check & Balance.
ขอบคุณครับท่าน
ประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องเริ่มจาก "ในใจ" ก่อนครับ ยอมรับเสียงภายในให้ได้ ยอมฟังเสียงภายในให้ได้เสียก่อน เพื่อยืนยันความเป็นตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริง ทีเรียกว่า "อัตลักษณ์" แห่งตน แล้วจึงค่อยไปฟังเสียงภายนอกครับ ดูว่าเสียงภายนอกนั้น สอดคล้องกับตัวเราหรือไม่
ถ้าไม่ฟังเสียงภายในของเรา เราก็จะไม่มีความเป็นตัวตน เราก็จะคล้อยตามคนอื่น เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็เอาตามเขา หรือ คนใหนดูอาวุโส ดูมีอำนาจ เราก็คล้อยตามเขาไป เพราะเราไม่มีตัวตน
การที่ฟังเสียงภายใน เพื่อแสดงตัวตน กล้าเป็นตัวของตัวเองอย่างมั่นใจ แต่ไม่ใช่หมายถึง ไม่ฟังใคร ไม่ฟังเสียงภายนอก เพียงแต่ ให้เสียงภายในของตัวเองให้มีบทบาทอย่างแท้จริง