เว็บศูนย์รวม "โยคะสารัตถะ |
ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์
คอลัมน์ ; โยคะวิถี
โยคะสารัตถะ ฉ.พฤษภาคม ๒๕๕๑
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กลับไปจำหลักช่วงสั้นๆ กับครูอายุรเวทของผมที่อินเดีย มิตรรุ่นน้องซึ่งใฝ่ฝันอยากเป็นโยคินีในสายงานของเธอ* เขียนอีเมล์ไปเล่าสารทุกข์สุขดิบให้ฟังตบท้ายด้วยการเล่าสั้นๆ ว่าเธอเพิ่งได้รับหนังสือพุทธศาสนาสำหรับเด็ก ซึ่งเปรียบคนเรากับหนอง เนื้อ และเหล็ก ก่อนจะถามว่าผมคิดว่าตัวเองเป็นหนอน เนื้อ หรือเหล็ก
ด้วยความที่ตัวเองเป็นชาวพุทธประเภทระบุอยู่ในทะเบียนบ้านมากกว่าเป็นผู้ที่ตื่นแล้วตามความหมายของคำว่าพุทธ ความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาของผมจึงจำกัดจำเขี่ยมาก ไม่ต้องพูดถึงการปฏิบัติที่ค่อนไปทางทำสติหายหกตกหล่นเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต
เพราะฉะนั้นคำปรียบเปรยที่เธอเขียนไปบอกและถามจึงไม่คุ้นหูคุ้นตาผมเอาเสียเลย
แต่ก็คาดเดาว่านัยยะของการเปรียบเปรยมนุษย์กับหนอน เนื้อ และเหล็กนั้ น่าจะหมายถึงสภาพจิตใจและอาจรวมไปถึงพฤติกรรมสามแบบของคนเรา
แบบแรกคือจิตใจและพฤติกรรมที่ไปรุกล้ำล่วงเกินชีวิตรอบข้าง เปรียบได้กับหนอนที่เที่ยวไปชอนไชแทะกินเนื้อหนังมังสา
แบบที่สองคือจิตใจและพฤติกรรมที่ถูกกระทบจากเหตุปัจจัยภายนอก เหมือนกับเนื้อที่ถูกหนอนชอนไช
และแบบที่สามคือจิตใจและพฤติกรรมที่หนักแน่นมั่นคง ไม่เลื่อนไหลส่ายไหวไปกับสิ่งภายนอกที่มากระทบ ประหนึ่งเหล็กที่ไม่มีสิ่งใดสามารถเจาะทะลวงได้
คาดเดาเอาเองเช่นนี้แล้ว ผมจึงเขียนตอบเธอไปอย่างไม่ลังเลว่า ผมเป็นทั้งสามอย่างนั่นแหล่ะ
จะบอกว่าเป็นพวกเอกซ์เมนหรือมนุษย์กลายพันธุ์ก็คงไม่ผิดนัก คือพร้อมที่จะเปลี่ยนใจกลายพฤติกรรมไปเป็นอะไรก็ได้ในสามแบบที่ว่า
ที่แยก(มาก)ก็คือ การกลายจิตแปลงพฤติกรรมให้เป็นแบบหลัง คือ เหล็กที่มั่นคงแข็งแกร่งนั้น สารภาพตามตรงว่ามีอยู่น้อยถึงน้อยมาก
อย่างดีก็อาจเป็นแค่เนื้อติดเอ็นที่หนอนเจาะไชยากขึ้นนิดหน่อยเป็นครั้งคราว
ที่เหลือ – คือ ส่วนใหญ่ของชีวิต – มักจะสลับไปมาระหว่างเป็นเนื้อเผละๆ กับหนอนหิวโหยที่เที่ยวชอนไชคนอื่นไปทั่ว
ยืนรอรถประจำทางนาน แถมพอรอสายที่จะขึ้นมาแล้วก็ดันไม่ยอมจอดรับ ก็หงุดหงิดใจ
เห็นโฆษณาสินค้าประเภทเครื่องประทินผิว ที่ขับเน้นว่าความสวยจะต้องมาคู่กับความขาว ขาว และขาว แม้กระทั่งซอกรักแร้ที่ในชีวิตจริงคงไม่มีสตรีท่านใดยืนยกแขนโชว์รักแร้ทั้งวี่วัน เห็นโฆษณาที่กระหน่ำซ้ำสายตาแล้ว บางครั้งอดไม่ได้ต้องถอนใจอยางนึกปลงว่า อะไรมันจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
ติดตามข่าวสารการเมือง ก็มีแต่เรื่องความฉ้อฉลกลโกงของนักการเมือง แถมความขัดแย้งยังลุกลามบานปลายจนอาจจะเกิดความรุนแรงได้ทุกขณะ
ข้าวสารน้ำตาลขึ้นราคา ภาวะโลกร้อน
ฯลฯ
นึกดูแล้ว มีหนอนที่พร้อมจะชอนไชเข้าไปในจิตใจเราได้ทุกขณะในแต่ละวัน
หรือจะพูดให้ถูกเราเองนั่นแหล่ะที่พร้อมจะกลายเป็นเนื้อให้หนอนเจาะไชได้ทุกเวลา ในทางกลับกัน ตัวเราเองก็พร้อมจะกลายเป็นหนอนกลายพันธุ์ดุที่คอยกัดแทะชีวิตรอบข้างด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน ผู้ใช้ถนนร่วมกัน
ไปจนถึงแผ่นดิน แม่น้ำ อากาศ ที่ถูกชอนไชทำร้ายจากพฤติกรรมของมนุษย์อย่างเราๆ หาไม่แล้วคงไม่เกิดภาวะโลกร้อนสุดๆ อย่างทุกวันนี้
รู้อย่างนี้แล้ว ก็พยายามพร่ำเตือนตัวเอง ให้ตั้งสติเพื่อประคองจิต ระวังวาจาสำรวมท่าทีกริยา จะได้ไม่กลายเป็นหนอนชอนไชผู้คน สัตว์และธรรมชาติ และไม่เปลี่ยนเป็นเนื้อเผละๆ ให้หนอนกัดแทะ
โดยหวังว่าเมื่อพลังแห่งสติเข้มแข็งขึ้น เมล็ดพันธุ์ของความเป็นหนอนและเนื้อที่อยู่ในตัวตน จะค่อยๆ กลายพันธุ์เปลี่ยนเป็นเหล็กแกร่ง หรือจะให้ดีมีความแข็งดุจเพชรไม่หวั่นไหวแส่ส่ายไปตามแรงกระทบจากภายนอก
การเปรียบเทียบมนุษย์ว่าเป็นเหมือนหนอน เนื้อ และเหล็ก ทำให้ผมนึกถึงคำสามคำในสารัตถะของโยคะศาสตร์ที่แม้จะไม่ตรงกันแบบคำต่อคำ แต่นัยโดยรวมน่าจะมีส่วนคล้ายกันอยู่ไม่น้อย
สามคำที่ว่าก็คือ รชัส(rajas) ตมัส(tamas) และตัสตวะ(sattva) ซึ่งเป็นคุณสมบัติหรือสภาวะจิตใจสามแบบของคนเรา
รชัส แปลว่า ตื่นตัว เคลื่อนไหว หมายถึงสภาวะของจิตใจที่ไม่อยู่นิ่ง คอยแต่จะแส่ส่ายไปตามสิ่งต่างๆ ที่มากระทบกับผัสสะ
ตมัส แปลว่า มืด เฉื่อย หมายถึงสภาวะของจิตใจที่เฉื่อยเนือย ซึมเซา
ส่วนสัตตวะ แปลว่า บริสุทธิ์ หมายถึงสภาวะของจิตใจที่กระจ่างหรือชัดเจน
ว่ากันว่าจิตใจของมนุษย์นอกจากจะยากแท้หยั่งถึงแล้วยังมีธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างสภาวะหรือคุณสมบัติสามแบบที่ว่า
บางครั้งก็ตื่นตัวแส่ส่าย ไม่หยุดนิ่ง รับรู้โลกภายนอกด้วยความตื่นเต้น สนุกสนานหรือตื่นตระหนก
บางคราวก็เฉื่อยชาย ไม่รับรู้ทั้งโลกภายนอกและภายใน หรือถ้ารับรู้ก็รู้แบบคลุมเครือค่อนไปทางหนืดหน่วง
ในขณะที่บางเวลาก็สว่างกระจ่างชัดราวผลึกแก้วใส รับรู้สรรพสิ่งตามความเป็นจริง
คุณสมบัติประการหลัง ถือว่าเป็นคุณสมบัติในทางอุดมคติที่ผู้ย่างเหบียบมาบนวิถีแห่งโยคุมุ่งหมายจะไปให้ถึง
เป็นจิตที่ตื่นรู้ และจดจ่อกับสิ่งที่รับรู้อยู่โดยไม่แส่ส่าย ซึ่งเป็นคำจำกัดความของโยคะที่หมาโยคิปตัญชลีกล่าวไว้ (โยค จิตฺต วฤตฺติ นิโรธหฺ = โยคะคือสภาวะของจิตใจแน่วแน่ ไม่เคลื่อนส่ายอย่างสิ้นเชิง)
สรุปรวมความแล้ว ไม่ว่าจะในคำสอนของพุทธหรือหลักปฏิบัติในมรรคาแห่งโยคะล้วนตักเตือนให้เราสำเหนียกจิตใจด้านลบซึ่งเปรียบได้กับหนอนและเนื้อในมุมมองของพุทธ หรือรชัสและตมัสในทัศนะของโยคะ
เมื่อสำนึกแล้วก็พึงขัดเกลาจิตใจเสียใหม่ให้มั่นคงแข็งแกร่งดังเหล็ก หรือสว่างกระจ่างชัด ซึ่งเป็นที่หมายปลายทางที่รออยู่เบื้องหน้า
* คำว่าโยคินีหมายถึงโยคีที่เป็นสตรี เรื่องของเรื่องคือผมเคยแลกเปลี่ยนกับมิตรรุ่นน้อง – ว่าที่โยคีนีคนนี้ เกี่ยวกับความหมายของโยคะในมุมมองของผม ซึ่งผมเคยให้นิยามสั้นๆ ว่าคือความลงตัวของชีวิตในทุกมิติ
โดยที่หนึ่งในมิติของชีวิตก็คือเรื่องของการทำงาน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าโยคะหรือความลงตัวในมิติของการทำงาน คือการที่เราทำงานอย่างมีความสุข เป็นหนึ่งเดียวกับการทำงาน ทุกขณะและทุกเนื้องานที่เราทำ มีชีวิต เลือดเนื้อ และจิตวิญญาณของเราอยู่ด้วย
พูดอีกอย่างว่าในห้วงยามเช่นนั้น ชีวิตและการทำงานคือสิ่งเดียวกัน
ผมบอกน้องเขาไปว่า ใครที่สามารถเข้าถึงสภาวะของการทำงานระดับนี้ได้ ก็น่าจะถือว่าเป็นโยคีในสายงานหรือเส้นทางของคนนั้นได้...
...หลังจากนั้นไม่นานวัน...เธอเขียนอีเมล์ไปคุยกับผม และบอกว่าเธอหวังว่าตัวเอง จะสามารถเป็นโยคีในสายงานที่เธอทำได้
ในฐานะของมิตร ผมเอาใจช่วยขอให้เธอได้เป็นโยคินีอย่างที่เธอวาดหวัง
อ่านต่อ ; หนอน เนื้อ และเหล็ก (จบ)
ไม่มีความเห็น