แม่ถือกำเนิดหลังเกิดกบฏบวรเดช ๒๔๗๖ หนึ่งปี เป็นยุคของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ขุนศึกที่ขึ้นเป็นจอมพลและเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยนานที่สุด อีกทั้งจัดระเบียบและสร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นในสังคมไทยอย่างมากมายนับแต่เรื่องวัฒนธรรมไปจนถึงสถาบันและโครงสร้างเชิงอำนาจระดับรัฐ
มีการบังคับจริงจังให้คนเลิกกินหมาก กล่าวทักทายกันว่าสวัสดีและอำลากันว่าราตรีสวัสดิ์ ทำข้าวผัดและผัดไทยกินพร้อมกับออกกฏหมายป้ายบริษัทห้างร้านของชาวไทยจีนให้มีชื่อภาษาไทยอยู่ข้างบนและใหญ่กว่าชื่อภาษาจีนและภาษาต่างประเทศ ไปจนถึงใช้กำลังทหารยึดวังและทรัพย์สินของเจ้าหลายพระองค์
แต่ยุคนั้นแถวบ้านเกิดเมืองนอนของแม่ที่บ้านห้วยถั่ว อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพื้นที่ในเขตอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ดังปัจจุบันนั้น ยังคงเป็นป่าและที่รกร้างห่างไกลความเจริญ แทบจะไม่ค่อยมีการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกโดยเฉพาะราชการเลย เพราะอยู่ไกลไปหมดไม่ว่าจะไปทางตะพานหินจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ หรืออำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
แม่ รวมทั้งคนรุ่นแม่และก่อนหน้านั้น จึงมีไม่น้อยที่ไม่รู้วันเดือนปีเกิดของตนเองเลย เพราะการตั้งชื่อ แจ้งเกิด ออกสูติบัตร และแจ้งการตาย เพิ่งจะเริ่มทำอย่างสอดคล้องกับความเป็นจริงหลังปี ๒๕๐๐ มาแล้ว ก่อนหน้านั้นชาวบ้านใช้จำเอาแล้วก็ให้ผู้ใหญ่หรือคุณครูไปแจ้งอำเภอให้ ซึ่งบางทีก็รวมกัน ๔-๕ ปีจึงจะไปทำให้กันสักครั้งหนึ่ง ซึ่งก็จำสลับกันบ้าง ลืมบ้าง จำไม่ได้เลยช่วยกันคิดขึ้นเองเสียใหม่กับข้าราชการบนอำเภอนั่นเลยบ้าง
มองในทางพัฒนาสังคมและประชากรศึกษาแล้ว ก็ต้องกล่าวว่าแม่ได้ผ่านยุคการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและยุคการพัฒนาทางวัฒนธรรมมาหลายช่วง นับแต่ยุคส่งเสริมให้คนมีลูกมากเพื่อสร้างความเป็นมหาอำนาจตามแนวคิดชาตินิยมของผู้นำสมัยนั้น สู่ยุคการวางนโยบายและบูรณาการแผนพัฒนาทางประชากรของประเทศไทยในปี ๒๕๑๒-๒๕๑๔ เข้าสู่แนวนโยบายและแผนการพัฒนาสาขาต่างๆของประเทศ
กระทั่งคลื่นการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้ดำเนินไปตรงกันข้ามคือจากการส่งเสริมคนให้มีลูกมาก ก็กลายเป็นลดขนาดครอบครัวเหลือมีลูกครอบครัวละ ๑-๒ คน และในภาพรวมก็ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางอายุประชากรไปสู่การเป็นสังคมผู้สูงวัย ลดสัดส่วนพลเมืองเด็กและคนวัยหนุ่มสาวลงไปพร้อมไปกับมีกลุ่มประชากรสูงวัยเพิ่มมากขึ้น ลูกของแม่ทั้งหมดมีครอบครัวและลูกหลานรวมกันแล้วไม่เท่ากับแม่หนึ่งคนมีลูก ๗ คนเลย จึงนับว่าสร้างพลเมืองและทำสิ่งต่างๆให้สังคมได้ไม่ถึงเสี้ยวของแม่
เวลาแม่คลอดน้องๆออกมาเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและเป็นวิถีสุขภาพแบบชาวบ้านเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แม่คลอดลูก ๗ คนที่บ้าน หมอตำแยสำหรับทุกคนก็คือยาย ยายหนู เกษาแสง แม่ของแม่เอง ในหมู่บ้านและชุมชนแถวบ้านเกิดผมนั้น มีสตรีที่สามารถทำคลอดและเป็นหมอตำแยได้ ๒ คน คือ แม่ใหญ่แดงบ้านใต้ และยายหนู
แม่ใหญ่แดงก็มาช่วยและอยู่ดูแลแม่ตอนคลอดลูก ๗ คนในช่วง ๑๐ ปี แต่ยายหนูเป็นคนทำคลอดให้พวกเราทุกคน ก่อนแม่คลอด พ่อและพวกที่เป็นรุ่นพี่ๆของกันและกันก็จะหาฟืนอยู่ไฟและเตรียมสิ่งต่างๆเพื่อให้แม่คลอดและรับสมาชิกใหม่มาสู่บ้านของเรา เป็นห้วงเวลาที่ให้ประสบการณ์ชีวิตอันแสนประหลาด ทำงานกันไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเพราะใจไม่หันเหไปสู่สิ่งอื่นเลยนอกจากตื่นเต้น อยากได้น้อง และกลัวแทนแม่
หลังคลอด ตัดสายสะดือด้วยผิวไม้รวกที่ยายเตรียม และอาบน้ำล้างคราบไขออกจากตัวเด็กแล้ว ก็ให้นอนในกระด้ง แม่จะนอนอยู่ไฟและใช้ชีวิตภายใต้การดูแลของยาย พ่อ แม่ใหญ่แดง และทุกคน อย่างใกล้ชิด แม่ต้องไม่อาบน้ำและนอนบนซีกไม้ซึ่งพ่อวางแผ่นสังกะสีก่อฟืนไฟให้ความร้อนเพื่อการอยู่ไฟของแม่ หากจะเช็ดเนื้อตัวก็ต้องต้มสมุนไพรในหม้อดินเป็นพวกไพล ข่า ใบมะขาม ให้แม่ดื่มและเช็ดตัว ข้างๆก็เจาะพื้นบ้านด้วยสังกะสีให้แม่ถ่ายหนักเบาอยู่บริเวณใกล้ๆนั้น
ใต้ถุนบ้านก็ขุดหลุม ทำเป็นส้วมหลุมชั่วคราวให้แม่ ลึกพอที่พวกเราจะเอาขี้เถ้าและดินกลบให้แม่ทุกครั้งโดยไม่เต็มหลุมกระทั่งแม่หยุดอยู่ไฟ รกของแต่ละคน พ่อจะนำไปฝังในกอไผ่หรือไม่อย่างนั้นก็กองไว้ตรงที่ก่อไฟให้แม่อยู่ไฟ ซึ่งก็จะแห้งและหายไปเอง
แถวบ้านผมชอบมีเรื่องผีกระสือว่าชอบกินไส้ รก และกินเด็ก ดังนั้น กลางคืนระหว่างแม่อยู่ไฟ พี่ชายผม ผม และบางครั้งก็น้องๆและเพื่อนๆจากบ้านญาติพี่น้อง ก็มักจะซุ่มแอบดูเข้าไปในความมืดนอกบ้าน โดยเฉพาะบริเวณใต้ถุนที่ทำเป็นหลุมรองรับการขับถ่ายของเสียจากร่างกายแม่ ทำเป็นเฝ้ายามและเตรียมลุยกับผีกระสือ ซึ่งดูแล้วก็เหมือนกับว่าเป็นกิจกรรมเล่นของเด็กๆ ทว่า ในตอนนั้น มันเป็นความจริงจังเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่และร่วมดูแลทุกข์สุขของแม่ร่วมไปกับผู้ใหญ่ซึ่งก็นั่งคุยกันไม่หลับไม่นอน สลับกับเสียงเด็กร้องอุแว๊-อุแว๊
ความรักและเห่อน้องมีมากขนาดที่แม้น้องจะขี้ใส่เวลาอุ้มหรือฉี่พุ่งใส่หน้า ก็นั่งหัวเราะและยังอยากเข้าไปห้อมล้อม อยากแย่งกันจับและอุ้มน้องแรกเกิดกัน
กิจกรรมสุขภาพแบบพึ่งตนเองในวิถีชาวบ้านและการทำเพื่อสุขภาวะทางจิตวิญญาณเมื่อแรกเกิดอีกอย่างหนึ่งคือการต้อนรับจิตวิญญาณและผูกแขนรับชีวิตใหม่เข้ามาเป็นลูกหลานของแม่และทุกคน
หลังการเกิด ๓ วัน พ่อก็จะเตรียมอู่มาแขวน แล้วก็เอากล้วยน้ำว้าสุก ๑ ลูก ข้าวสวยปั้นเล็กๆ ๑ ก้อนวางลงในอู่เพื่อมอบเป็นของต้อนรับลูก จากนั้น ยายหรือญาติคนหนึ่งก็จะยกกระด้งขึ้นหมุนช้าๆ พร้อมกับร้องว่า “ลูกของใครหนอ หากเป็นลูกสู ก็ให้มารับเอาไปเถิด หลังจากนี้แล้ว ก็เป็นลูกหลานของกู” ร้องซ้ำๆและวนกระด้ง ๓ รอบแล้วก็วางลง จากนั้น ก็จะอุ้มลูกแม่ไปวางลงในอู่ให้พ่อและญาติๆเริ่มไกวเปล
แม่อยู่ไฟหลังการคลอดลูกแต่ละคนไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยแล้วก็จะอาทิตย์กว่าและไม่ถึง ๒ สัปดาห์หรือ ๑๔ วัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีเรื่องการห่วงการทำนาไร่ ดูแลงานบ้าน และดูแลลูกๆเท่านั้น ที่จะทำให้แม่ต้องรีบแข็งแรงและเลิกอยู่ไฟ ช่วงที่แม่อยู่ไฟ อาหารการกินทุกอย่างไม่อร่อยเลย แม่จะกินข้าวต้มกับเกลือ อย่างมากก็ปลาเค็ม และผมกับลูกๆทุกคนของแม่ก็ยินดีที่จะกินทุกอย่างเหมือนแม่หรือตามแต่จะมีให้กิน เพราะเป็นช่วงห่วงแม่และเห่อน้อง ไม่ค่อยหิวข้าวและเล่นอย่างอื่นก็ไม่ค่อยสนุก.
สวัสดี ครับ อาจารย์
ผมเข้ามาชื่นชมงานเขียนของอาจารย์ ครับ
สุขภาวะในองค์รวมแห่งชีวิต
...ศิษย์เก่า ม.ที่อาจารย์สอน คนหนึ่งครับ
(เสียดาย ที่ไม่เคยได้ฟัง lecture แต่ก็ภูมิใจครับ ที่มีโอกาสพบตัวตนของอาจารย์ ที่นี่)
อาจารย์ครับ
เห็นงานเขียนนี้แล้วทำให้นึกอยากเขียนการคลอดลูกของชาวปกาเกอะญอเลยครับ
คิดว่าลงหมู่บ้านคราวหน้าจะเก็บข้อมูลเรื่องราวนี้มาฝากชาว gotoknow ครับ
อาจารย์ครับ
ผมนี่ชาวบ้านแท้ ๆ เลยครับ ได้เรียนหนังสือเพราะบวชเรียน
หากอาจารย์จะลงไปเยี่ยมชุมชนปกาเกอะญอ ถ้าผมจะมีประโยชน์บ้าง (แนะนำ/พาไป ฯลฯ) ก็ยินดีนะครับ
ล่าสุดเมื่อสักสองเดือนที่แล้วผมพาทีมวิจัยของ อ.สุกรี ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ลงพื้นที่หมู่บ้านลาหู่และปกาเกอะญอที่ตาก หลายแห่ง เพื่อเก็บข้อมูลดนตรีชาติพันธ์ สนุกมากครับ ได้ไปกับนักวิจัย/นักวิชาการ ทำให้เรามีแง่มุมไปมองปรากฏการณ์เดิม ๆ ที่เคยเห็น
ผมไม่ค่อยจะมีดีทางศิลปะเท่าไรครับ แต่สนใจแนวคิดที่อาจารย์แนะนำ ไม่รู้จะฝึกขึ้นหรือเปล่า
ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำครับ
ตื่นเต้นมาก ๆ กับคำแนะนำของอาจารย์ครับ
ชักอยากจะฝึกจริง ๆ ซะแล้ว
หมอตำแยที่ทำคลอดครูอ้อยเล็กชื่อหมอพิม..เป็นหมอตำแยดังอยู่โพรงมะเดื่อ หมอพิมนี้ทำคลอดให้แม่คลอดน้องอีก 2คนต่อมา ส่วนคนสุดท้องแม่ไปคลอดที่โรงพยาบาลคามิลโล บ้านโป่ง ราชบุรี...
แม่เล่าให้ครูอ้อยเล็กฟังไว้เป็นความรู้ว่าเมื่อคลอดอ้อยออกมาอ้อยนอนเงียบอยู่สามวันเป็นปกติของทารกหลังจากสามวันไปแล้วอ้อยเริ่มร้องไห้ ร้องทั้งวันทั้งคืนจนสะดือโป่ง แม่ก็คิดว่าสะดือโป่งเพราะว่าร้องมาก 7 วันแล้วที่ร้องติดต่อกันจนแม่เครียดลูกคนแรกทำไรไม่ค่อยถูก จนแม่สังเกตเห็นหนองที่สะดือเริ่มซึมออกมา แม่จึงรู้ว่าเหตุที่ลูกสาวร้องไห้ไม่เลิกเพราะสะดืออักเสบกลัดหนองนี่เอง..แม่ตัดสินใจเป็นตายเท่ากันแม่ว่าอย่างนั้นนะคะ..แม่ให้พ่อเหลาไม้ไผ่ให้แหลมที่สุดนำไปต้มน้ำฆ่าเชื้อ..มาสะกิด แม่บอกว่าหนองทะลักอออกมาอย่างท่วมท้นแม่หาไรไม่เจอเลยหยิบชามตราไก่ที่จะบดข้าวให้ลูกกินมาลองใส่ไว้เพื่อดูปริมาณของหนอง..แม่บอกว่ามันมากเป็นชามตราไก่เลยลูก..สยองแต่เด็กเลยเรา..ฮา..หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแม่บอกว่าอ้อยนอนเงียบเลยความสงบสุขจึงบังเกิดมีแด่แม่...น้อง 2 คนนั้นแม่จึงระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางสะดือค่ะ..อโหสะดือ..งิๆๆๆ
เจริญพรโยมอาจารย์วิรัตน์และผู้อ่านทุกท่าน
ขอเจริญพร
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
พี่เราเข้ารอบแล้วยินดีด้วยค่ะคุณครูพี่ม่อย
เจริญพรโยมอาจารย์วิรัตน์และผู้อ่านทุกท่าน
ขอเจริญพร
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
เห็นหนานเกียรติลงไปเก็บข้อมูลเรื่องดนตรีมา เลยเอารูปแตรวงมาฝากครับ
เมื่อก่อนผมเล่นแตรวง รูปแตรวงนี้เป็นแตรวง ช.ลูกทุ่ง ผมเล่นอยู่ ๕-๖ ปี ที่อำเภอหนองบัว นครสวรรค์ เป็นแตรวงของชาวนาครับ ในรูป แตรวงกำลังแห่นาคเพื่อไปอุปสมบท ต้องออกจากหมู่บ้านตั้งแต่ยังไม่สว่าง และต้องเป่าแห่ไปตลอดทาง บางครั้งก็ต้องนั่งบนหลังคารถบรรทุกอย่างในภาพ ในเทศกาลที่มีการบวชนาค ชาวบ้านและคนเฒ่าคนแก่ได้ยินเสียงแตรวงก็สามารถร่วมอนุโมทนาบุญไปได้ตลอดเส้นทางที่แห่นาค
สวัสดีค่ะอ. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
ติดตามอ่านงานของอาจารย์อยู่อย่างสม่ำเสมอค่ะ
อ่านแล้วคุ้มค่าเวลา ได้กลิ่นอายของการลงพื้นที่เก็บข้อมูลช่วงที่คนไม่มีรากเรียนป.โท วัฒนธรรมศึกษาค่ะ
สนุกมากและยังได้ชมภาพลายเส้นที่มีชีวิตชีวาของอาจารย์อีกด้วย
เห็นมิติของวิถีชีวิตอย่างเป็นองค์รวมอย่างแท้จริงค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์
ความรักและเห่อน้องมีมากขนาดที่แม้น้องจะขี้ใส่เวลาอุ้มหรือฉี่พุ่งใส่หน้า ก็นั่งหัวเราะและยังอยากเข้าไปห้อมล้อม อยากแย่งกันจับและอุ้มน้องแรกเกิดกัน
ผมกับลูกๆทุกคนของแม่ก็ยินดีที่จะกินทุกอย่างเหมือนแม่หรือตามแต่จะมีให้กิน เพราะเป็นช่วงห่วงแม่และเห่อน้อง ไม่ค่อยหิวข้าวและเล่นอย่างอื่นก็ไม่ค่อยสนุก.
สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ครับ
สวัสดีปีใหม่ไทย..สุขใจเบิกบาน ทุกข์ภัยอย่ามี อย่าเจ็บ อย่าจน ไปทุกแห่งหนผู้คนรักใคร่พูดจาปราศรัยทุกคนพอใจ..พบคนมากมายล้วนมีน้ำใจและไมตรี
ด้วยจิตคาระวะค่ะพี่อาจารย์