ดอกไม้ริมทาง


"ก็เจ้าเป็นดอกไม้ใกล้ทาง ไม่มีหนามทำตัวให้ง่ายต่อการที่จะถูกเขาเด็ดดม คอยยื่นหน้าไปให้เขาเห็นเป็นการเชิญชวน เจ้าจึงต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่อย่างนี้ ถ้าเจ้ารู้จักสร้างหนามไว้ป้องกันตัว รู้จักเก็บตัวชูดอกให้สูงหน่อย คนเขาก้ไม่กล้าเด็ดมาดมแล้วปาทิ้ง คนเขาไม่ยกย่องดอกไม้ที่เก็บง่ายๆ เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?

        ดอกไม้สวยเหมือนนารีที่ยังสาว 

   ยังพริ้งพราวเสน่หาพาให้หลง

  แต่รูปร่างสวยใสไม่มั่นคง       

  น้อมใจปลงอนิจจังใช่ยั่งยืน

  หากหญิงใดประพฤติดีมีธรรมะ   

  ใจลดละความชั่วพาตัวฝืน

  อบายมุขทุกอย่างนางกล้ำกลืน   

  คงชื่นมื่นหมดทุกข์สุขสมใจ  

                               ๓ ก.พ.๕๔  

       

                                   

        

      เปรียบดอกไม้เหมือนพระสงฆ์องค์วิสุทธิ์ พุทธบุตรสละเพศวิเศษหมาย

  เมื่อมาอยู่รวมกันนั้นมากมาย                   ต่างกระจัดกระจายหลากหลายพรรณ

  เหตุไฉนจะงดงามตามระเบียบ                   เรียงร้อยเรียบเป็นมาลัยให้สีสัน

   อาศัยด้ายมาร้อยคอยเกี่ยวพัน                  แม้คละกันก็มีค่าน่าชื่นชม

  พระวินัยท่านเทียบเปรียบดั่งด้าย              หรือก็คล้ายแจกันอันเหมาะสม

  หากพระดีมีวินัยใฝ่อบรม                          โยมชื่นชมศรัทธาสาธุการ. 

                                                                เสาร์ ที่ ๕ ก.พ.๕๔  

     ดอกไม้ มีคนเอาไปเปรียบกับอะไรหลายๆอย่าง ในทางพระศาสนา ท่านก็เปรียบเหมือนพระสงฆ์ พระสงฆ์ที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา มาจากร้อยพ่อพันแม่ มาจากตระกูลที่ต่างกัน สิ่งแวดล้อมต่างกัน บางท่านมีอัธยาศัยหยาบ บางท่านมีอัธยาศัยละเอียด ต่างคนก็ต่างจิตต่างใจ เมื่อมาอยู่รวมกันมากๆ ก็ต้องอาศัยกฏระเบียบ เป็นข้อบังคับความประพฤติของแต่ละท่าน  ให้อยู่รวมกันอย่างผาสุก ในทางพระศาสนา ท่านเรียกว่า พระวินัย หรือศีล พระสงฆ์ที่เข้ามาบวช ท่านเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนดอกไม้นานาพันธุ์ มารวมกันมองดูทีแรกก็กระจัดกระจาย หลากหลายสีสัน ดูไม่สวยไม่งาม แต่ถ้าได้ช่าง หรือนายมาลาการ ผู้มีฝีมือเชี่ยวชาญในการร้อยดอกไม้ ดอกไม้เหล่านั้นก็ย่อมงามตา ดูมีระเบียบเป็นของที่มีค่า เพราะทุกดอกผ่านการคัดเลือก จัดสรร จากมือของนายช่างผู้ฉลาด แล้วมาร้อยเป็นพวงมาลัย ดูแล้วก็งามตาน่าชื่นชม ก็พระวินัยนี้แล พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเหมือนเส้นด้ายที่ร้อยดอกไม้เอาไว้ ไม่ให้กระจัดกระจาย พระสงฆ์เหล่านั้นก็เหมือนดอกไม้นานาพันธ์  อีกอย่างนึง เวลาที่เราจัดแจกันบูชาพระ ในโต๊ะหมู่บูชา ดอกไม้ที่ใช้บูชาพระพุทธรูปท่านก็เปรียบเหมือนพระสงฆ์อีกนั่นแล ธูปสามดอก เปรียบเหมือนพระคุณโดยย่อของพระพุทธเจ้า  เทียนสองเล่มที่จุดสว่างไสวอยู่นั้น ท่านเปรียบเหมือนพระธรรม.

    ดอกไม้ยังมีผู้เปรียบเอาไว้ว่าเหมือนผู้หญิง ดังกาพย์ยานี ๑๑ บทนึงว่า

               

                             นารีจะดูงาม            ก็เมื่อยามที่ยังเยาว์

                      แก่แล้วก็เหี่ยวเฉา            บ่มีส่วนจะพึงชม

                      ดุจปวงบุบผชาติ             งามวิลาศน่าเด็ดดม

                       แรกบานก็งามสม            แต่บ่นานก็โรยรา

     

     พูดมาถึงเรื่องดอกไม้ ก็ทำให้นึกถึงเรื่องๆนึง ซึ่งเคยได้อ่านมาจากเรื่อง ทางชีวิต ของสมเด็จพระญาณวโรดม วัดเทพศิรินทราวาส จะขอนำเรื่องดังกล่าวมาเล่าเท่าที่จำได้ และขอเสริมในบางบทบางตอนที่ควรเสริมตามใจของผู้เล่า ขอเชิญท่านผู้อ่านเงี่ยโสต รับฟังด้วยโยนิโสมนสิการจิตเถิด เรื่องมีดังนี้..

      

     สมัยหนึ่งมีพระภิกษุรูปนึงท่านเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ ดอกไม้ในสวนตอนนั้นต่างก็พูดจาได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ขณะที่ท่านกำลังชมสวนเพลิดเพลินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญแสดงความทุกข์โศก ท่านก็เลยเดินเข้าไปหาเสียงนั้นเพื่อดูให้แน่ว่าเป็นเสียงใคร ก็เห็นดอกไม้ธรรมดาดอกหนึ่งซึ่งวางอยู่ที่พื้นดิน แถมดอกไม้ดอกนั้นยังมีรอยคนเหยียบย่ำไปมา ท่านจึงถามดอกไม้ดอกนั้นว่า "...เจ้าดอกไม้ผู้น่าสงสาร ทำไมเจ้าจึง มีใบหน้าอันชุ่มด้วยน้ำตา (คำนี้เป็นสำนวนในการแปลธรรมบท ซึ่งพบเห็นมาก) เจ้าร้องไห้เศร้าโศกเสียใจเพราะเรื่องอะไร?..."

      ดอกไม้ธรรมดาดอกนั้น พอได้ฟังพระเอ่ยถามเช่นนั้น ยิ่งร้องไห้ดังกว่าเดิม ร้องไห้จนพอแก่ใจคลายความโศกลงบ้างแล้วจึงพูดว่า

       

      ข้าพเจ้า เป็นดอกของต้นไม้ริมทางต้นหนึ่ง อยู่ใกล้ทาง คนผ่านมาผ่านไปใครก็เห็น เขาก็เลยชอบใจแล้วเด็ดมาดมจนซ้ำและสิ้นกลิ่น แล้วเขาก็โยนข้าพเจ้าทิ้งไว้ตรงนี้ คนเรานี่ก็ทำกันได้ลงคอ  อิจฉาดอกไม่ที่อยู่ในกระถางและดอกไม้ที่อยู่ในสวน ดอกไม้เหล่านั้นเขากลับเก็บเอาไปปักไว้ในแจกันบนบ้านให้ชูคอกันสลอนทีเดียว ข้าพเจ้าน้อยใจเสียใจเหลือเกิน ที่เขาเด็ดข้าพเจ้ามาดมแล้วก็ทิ้ง ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความผิดอะไร แถมเหยียบซ้ำอีก พูดมาถึงตอนนี้ก็ร้องไห้โฮอีก พอเสียงสะอื้นหยุดลงแล้ว

        

      พระท่านจึงตอบว่า เจ้าดอกไม้ผู้น่าสงสาร เหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะอะไร ก็เป็นเพราะเจ้าเองนั่นแหละ   "ก็เจ้าเป็นดอกไม้ใกล้ทาง ไม่มีหนามทำตัวให้ง่ายต่อการที่จะถูกเขาเด็ดดม คอยยื่นหน้าไปให้เขาเห็นเป็นการเชิญชวน เจ้าจึงต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่อย่างนี้ ถ้าเจ้ารู้จักสร้างหนามไว้ป้องกันตัว รู้จักเก็บตัวชูดอกให้สูงหน่อย คนเขาก็ไม่กล้าเด็ดมาดมแล้วปาทิ้ง คนเขาไม่ยกย่องดอกไม้ที่เก็บง่ายๆ เจ้าไม่รู้หรอกหรือ? ดอกไม้เก็บง่ายเป็นของมีราคาน้อย" ยิ่งดอกไม้ใกล้ทางยิ่งรู้สึกไม่ค่อยเห็นค่า สิ่งใดก็ตามที่ได้มาง่ายๆ สิ่งนั้นก็ไม่ค่อยมีค่ามีราคาทางจิตใจ แต่สิ่งใดที่ได้มาด้วยความยากลำบาก กว่าจะได้มาก็มีอุปสรรคนานามาขวางกั้น สิ่งนั้นย่อมเกิดการหวงแหนทะนุถนอม ควรค่าแก่การรักษา นี่เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับเจ้าผู้ชอบเสนอหน้าให้คนนั้นคนนี้  เจ้าจงจำบทเรียนนี้ไว้เป็นคติสอนใจของเจ้าต่อไปเถิด เจ้ารู้แล้วว่าความเศร้าโศกเกิดจากอะไร เจ้าก็จงแก้ไขในส่วนนั้นเถิด คนเราเมื่อประมาทพลาดพลั้งลงไปแล้ว ถ้ารู้จักปรับปรุงตนเองใหม่ ไม่จมปลักอยู่กับความผิดพลาดในอดีต ประพฤติตัวเป็นคนดี คนอื่นย่อมให้โอกาส ไม่มีคนไหนหรอกที่ไม่เคยประพฤติตนผิดพลาดมาก่อน เมื่อรู้ว่าตนเองไม่ดีแล้ว ก็จงรีบแก้ไข ปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น และเมื่อเจ้าทำดีแล้ว ก็จงทำความดีนั้นด้วยใจที่มั่นคง และให้เสมอต้น เสมอปลาย รักษาความดีที่เจ้ามีอยู่แล้วให้คงอยู่และให้ดียิ่งๆขึ้นไป จะเป็นประโยชน์กับเจ้ามาก เจ้าดอกไม้ผู้น่าสงสาร แม้ทางพระศาสนา ท่านก็เปรียบบุคคลที่ดำเนินชีวิตผิดพลาดแล้วกลับตนเป็นคนดีใหม่ ท่านเปรียบเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ที่พ้นจากเมฆหมอก ส่องแสงงดงามแจ่มจรัสอยู่อย่างนั้น เจ้าดอกไม้ธรรมดาสามมัญ ที่พูดมานี้เจ้าพอจะตรองตามให้เข้าใจได้มั้ย จะเข้าใจไม่เข้าใจเราก็ขอฝากเจ้าเก็บไปคิดไปพิจารณาดู ถือว่าเป็นธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่งในโอกาสที่เรามาพบเจ้าก็แล้วกัน

       

      ขณะนั้นก็เย็นลงมากแล้ว พระอาทิตย์ก็เคลื่อนคล้อย ทิวากาลก็ลังจะผ่านพ้นไป เหลือเพียงความเงียบวังเวงในสวนดอกไม้ พระรูปนั้นจึงออกจากสวนนั้นและเดินกลับวัดพร้อมด้วยนึกแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย. เหตุการณ์ตอนนี้ก็คงจะเหมือนกับกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า  ของพระยาอุปกิตศิลปสาร ที่ว่า

                       

                        วังเอ๋ยวังเวง               หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน

             ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล      ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน

            ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ   ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน

            ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล         และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย

                               

        

 

หมายเลขบันทึก: 423787เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2011 21:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ

  • เพิ่งทราบที่มาของดอกไม้ริมทางวันนี้เองค่ะ

ถีงรูปสวย รวยลักษณ์ สักแค่ไหน

ที่สุดไซร้ก็เน่าเหม็นเป็นเหยื่อหนอน

ชีวิตนี้ไม่ดำรงคงถาวร

ย้ายที่นอนเข้าป่าช้า น่าหวั่นใจ

  ขอบคุณคุณครูที่มาเยี่ยมชมดอกไม้ จากบันทึกดอกไม้ธรรมดา ก็กลายมาเป็นดอกไม้ริมทาง..

                ถึงรูปงามนามเพราะเสนาะโสต

              คราวพิโรธโกรธแค้นแสนไม่สวย

              ความเสงี่ยมเจียมตนคือคนรวย

              เป็นสิ่งช่วยชักพา  น่าชอบใจ

             

             

             

นมัสการค่ะพระคุณเจ้าค่ะ

เปรียบดอกไม้เหมือนพระสงฆ์องค์วิสุทธิ์     หน่อพระพุทธสละเพศวิเศษหมาย

เมื่อมาอยู่รวมกันนั้นมากมาย                    ต่างกระจัดกระจายหลากหลายพันธุ์

เหตุไฉนจะงดงามตามระเบียบ                  เรียงร้อยเรียบเป็นมาลัยให้สีสัน

อาศัยด้ายมาร้อยคอยเกี่ยวพัน                 แม้คละกันก็มีค่าน่าชื่นชม

พระวินัยท่านเทียบเปรียบเส้นด้าย             หรือก็คล้ายแจกันอันเหมาะสม

หากพระดีมีวินัยใฝ่อบรม                          ชนนิยมบูชาศรัทธาจริง.

  • คงจะหาที่ติไม่ได้ค่ะ  ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์ประเภทกลอนแปด
  • การลงเสียงสูงเสียงต่ำก็ถูกต้องทุกประการค่ะ
  • สัมผัสนอกสัมก็ถูกต้อง และเพิ่มความไพเราะด้วยสัมผัสในทั้งสัมผัสสระ และสัมผัสอักษร
  • และชัดเจนด้วยความหมายของบทกลอนที่แสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์ โดยเปรียบเทียบพระสงฆ์เป็นดอกไม้หลากสีสัน หลากพันธุ์  แต่ถ้าใช้ด้ายร้อยให้เป็นมาลัย แม้จะต่างสีต่างพันธุ์ก็ดูสวยงามได้
  • ด้ายที่ร้อยน่าจะหมายถึง  ระเบียบวินัย  ข้อปฏิบัติของสงฆ์ใช้มั้ยคะ
  • พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท