๘๐ ปี อาจารย์สมบูรณ์ กล่ำสมบัติ
รำลึกและคารวะครูชาวศิลป์ราชบุรี
เสาร์ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ณ รีสอร์ตสวนผึ้ง ราชบุรี
คารวะอาจารย์และ Home Coming Day ของชาวศิลป์ราชบุรี
งานรำลึกและคารวะครูชาวศิลป์ราชุบรี ๘๐ ปีอาจารย์สมบูรณ์ กล่ำสมบัติ ได้จัดขึ้นอย่างงดงามสมเกียรติ เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวศิลป์ราชบุรีไปร่วมงานกันมากที่สุดอีกงานหนึ่ง อาจารย์ประสบอุบัติเหตุและต้องเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน ไปร่วมงานไม่ได้ แต่ชาวศิลป์ราชบุรีก็ยังคงจัดและอยู่ร่วมงานกันด้วยบรรยากาศของการย้อนรำลึกสิ่งต่างๆด้วยกันของชาวศิลป์ราชบุรี ถึงแม้จะเป็นการจัดนอกสถานที่ แต่ผู้คนและเรื่องราวความประทับใจมากมายในชีวิตการศึกษาเล่าเรียนของชาวศิลป์ราชบุรี ก็ทำให้ทุกคนได้อยู่ในบรรยากาศเสมือนได้หวนคืนสู่บ้าน
รีสอร์ตสตูดิโอกลางสวนป่าของสมาชิกชาวศิลป์ราชบุรี
สถานที่จัดงานในอำเภอสวนผึ้ง ไกลออกไปจากตัวเมืองราชบุรีสู่แนวป่าตะวันตกเพียง ๔๐ กว่ากิโลเมตร หลังพ้นจากชุมชนเมืองหลังเขาแก่นจันทร์แล้วค่อยๆกลายเป็นย่านชนบท กระจายหายเป็นป่าโปร่งสลับกับแหล่งทำไร่และเนินเขาเตี้ยๆต่อเนื่องกันไปกว่า ๓๐ กิโลเมตร เข้าเขตอำเภอสวนผึ้งและเลยออกไปเพียงไม่ถึง ๑๐ นาทีก็แยกเข้าสู่แนวป่าละเมาะ มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ...๘๐ ปีครูชาวศิลป์ราชบุรี
รีสอร์ตบ้านดินและสตูดิโอ
แนวคิดหลักของรีสอร์ตที่เป็นสถานที่จัดงาน เป็นรีสอร์ตสตูดิโอที่รวมกลุ่มบุกเบิกริเริ่มไปด้วยกัน ๕ เจ้าโดยสมาชิกชาวศิลป์ราชบุรี ๒-๓ รุ่น คือ ก๊อง จากรุ่น ๑ ปื๊ดและมงคล(เด้ง) สุวัฒน์ รุ่น ๒ และมงคล คูบัว รุ่น ๓ ทำเป็นที่พักสำหรับทำงานและเป็นที่พักของกลุ่มที่ต้องการเข้าไปพักกลุ่มเล็กๆได้ เจ้าละ ๕- ๗ ไร่ต่อเนื่องกันบนพื้นที่ริมแม่น้ำสวยงามกว่า ๒๕ ไร่
บรรยากาศโดยรอบยังเต็มไปด้วยสภาพดิบๆเดิมๆ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างและความทันสมัยมากนัก ก๊อง ปื๊ด และหมู่เพื่อนเล่าว่า ต้องการทำให้เป็นแหล่งอยู่ด้วยกัน และจะจัดเป็นที่พักให้แก่แขกกลุ่มเล็กๆที่ไม่ได้เน้นความสะดวกสบายแต่ต้องการแหล่งที่มีความสงบเงียบสำหรับทำงานหรือประชุมกันกลุ่มเล็กๆ ไม่ได้มุ่งทำเป็นธุรกิจ
เวทีจัดงานกลางลานทรายในเวิ้งลำน้ำที่แห้งขอด
เวทีจัดงาน เป็นกองทรายแม่น้ำที่พูนขึ้นเป็นเวทีขนาดพอเหมาะ แม่น้ำยามน่าแล้งแห้งขอดเห็นฝั่งสูงราวตึก ๓ ชั้น ในหน้าน้ำหลากน้ำจะเต็มฝั่ง บริเวณงานตบแต่งอย่างง่ายๆ ทว่า ด้วยมืออาชีพของชาวศิลป์ราชบุรีที่ออกไปทำเอเจนซี่สื่อโฆษณาและโรงพิมพ์
กระโจมอินเดียนแดงและที่นังที่ทำด้วยก้อนฟางข้าว ที่นำมาสุมกองเป็นหย่อมๆ ช่วยให้ได้ความกลมกลืนกับบรรยากาศแบบชนบทป่าเขา พวกเราชาวศิลป์ราชบุรีนั่งกระจายกันเป็นกลุ่มๆและเดินแวะเวียนทำความรู้จักทักทายกันไปมาได้ทั่วอย่างทั่วถึง
ช่วยกันทำให้อาจารย์
เหลิม อาสาทำเสื้อและของที่ระลึกแจกจ่ายแก่ทุกคนที่มาร่วมงาน ผมเองก็ร่วมทำหนังสือทำเอง โดยรวบรวมเอาบทความที่เขียนเผยแพร่เรื่องราวของอาจารย์และเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะในเว็บบล๊อก ๒ แหล่งคือ ในเว็บบล๊อก oknation และเว็บบล๊อก GotoKnow มาทำเป็นหนังสือเย็บเล่มได้ ๖ เรื่อง นำไปเป็นของที่ระลึกให้กับงานที่ช่วยกันทำเพื่ออาจารย์ในครั้งนี้ โดยวางแจกจ่ายที่โต๊ะลงทะเบียนเป็นเอกสารแจกฟรีแก่ผู้ที่สนใจแยกเรื่องละชุดจำนวนหนึ่ง และรวมเป็นเล่มเดียวกันสำหรับมอบให้แก่อาจารย์และกลุ่มเพื่อนๆน้องๆที่เป็นครูอาจารย์ศิลปะที่มักได้แลกเปลี่ยนความรู้กันอีก ๑๐ เล่ม
บันทึก ๖ เรืื่องที่นำไปทำแจกจ่ายแก่คนศิลปะ และรวมทำเป็นเล่มมอบแด่อาจารย์และครูอาจารย์ศิลปะ คือ ....
๑. หมู่นกในเพลงฝนโปรยปราย
๒. การศึกษาเรียนรู้ศิลปะอย่างเป็นองค์รวม : ครูสมบูรณ์ กล่ำสมบัติ
๓. งานสีน้ำเมื่อ ๓๐ ปีก่อนที่เพื่อนเก็บรักษาไว้และนำมามอบให้ในวันนี้
๔. แสง-เงาและไรแดด : วิถีคิดและความส้รางสรรค์ทางศิลปวิทยาที่เก่าแก่และก้าวหน้าที่สุดแนวหนึ่ง
๕. Assemblage, Junk, and Land Art : เมื่อขยะ ตึกร้าง สื่อสะท้อนและบอกเล่าวิถีเมือง
๖. ศิลปะเพื่อการพัฒนาสาธารณสุขและคุณภาพชีวิต : ศิลปะจากความรักและเมตตาธรรมโรงพยาบาลราชบุรี
เรื่องอื่นๆนั้นเผยแพร่อยู่ในเว็บบล๊อก GotoKnow.org แต่เรื่องหลังนี้เผยแพร่อยูในเว็บบล๊อกโอเคเนชั่น ซึ่งเมื่อมีเพื่อนๆน้องๆจำนวนหนึ่งอ่านเจอ ก็มีน้อง ๒ คน เข้ามาแนะนำตนเองว่าเขาเป็นทีมดูแลงานทางด้านทัศนศิลป์อยู่ที่สวนศิลป์บ้านดินที่เจ็ดเสมียนของครูเล็ก ภัทราวิดี มีชูธน และกลุ่มลูกศิษย์ อีกทั้งยังจำกิจกรรมที่ผมได้ไปทำและเขียนถ่ายทอดไว้ในเอกสารที่นำไปเผยแพร่ แต่เข้าใจว่าเป็นกิจกรรมของโรงพยาบาลราชบุรี ไม่ทราบว่าคนที่ไปทำมีรุ่นพี่จากศิลปะราชบุรีด้วย
เล่นกันเองจากระดับมืออาชีพ
บนเวทีก็มีพวกเราหมุนเวียนขึ้นไปเล่นดนตรี ร้องเพลง และชวนกันพูดคุย แน่นอนว่าหลายคนที่ขึ้นไปเล่นกันเองนั้นเป็นระดับมืออาชีพที่จะหาฟังทั่วไปได้ไม่ง่ายนัก แม้เป็นคนกันเองที่ได้นั่งฟังก็ต้องออกปากว่าเล่นดีและร้องเพราะกันทั้งสิ้น ทั้งบนเวทีกับกลุ่มผู้ชมต่างตะโกนและสนทนากันไปมาอย่างสนุกสนาน
อาจารย์จำเป็นต้องงดไปร่วมงานกระทันหันแต่งานเพื่ออาจารย์ก็ยังคงดำเนินต่อไป
ก่อนจะมืดค่ำ พวกเราจำนวนหนึ่งก็ต้องขึ้นเวทีแจ้งแก่ชาวศิลป์ราชบุรีทุกคนให้ๆได้ทราบสถานการณ์ที่ไม่ได้ตั้งเนื้อตั้งตัวกันมาก่อน คือ ท่านอาจารย์สมบูรณ์ท่านประสบอุบัติเหตุขับรถชนต้นไม้ ทราบว่าอาจารย์ได้รับบาดเจ็บไม่ร้ายแรงนัก แต่ลูกๆ ครอบครัว และแพทย์ ก็ต้องการให้อาจารย์ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ เลยให้อาจารย์นอนพักอยู่ในโรงพยาบาลและต้องงดไปร่วมงานอย่งกระทันหัน
ทุกคนส่งใจไปน้อมคารวะและเป็นกำลังใจแด่อาจารย์ อีกทั้งอาจารย์อยู่ในใจของทุกคนเสมอ ดังนั้น จึงไม่งดจัดงานและถือเป็นโอกาสได้พบปะกันฉันท์เพื่อนพ้องน้องพี่ด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นที่นานทีปีหนจึงจะได้มีโอกาสอยู่ในบรรยากาศเช่นนี้ด้วยกัน ทีมจัดงานตั้งเครื่องฉาย LCD ฉายเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์ หมุนวนตลอดงาน
ภาพย้อนรำลึกรุ่น ๑
อาจารย์วิชาญ ศริริเวชช์ อาจารย์สัญญลักษณ์ สำรวมจิตต์ และคณะจากวิทยาอาชีวศึกษากาญจนบุรี นำเอารูปถ่ายของศิลปะราชบุรีรุ่น ๑ มาอัดขยายและเข้ากรอบให้ทุกคนเซ็นชื่อด้านหลังภาพ เพื่อน้อมคารวะและมอบแด่อาจารย์ มองดูรูปเห็นหน้าตากันแล้วก็ทั้งได้รำลึกถึงและอาลัยหา บ้างไปทำงานอยู่ต่างประเทศ บ้างไปเป็นโปแกรมเมอร์ บ้างไปเป็นครูอาจารย์ ในสถานศึกษาและสถาบันการศึกษาทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับประเทศ บ้างไปทำธุรกิจ บ้างไปเป็นมือกราฟิคอาร์ตทั้งของภาคธุรกิจเอกชนและองค์กรของรัฐ อีกทั้งเริ่มเสียชีวิตจากหายกันแล้วคนสองคน
อยากให้จัดอีก
ทุกคนต่างก็ได้ความประทับใจ รู้สึกขอบคุณและต้องขอชื่นชมกลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ได้ช่วยกันริเริ่มจัดงานอย่างนี้กันขึ้นมา ปื๊ด สุวัฒน์ และก๊อง นั้น ได้คุยให้ผมได้ทราบความตั้งใจว่าอยากจัดอย่างนี้อยู่เป็นระยะๆ ผมเห็นด้วยและขอสนับสนุนความคิดนี้ แต่ร่วมเสนอแนะว่าควรจะมีกิจกรรมย่างอื่นก่อนถึงงานพบปะสังสรรค์กันในตอนเย็น เช่น ควรจะมีการมานั่งเขียนรูปและนำเอาเรื่องราวต่างๆมานั่งเสวนาแบ่งปันประสบการณ์กัน รวมทั้งได้เห็นความเป็นมาเป็นไปในชีวิตกันและกันอย่างทั่วถึง ใครมีผลงานและประสบการณ์ต่างๆในช่วงที่ห่างหายกันไปก็จะได้นำมาแบ่งปันกัน จากนั้นค่อยจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ตอนเย็น
รวมทั้งอาจจะมีสักครั้งหนึ่งที่ร่วมกันแสดงผลงาน อาจจะจัดในตัวเมืองราชบุรีทิ้งไว้สักอาทิตย์หนึ่ง แล้วระหว่างนั้น ก็ไปจัดเวิร์คช็อปและงานสังสรรค์กันสำหรับชาวศิลป์ราชบุรีในบรรยากาศเหมือนอย่างครั้งนี้ไปด้วย.
ขอบคุณดอกไม้จากคุณเอกจตุพรครับ
ผมได้ติดต่อเพื่อนๆเพื่อทราบข่าวอาจารย์แล้ว
มีพวกเราไปยี่ยมอาจารย์แล้วและอาจารย์เดินเหิน เคลื่อนไหวและสนทนาได้ตามปรกติ ไม่ได้บาดเจ็บมาก ไม่หนัก
ขอบคุณค่ะ..เป็นงานที่น่าประทับใจ..สะท้อนการร่วมใจที่เป็นบุญกุศล.. ความรักสามัคคี ที่สมควรต่อยอดได้อีกมากมาย..
..ขอให้กำลังใจ อ.สมบูรณ์ ให้ท่านฟื้นคืนสู่ความสมบูรณ์ด้วยดีนะคะ..
ขอขอบพระคุณดอกไม้จากพี่ใหญ่ครับ
พี่ใหญ่มาเยี่ยมชมพอดีเลย กะว่าหลังจากกลับมาจากงานของอาจารย์แล้ว จะเข้าไปแสดงความขอบคุณพี่ใหญ่สักหน่อยนะครับที่ชวนผมคุยเรื่องศิลปะหลายเรื่อง และบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องแสง-เงา และไรแดดซึ่งเป็นการต่อยอดศิลปะภาพถ่ายกับพี่ใหญ่โดยตรงเลยทีเดียวนั้น ทำให้ผมมีเรื่องราวดึงออกไปทำหนังสือมอบคารวะอาจารย์และนำไปแบ่งปันกับเพื่อนๆน้องๆได้เป็นอย่างดีเลยครับ แต่ไม่สามารถมอบได้ทั้งหมด ทำได้เพียงจำนวนหนึ่งเพื่อมอบให้แก่คนที่เป็นครูอาจารย์ศิลปะ และคนที่ทำโครงการศิลปะกับการพัฒนาทางด้านต่างๆ เผื่อจะได้ใช้เป็นความรู้สำหรับทำงานความคิด ต้องขออนุญาตและขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
สวัสดีค่ะ
มาแอบดูกิจกรรมและความงดงามในบ้านอาจารย์ค่ะ
พี่อาจารย์ภาพแรกนั่งแถวหน้าขวามือสุด...อาจารย์สมบัติ...อาจารย์สอนอ้อยสมัยอยู่อาชีวคอนถม...แล้วท่านก็ย้ายไเทคนิคราชบุรี..และก็ไปเขียนผนังโบสถ์วัดบนเขาที่พี่อาจารย์เคยโพสต์ไว้น่ะค่ะ...
สวัสดีค่ะ..
ดีใจ และมีความสุขมากที่ได้ไปร่วมงานครั้งนี้ได้เจอเพื่อนๆ และรุ่นพี่ และ รุ่นน้องที่เคยเห็นหน้ากันตอนที่เรียนกับอาจารย์.. ทำให้นึกถึงวันเก่าๆๆ น่าเสียดายนะค่ะที่อาจารย์ท่านไม่สามารถมาได้ แต่พวกเราทุกคนก็ได้ส่งกำลังใจไปให้ท่านด้วย..
จากเด็กรุ่น10ค่ะ
สวัสดีครับคุณณัฐรดาครับ
ที่จัดงานนี้ คุณณัฐรดาซึ่งเป็นคอศิลปะด้วยเหมือนกัน
ไปแล้วต้องชอบและต้องอยากนั่งเขียนรูปเลยละครับ
บรรยากาศดีมากครับ ผมเสนอให้เพื่อนๆน้องๆเจียดสักที่หนึ่ง
ทำเป็นลานเอนกประสงค์ นั่งภาวนาและล้อมวงเสนากันได้
จะเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติมากเลยละครับ
หากทำออกแนวนี้ ก็น่าจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าอีกแบบ
ที่สอดคล้องกับบุคลิกของรีสอร์ตสตูดิโอ
สวัสดีครับหนูคุณครูอ้อยเล็ก
อาจารย์สมบัติเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับพี่น่ะครับ
เขาเป็นมือหนึ่งคนหนึ่งทางจิตรกรรมไทยและจิตรกรรมประเพณี
ตอนนี้ก็ยังหุ่นอย่างนี้และบุคลิกอย่างนี้เปี๊ยบเลยละครับ
สวัสดีครับน้องรุ่น ๑๐ ครับ
เป็นโอกาสหนึ่งที่เป็นความประทับใจของชาวศิลป์ราชบุรีทุกคนเลยนะครับ
วันนี้ ช่างเป็นวันที่แสนประหลาดวันหนึ่งที่ได้พบกับมือเขียนป้ายคัตเอ๊าท์หรือป้ายโปสเตอร์โรงหนังเฉลิมไทยซึ่งถือว่าเป็นมือหนึ่งของประเทศไทยและเป็นส่วนหนึ่งของตำนานบนถนนราชดำเนิน น้องๆที่ีมหาวิทยาลัยมาชวนไปกินข้าวเหนียวกันที่ร้านริมคลอง แต่บังเอิญที่ร้านปิด ก็เลยหาทางไปเรื่อยๆ ผมให้นึกถึงร้านแห่งหนึ่งที่ริมถนนรัตนาธิเบตเนื่องจากทำร้านเหมือนแกลลอรี่และมองเห็นแกรนด์เปียโนอยู่ข้างใน ผมเลยออกปากว่าอยากไปร้านนี้ เพื่อถือโอกาสไปดูรูปเขียน และเมื่อเห็นแกรนด์เปียโนก็ให้นึกอยากฟังเพลงร้องที่ร้องกับเปียโน
เมื่อไปแล้ว ระหว่างนั่งกินข้าวก็กระซิบแก่เด็กในร้านว่า ช่วยไปถามเจ้าของให้ร้านหน่อยได้ไหมว่าหากผมต้องการเดินขึ้นไปดูรูปเขียนที่ห้องกระจกชั้นบนของร้านซึ่งผมมองเห็นเมื่อนั่งรถผ่านไปมา จะได้ไหม เด็กก็อุตส่าห์วิ่งกลับไปมาสองสามรอบ ในที่สุดก็ทราบว่าเขาอนุญาตให้ขึ้นไปดูได้ พอขึ้นไปและได้คุยกันแล้วก็ต้องนึกอุทานในใจ เนื่องจากได้ไปเจอคนต้นเรื่องเข้าอย่างจังในด้านการเขียนป้ายโปสเตอร์ของโรงหนังเฉลิมไทยซึ่งในวงการทำหนัง สื่อบันเทิง และวงการศิลปะ ต้องยกให้ว่าเป็นหนึ่งของประเทศไทย
ผมให้นึกถึงเลิศชาย สินเสริฐ ศิษย์เก่าราชบุรีรุ่นที่ ๑ มือเขียนใบปิดหนังและมือทำการ์ดที่ระลึกคนหนึ่งขององค์การโทรศัพท์ รวมทั้งนึกถึงท่านอาจารย์สมบูรณ์ของเรา เพราะพี่ท่านที่ผมได้เจอนี้ เป็นผู้อยู่ในกลุ่มของเปี๊ยกโปสเตอร์ ศิษย์เก่าแก่ของเพาะช่าง ผมได้สนทนากับท่านอยู่พักหนึ่งและได้ขออนุญาตไว้ล่วงหน้าว่าจะขอไปคุยอีกเรื่อยๆเพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวที่เป็นหมายเหตุทางสังคมในอีกมิติหนึ่งนี้ไว้ให้ได้ สักนิดหน่อยก็ยังดี
สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์
ไวจริงๆนะครับอาจารย์ณัฐพัชร์
พี่เขาเขียนเพื่อย้อนรำลึกให้ดูกันจะๆเลยว่า
เมื่อก่อนในยุคที่ยังไม่มีเลตเตอร์เพรสนั้น
ต้องเขียนตับริบบิ้นกันด้วยมืออย่างนี้นี่เอง
เห็นใบปิดและผลงานมากมายแล้ว
ชาวศิลป์ต้องตาลุกเลยละครับ
สวัสดีค่ะ ท่าน ดร.
ประทับใจมากค่ะกับงานที่มีพี่น้องของเราชาวศิลป์ไปร่วมกันมากมาย
แต่เสียดายที่ไม่ได้อยู่ค้างคืนเพราะติดภาระหน้าที่ แต่ก็คุ้มค่ากับการได้ไปพบปะพี่ ๆ
เพื่อนๆ ของพวกเรา......
ถ้าจัดเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะคะ ไปแน่ๆๆๆค่ะ....