การดัดแปลงทำนองเพลงธรณีกันแสงเป็นเพลงไทยสากล


เพลงธรณีกันแสง หรือที่นิยมเขียนว่า “ธรณีกรรแสง” เป็นเพลงไทยที่ให้อารมณ์โศก เนื่องจากมีทำนองไพเราะมาก จึงมีการนำทำนองไปดัดแปลงเป็นเพลงไทยสากลหลายเพลง

การดัดแปลงทำนองเพลงธรณีกันแสงเป็นเพลงไทยสากล

๑. เพลงธรณีกันแสง (ธรณีกันแสงแปลตามความหมายในพจนานุกรมว่า “แผ่นดินร้องไห้) หรือที่นิยมเขียนว่า “ธรณีกรรแสง” (ธรณีกรรแสงแปลตามความหมายในพจนานุกรมว่า “แผ่นดินส่งเสียงร้อง” ดังนั้น ถ้าเขียนว่า “ธรณีกันแสง” จึงเศร้ากว่า “ธรณีกรรแสง” เพราะ “ร้องไห้” เศร้าเสียใจกว่า “ส่งเสียงร้อง”) เป็นเพลงไทยที่ให้อารมณ์โศก เช่นเดียวกับเพลงพญาโศก เพลงรามัญรันทด (มอญร้องไห้) เพลงดาวทอง (โศกพม่า) เป็นต้น

๒. เพลงนี้มีชื่อหลายชื่อ เช่น กำสรดพสุธา (ตั้งชื่อให้คู่กับเพลงรามัญรันทด) พสุธากันแสง สุธากันแสง ธรณีร้องไห้ ล้วนแต่ชื่อเศร้า ๆ ทั้งนั้น

๓. เพลงธรณีกันแสงชั้นเดียวเป็นเพลงเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง รวมอยู่ในประเภทเพลงเร็ว สันนิษฐานว่าดัดแปลงมาจากเพลงมอญ ต่อมาสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายมีการดัดแปลงเป็นเพลงธรณีกันแสงอัตราสองชั้นใช้ประกอบการแสดงละครบทโศก ส่วนอัตราสามชั้นนั้น ในสมัยต้นรัชกาลที่ ๕ พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์ พ.ศ.๒๔๐๓-๒๔๖๗) เป็นผู้แต่งขยายขึ้นเป็นอัตรา ๓ ชั้น ทั้งทางร้องและทางดนตรี จนครบเป็นเพลงเถา ต่อมา พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร พ.ศ.๒๔๒๖-๒๕๑๑) เป็นผู้ให้ทำนองและเรียบเรียงเสียงประสานไว้เป็นต้นฉบับโดยบันทึกเป็นโน้ตสากล

๔. เพลงธรณีกันแสง ๒ ชั้น มี ๒ ท่อน ๑๓ จังหวะ โน้ตมีดังนี้

ท่อน ๑

  -ล-ช 

-ฟ-ร 

--ชฟ 

รฟ-ช 

----

-ฟ-ช 

ลชดํล

   -ลลล

-ล-ช 

      -ฟ-ร 

--ชฟ 

รฟ-ช 

---- 

-ฟ-ช 

ลชดํล

-ลลล

---ช

        -ล-ดํ

รํมํรํดํ

-ท-ล  

---- 

  ---ล  

-ลลล  

-ล-ล

ท่อน ๒

       -รํรํรํ

ดํมํรํดํ

   -ลลล

ชฟชล

  -รรร

ดมรด

-ลลล

ชฟชล

----

-ฟ-ช

-ล-ดํ

          -ล-ช

-ล-ช

ฟร-ฟ

---ช

ฟลชฟ

-ด-ฟ

-ช-ล

-รํดํล

-ช-ฟ

      ---ดํ

   ---ฟ

--ลช

ฟช-ล

----

---ล

-ลลล

-ล-ล

 

 

 

 

               

๕. สำหรับเนื้อร้องเพลงธรณีกันแสงนั้นมาจากบทละครเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ ตอนนางจินตะหราวาตีตัดพ้ออิเหนา คราวที่อิเหนาจะจากนางเพื่อยกทัพไปช่วยศึกดาหา

“โอ้ว่าอนิจจาความรัก                       เพิ่งประจักษ์ดังสายน้ำไหล

ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป                ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา

สตรีใดในพิภพจบแดน                      ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า

ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา                     จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์”

  • ฟังเพลงบรรเลง “ธรณีกันแสง” จากวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร พ.ศ. ๒๔๒๖-๒๕๑๑) เป็นผู้เรียบเรียงเสียงประสาน http://www.oknation.net/blog/print.php?id=264381
  • ปี่พาทย์เพลงธรณีกันแสง (ไม่เศร้าอย่างที่คาด) http://www.4shared.com/audio/IvIupjKm/14__-_.htm
  • ธานินทร์ อินทรเทพ ขับร้องเพลงธรณีกันแสง (แผ่นเก่าฟังไม่ค่อยชัด) http://www.4shared.com/audio/NoMWxO1-/____.htm

 

๖. มีการดัดแปลงทำนองเพลงธรณีกันแสง ๒ ชั้น เป็นเพลงลูกกรุงลูกทุ่ง เท่าที่รวบรวมได้ตอนนี้ ๑๐ เพลงด้วยกัน คือ

(๑) เพลงธรณีกันแสง   

คำร้องโดย แก้ว อัจฉริยกุล

ทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน

ขับร้องโดย มัณฑนา โมรากุล

พลัดพรากจากคู่อยู่คนเดียว เปล่าเปลี่ยวฤทัยรอน ยกกรวอนไหว้ฤทัยถอน อ้อนวอนพระธรณี โอ้อกหนาวร้าวรอนฤดี แม่พระธรณีจงเห็นใจ
จนใจเหลือตาม จะถามแม่ดู ตัวลูกพลัดคู่ เอ็นดูตอบไป แม่เอยแม่เห็นดวงใจ ของลูกผ่านไปทางไหนเล่า นิ่งอยู่ไยหัวใจเศร้า ไฉนเล่ามิกล่าววจี.
พระธรณีนิ่งอั้น ตื้นตันในฤทัย น้ำค้างพรมพร่ำฉ่ำไป ทั่วในพระธรณี สุดถวิลเทวศทวี โอ้พระธรณีกรรแสงครวญ
ปางลูกทุกข์ฤดี ธรณีเศร้าใจ ปางลูกร้องไห้ ธรณีไห้หวน อกเอยโศกศัลย์รัญจวน ร้องไห้คร่ำครวญ
กำสรวลสวาท โอ้อาลัยหัวใจจะขาด แสนอนาถรักคลาดหายไป

(๒) เพลงธรณีกันแสง

คำร้อง เกษม ชื่นประดิษฐ์

ขับร้องโดย รวงทอง ทองลั่นทม

http://www.4shared.com/audio/jENnKg8J/08-_.htm

เสียงใครหนอพร่ำกำสรวล คร่ำครวญหวนตรมระงมไพร เคล้าเสียงหรีดหริ่งเรไร สะอื้นในสายลมยามราตรี ดังชอกช้ำระกำชีวี แม่พระธรณีหรือผีพราย

คงตรมใจให้หวนรำพันครวญจาบัลย์ผันพรากดวงใจ ใครอำพรางพรากรักนางไป จึงอาลัยร้องไห้ร่ำหา โธ่เอยแม่พระธรณี สงสารแม่นี้มีแต่หมองวิญญาณ์ โศกอาดูรสูญรักแรมรา ซบหน้าโศกากันแสงตรม

เหมือนลูกพลัดคู่อยู่เดียว เปล่าเปลี่ยวเหลียวไปใจระทม น้ำตารินหลั่งพร่างพรม โศกซมสัญจรรอนแรมไป เปลี่ยวอ้างว้างเหมือนกวางหลงไพร สุดร้าวรอนอ่อนใจให้โศกา

วอนเทวาป่าเขาเนาไพร พาดวงใจของลูกกลับมา รอนแรมกลางหว่างพฤกษ์พนา จนปัญญาหันหน้าพึ่งใคร แม่จ๋าแม่พระธรณี ลูกตรมเหลือข่มฤดี มีแต่ช้ำร่ำให้ โศกกำสรวลหวนหาอาลัย ร้องไห้ไร้คู่สิ้นชู้เชย

(๓) เพลง มัทรีร้องไห้

คำร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์

ขับร้องโดย บุษยา รังสี

ยามเย็นจวนค่ำตะวันต่ำ อกช้ำน้ำตานองใจ มัทรีครวญคร่ำอาลัย อกใครไม่มีเหมือนเลย เฝ้าคิดหมายชู้ชายชื่นเชย
เขาไม่รักเราก็รู้ ยังชื่นชูหวังชื่นชม กรรมใดนะเรา จึงเศร้าหทัย กรรมใดนะให้ ดวงใจขื่นขม ฝากใจดินฟ้าสายลม ชักพาคู่ชมให้ฉัน ช่วยนำชักรักมาโดยพลัน สวมรักมั่นเป็นสร้อยสวมใจ
มัทรีร้องไห้ไม่สร่างเลย อกเอยแต่เช้าจนเย็น น้ำค้างพรมพร่ำฉ่ำเย็น ดั่งเป็นน้ำตาอาลัย โอ้ดินฟ้านั้นคงเศร้าใจ
ฟ้าซ้ำร้องเสียงระงม ฉันยิ่งตรมใจยิ่งครวญ ดินจะคงหลงชม งมรักเรื่อยไป เราจะคงร้องไห้อาลัยกำสรวล ตราบสิ้นดินฟ้าจันทร์นวล มิสิ้นรัญจวนใจสวาท โอ้ตะวันลับลาพาอนาถ
เหมือนรักขาดนิราศหัวใจ

(๔) เพลงขวัญกระเจิง

คำร้อง ขนิษฐา ขนงค์ทิพย์

ทำนอง ป. วรานนท์

ชรินทร์ นันทนาคร ขับร้อง

เหมือนกรรมจำพราก ให้จากคู่ชม อกตรมระทมฤทัย ทุกข์ตรมขมขื่น สะอื้นอาลัย ปวดใจหวิวในวิญญาณ์ สุดโศกศัลย์ ถึงขวัญชีวา เจ้ามาหายหน้า ยิ่งพาให้ระกำ
ลมเอยหากพบนงคราญ จึงซมซานถามเจ้าดู ทางใดที่น้องข้าอยู่ จงเอ็นดูช่วยตอบคำ โอ้ลมไฉนใจดำ เฉยเมยทำเงียบงำ
แกล้งข้าช้ำหรือเจ้า โอ้ไฉนพัดเลยไปเล่า แสนเศร้า น้องเจ้าอยู่ไหนกัน
ขอตามน้องข้า จนกว่าสิ้นใจ ทั่วไพรพฤกษ์พงพนา เสียงเรไรแผ่วแว่วมา อุราพะวงงงงัน แว่วยินเสียง สำเนียงจำนรรจ์ นกไพรใจพรั่น สำคัญว่าเสียงนาง
มองตามแมกไม้สุมทุม เกรงพาน้องเจ้าซุ่มไว้ ดาวเอยอย่าลับเลยไป จงเป็นใจช่วยส่องทาง โอ้ดาวส่องแสงเลือนลาง เห็นเงาตะคุ่มจาง ยิ่งอ้างว้างใจเปลี่ยว พึ่งดวงจันทร์ หรือมีเพียงเสี้ยว เห็นชั่วเดี๋ยวเดียว พลันลับตา

(๕) เพลงธรณีพิลาป

พยงค์ มุกดา แต่ง

รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส ขับร้อง

http://www.4shared.com/audio/11LqibJn/_-__.htm

ธรณีพิลาปคร่ำครวญ โลกเอ๋ยล้วนปรวนแปร ธรณีเหมือนแม่สุดรัก เหนื่อยหนักโถยังทนทาน ให้ชีวิตและดวงวิญญาณ ให้สมความต้องการของทุกคน

ธรณีให้ทุกทุกสิ่ง พึ่งพักพิงทุกแห่งทุกหน ธรณีให้ทุกทุกอย่าง ใครรู้ทางจะขุดจะค้น พืชพันธุ์อาหาร เลี้ยงตน แม้ลูกจะดิ้นรน ย่อมไม่พ้นมือได้ หากธรณีแม่นี้มีหัวใจ เลือดเนื้อเหงื่อไคล แม่ให้เราทุกคนธรณีพิลาปร่ำร้อง หม่นหมองระทมตรมทรวง ธรณีแม่ห่วงลูกรัก บาปหนักหรือจึงมัวมน เหยียบย่ำแม่ แผลเต็มตัวตน แม่ทุกข์ทนเท่าไรไม่สำคัญ

ธรณีแม่นี้กังวล ลูกทุกคนไม่ช่วยเหลือกัน ธรณีแม่นี้แสนเศร้า ลูกของเราเอาแต่ฆ่าฟัน แม่ให้ลูกสารพัน ลูกมาฆ่ากัน มันเกิดเพราะอะไร โอ้ธรณีแม่พิลาปร่ำไห้ เลือดลูกหลั่งไหล ช้ำใจแม่เหลือทน

(๖) เพลงอยู่เพื่อลูก

ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง

ลัดดาวัลย์ ประวัติวงศ์ ขับร้อง

http://www.sontayamusic.com/index.php?topic=17826.0

โถใจแทบขาด อนาถอกเอ๋ย ไม่เคยนึกเลยใจคน เหมือนโดนคมมีดกรีดกมล ปวดจนเหลือทนทานใจ  
ยอดชีวิตคิดมาทำลาย หนีไปมีใหม่ เยื่อใยไม่เหลือเลย
ใยเป็นเช่นนี้ไปได้ อายแสนอายไม่กล้าเปิดเผย เมื่อไปกับชู้คู่เชย เลยตามเลยถ้าหากแค่นั้น แต่มีลูกน้อยในครรภ์ มิน่าจะด่วนผัน ให้วันคลอดแล้วค่อยไป โธ่ลูกจ๋าพ่อมีเมียใหม่  รู้หรือไม่ว่าใจแม่โศกา
หวังพ่อยังอยู่ดูหน้าลูกน้อย ได้คอยร้อยพวงมาลา รับขวัญสวมใส่ให้แก้วตา เกิดมาสุขสันต์เปรมปรีดิ์ แต่กลับทุกข์คุกคามชีวี เพราะพ่อไม่มีเป็นที่พึ่งพักพา
แม่เคยได้คิดทำลาย ฆ่าตัวตายขจัดปัญหา จบเกมฉากเสียน้ำตา เกมมายาลวงหลอกแค่นั้น แต่มีลูกน้อยในครรภ์ ยั้งใจไว้ได้ทัน ยืดวันอยู่เลี้ยงดูลูก ไม่เป็นไรน้ำปลายังถูก สองแม่ลูกกอดคอคลุกข้าวกิน

(๗) เพลงขุดทองกลับบ้าน

อาจินต์ ปัญจพรรค์ แต่ง

ธานินทร์ อินทรเทพ ขับร้อง

http://www.4shared.com/audio/i2GNOt51/_-__.htm

เดินทางไกลไปหางานทำ ตาดำดำคอยอยู่เมืองไทย วันเดือนปีผ่านพ้นเลยไป ความดีใจก็ใกล้เข้ามา อดทนจนครบสัญญา ทุกวันได้ลามาพักผ่อน ออกโบยบินเหมือนนกขมิ้นเหลืองอ่อน กลับสู่รังนอน เมื่อตอนสนธยา

เครื่องบินต่ำใจเต้น แลเห็นชัดเจนนัยน์ตา บ้านเกิดเมืองมารดา ทุ่งนาแม่น้ำลำคลอง แดดสีทองท้องฟ้าสีเทา

ลงลานบินถิ่นของคนไทย เดินภูมิใจในบ้านของเรา ไปเมืองใดจะซึ้งใจเท่า เมืองไทยเราแสนสุขสบาย กอดลูกเมียไว้แนบกาย หายความห่วงใย ใจกระหยิ่ม อากาศเมืองไทยหายใจเต็มอิ่ม ร่ำรวยรอยยิ้ม อิ่มเอมหัวใจ

(๘) เพลงน้ำตาใจ

คำร้อง ประดิษฐ์ อุตตะมัง

ชินกร ไกรลาศ ขับร้อง

โถใครกระชากใจพี่ ปวดในฤดีเต็มทน พี่เองยังบ่นกับธรณี ว่าใจพี่คอยกานดา สุดถวิลแสนเวทนา โอ้ขวัญตามาร้างไกล

ยามพี่ร้องไห้ ธรณีก็คร่ำครวญ ยามพี่ร้าวรัญจวน ธรณีช่วยปลอบใจ แม่เอยลูกแสนอาลัย เขามาจากลูกไป ให้สะอื้น ลูกระทมหัวใจขมขื่น โหยสะอื้น คืนแห่งน้ำตา

เหมือนคนที่ขาดดวงใจ โลกจึงไร้คนไยดี เห็นมีแต่แม่ธรณี ที่ยังหวังดีลูกยา ลูกสิ้นหวังเขาจางร้างรา เก็บน้ำตารักษาใจ

ยามพี่หมองหม่น เจ้าจะทนอยู่อย่างไร ยามพี่ร้องไห้ เจ้าหัวเราะอยู่กับใคร แม่เอยแม่เห็นดวงใจ ของลูกผ่านไป ทางนี้หรือเปล่า ห่วงแลหา เพราะยังรักเจ้า โถเศร้า เพราะเราอยู่เดียวดาย

(๙) เพลง อาบน้ำตา

คำร้อง ประดิษฐ์ อุตตะมัง

ผ่องศรี วรนุช ขับร้อง (ร้องแก้เพลงน้ำตาใจ)

เสียงใครพร่ำบ่นกับธรณี ว่าปวดฤดีนานมา น้องเองยังร่ำอาลัย ปวดใจเหลือจะคณา สุดถวิลน้องจำใจลา อาบน้ำตาเก็บฝังดิน

จำใจฝืนพราก พี่ยังฝากรอยไว้ เก็บรอบจูบประทับใจ ยังอาลัยร่ำถวิล พี่เอยคำพ้อได้ยิน น้ำตาร่วงริน ดินบอกน้องว่าเศร้า ต้องลาร้าง โถทางเปลี่ยวเปล่า ฝืนเศร้า เราอาบน้ำตา

โถพี่ว่าขาดดวงใจ พี่จึงไร้คนเอ็นดู น้องเองยังอยู่กับธรณี ก็ใครเขาจะนำพา เกือบพลาดหวัง เหลือทางน้ำตา โศกโศกาเจ็บหัวใจ

ยามพี่หมองหม่น น้องจะทนอยู่อย่างไร ยามพี่ร้องไห้ น้องเองก็ปวดใจ แม่เอยลูกเหลืออาลัย แม่จงบอกเขาไป ว่าลูกสะอื้น ห่างกันแล้ว ลูกยังขมขื่น โหยสะอื้น ทุกคืนอาบน้ำตา

(๑๐) เพลงอำภาขายตัว

ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง

เพลงนี้นำเอาทำนองเฉพาะท่อน ๒ มาดัดแปลง

เจออำภาอยู่หน้าโฮเต็ล คืนเนื้อเย็นมาเร่ขายตัว คนเมืองตรังอยู่ใต้เหมือนกัน ไยนงคราญมาเกลือกทางชั่ว ไต่ถามได้ความหมองมัว ว่ามีเรื่องกับผัว จึงหนีจาก ฝากลูกชายไว้กับแม่จนมาก ถึงต้องบากหน้าเกเร่ขายตัว

เธอรำพันให้ฉันฟังว่า เป็นที่มาได้เจอะทางชั่ว แฟนขับรถตุ๊กตุ๊กทุกวัน การพนันเหล้าเกาะกินตัว ลูกเมียไม่สนเมามัว ฝืนทนจนหมดตัว จึงหนีเข้ากรุง อยู่โรงงานธูปยากันยุง หมายมุ่ง ทำงานส่งเสียลูกชาย

กรรมบันดาลตามผลาญอำภา โรงงานยาได้ถูกไฟไหม้ ยามตกงานสิ้นแล้วเงินตรา ดวงอำภาถึงดับสลาย แต่มีจดหมายลูกชาย ขอเงินมาจากใต้ เป็นค่าเทอมลูก แม่ยอมพลีร่างกายขายถูก เพื่อลูกต่อไปจะไม่ขอทำ

วันลาไกลสั่งเสียอำภา งานกามาเธออย่าถลำ คืนบ้านเราเถอะนะอำภา งานกามาเธออย่าฝืนทำ โกรธผัวแต่ลูกตาดำดำ คิดลืมจงอย่างทำ ความหลังที่แล้วมา กลับเมืองใต้นั่งขายเงาะดีกว่า หลงท่าขายตัวทางชั่วเมืองกรุง

                ๗. ในบรรดาเพลงที่ดัดแปลงทำนองมาจากเพลงธรณีกันแสงทั้งหมด ผมเห็นว่าเพลง “อยู่เพื่อลูก” ที่ลัดดาวัลย์ ประวัติวงศ์ขับร้อง มีความหมายและให้คติเตือนใจมาก คู่กับเพลง “อำภาขายตัว” เพราะความเป็นแม่คนนั้นสะท้อนความมีคุณธรรมจริยธรรมสูงสุดเหนือสิ่งใด จึงมีความเสียสละอันยิ่งใหญ่สูงสุดของแม่เพื่อลูก นอกจากนั้นเพลง”อำภาขายตัว” ยังให้แง่คิดความรักความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพลง “ธรณีพิลาป” นั้นให้แง่คิดด้านความรักสมัครสมานสามัคคีที่คนไทยควรมีอย่างยิ่งในภาวะที่มีความแตกแยกกันทางความคิดกันอย่างมากในเวลานี้ สำหรับเพลง "ขุดทองกลับบ้าน" สะท้อนชีวิตคนไปขายแรงงานที่ต่างประเทศและความรักในบ้านเกิดเมืองนอน ส่วนในแง่ของความไพเราะของเพลง น้ำเสียงและลีลาการร้องของผ่องศรี วรนุช และรวงทอง ทองลั่นทม สมกับที่เป็นศิลปินแห่งชาติ สำหรับบุษยา รังสี น้ำเสียงเพราะและร้องดีมาก เพียงแต่เสียงบางเสียง เช่น เสียง ฉ.เสียง ช. หรือเสียง ส.ผมยังฟังได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก ท่านผู้อ่านชอบเพลงใดของนักร้องคนใดบ้างครับ

 

วิพล นาคพันธ์

ปรับปรุงข้อมูล

๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๓

อ่านข่าวสารทั้งหมดของวิพล นาคพันธ์ ได้ที่ http://gotoknow.org/blog/wiphon/toc

หมายเลขบันทึก: 371989เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2010 15:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 22:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

  • มาเรียนรู้เรื่องเพลงค่ะ " ธรณีกันแสง"  ตกลงเขียนอย่างนี้ใช่มั้ยคะ
  • เป็นคนที่ชอบเพลงทุกเพลงที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดีค่ะ
  • ฟังเพลงมัทรีร้องไห้ http://gotoknow.org/blog/binladong/350844 ที่ขับร้องโดยคุณบุษยา รังสีแล้ว
  • คิดถึงตอนเด็ก ๆ เคยดู ลิเก เรื่องพระเวสสันดรค่ะ
  • ตอน กัณหา ชาลี เดินถอยหลังลงสระบัว ยังประทับใจอยู่ค่ะ
  • ขอบพระคุณนะคะที่ให้ข้อมูลเรื่องเพลง
  • จะขออนุญาตย้อนกลับไปอ่านบันทึกก่อน ๆ เพื่อเรียนรู้ค่ะ

การนำเพลงธรณีกันแสงมาเปล่าขลุ่ยเล่นหรือตีระนาดถือเป็นอวมงคลไหมครับ เห็นมีโน้ตให้ด้วย (เพิ่งเริ่มหัดเล่นไม่ทราบธรรมปฏิบัติ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท