มาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีแล้วครับ กำลังเตรียมวิทยานิพนธ์บทที่ 3 และ เตรียมเอกสารไปต่างประเทศ อ่านพบเรื่องของ ความฉลาดทางอารมณ์(emotional intelligence) เลยตัดตอนเอกสารมาฝาก
ผู้เขียนสนใจเรื่อง แรงจูงใจ(motivation) ตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาโทแล้วครับ สงสัยว่าทำไมคนเราถึงมีแรงจูงใจทำอะไรดีๆๆได้ตั้งหลายอย่าง เมื่อมีแรงจูงใจทำอะไรได้ไม่มีวันจบสิ้นเลย ลองมาดูว่าฝรั่งเขียนเรื่อง ความฉลาดทางอารมณ์(emotional intelligence)และแรงจูงใจ(motivation)ว่าอย่างไร
There are three important components of emotional intelligence, namely, self-awareness, self-regulation and motivation.
Self-awareness which means having a deep understanding of one’s emotions, strengths, weaknesses, need, and drives.
Self-regulation. People who have self-regulation are in control of their feeling and impulses, they are reasonable people who are able to create an environment of trust and fairness.
Motivation, one trait the virtually all leaders effective leaders have. They are driven to achieve beyond expectations, their own and everyone else’s. The key word here is achieve. Those with leadership potential are motivated by deeply embedded desire to achieve for the sake of achievement.
การเรียนในระดับปริญญาเอก ต้องการแรงจูงใจ(motivation) และกำลังใจเหมือนกัน เมื่อมีกำลังใจทำให้เราทำสิ่งต่างๆได้อย่างประสบผลสำเร็จ
การเรียน ถ้าเรียนเพื่อให้ได้ความรู้ จะเป็นการเรียนที่มีความสุข แต่การเรียนในบ้านเราเรียนเพื่อ ให้ได้เกรดดีๆๆ หรือเรียนเพื่อให้สอบผ่าน ให้ได้ปริญญาบัตร มาเป็นใบเบิกทาง
ทำอย่างไรดีที่จะทำให้นิสิต นักศึกษา เรียนเพื่อให้ได้ความรู้ ขวนขวายหาความรู้อยู่เสมอ ไม่ใช่การเรียนเพื่อสอบแบบปัจจุบัน ใครทราบช่วยตอบผู้เขียนที…
ขอบคุณข้อมูล จากเอกสาร General English III
อิอิ แรงจูงใจ ณ มุกดาหารไงจ้ะ (น้องกลับถึงมทส หรือยังน๊า..)
ความรักมีพลังค่ะ ซึ่งเป็นพลังทั้งดีและร้าย ถ้าสมหวังก็ดีเหลือหลาย "ทำได้ทุกอย่าง"
แต่ถ้าไม่สมหวัง ก็เป็นในทางร้ายเช่นกันค่ะ "ทำได้ทุกอย่าง"
พี่หนิงเองก็ไม่ค่อยโชคดีนักเรื่องความรักชาย-หญิงนี้ แต่ในด้านความรักของครอบครัว-ญาติมิตร พี่หนิงไม่น้อยหน้าใครเลยค่ะ ^__*
หวังให้น้องชายคนดีคนนี้ ได้สมหวังนะคะ พ่อยอดชายนายขจิต ณ มุกดาหาร ^__*
ก่อนเรียน อาจจะต้องคุยกันก่อน เพื่อเชื่อมโยงว่าตัวผู้เรียน เกี่ยว หรือ สนใจแง่ไหน เพราะอะไร...ทำไม ...
ให้เห็นภาพว่า เราเกี่ยว...หรือเป็นพี่น้องกับวิชานี้นะ
อะไรทำนองนี้....น่าจะดีนะ...พี่ว่า
หรือเปิดเรื่อง ให้สนุก ประทับใจ กับวิชานั้นๆ....และอยากค้นหา.....
น่าสนใจครับพี่ขจิต ขอให้กำลังใจ (psychological support) แด่พี่...เพื่อให้พี่ค่อยๆ สร้างแรงจูงใจ (self-motivation) ด้วยตนเอง
เมื่อใดที่มีแรงจูงใจที่เหมาะสมกับสภาพการดำเนินชีวิตและสิ่งแวดล้อม เมื่อนั้นพี่จะเข้าถึงแรงจูงใจที่เรากำลังนำไปสู่การพัฒนาแรงศักยภาพของตนเอง (self-efficacy)
ในฐานะนักกิจกรรมบำบัดทางจิตสังคม เราเชื่อว่า Self-determination หรือ การคิดไตร่ตรองด้วยตนเอง คือองค์ประกอบที่สำคัญของการหากลวิธีสู่การสร้างแรงจูงใจให้กับตนเองและผู้อื่นครับ
Self-determination เป็นส่วนหนึ่งของ EQ ที่เราควรฝึกฝนให้มีไว้มากๆครับ
โชคดีครับผม
สวัสดีค่ะ..พี่แอ๊ด
เดินทางมานานมากเลยนะคะ แต่ก็ถึงบ้านหลังนี้อีกครั้ง...ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ...
แรง...จูง....ใจ
เราต้องหาแรง...ก่อนค่ะ
เพื่อนำ .... จูง...."ใจ"...นี้ของเรา
หากเด็กๆ..หรือผู้เรียน...ค้นหา "แรง" ที่ว่านั้นของตนเองเจอ... ก็จะสามารถนำมาใช้...ในการ "จูง"...ใจที่ว่านี้ไปสู่เป้าหมายเราได้ค่ะ..
(^____^)
ขอบคุณค่ะ
กะปุ๋ม
สวัสดีค่ะ คุณขจิตคะ แรงจูงใจแต่ละคนในการทำอะไรดีๆ อาจไม่เหมือนกัน
แต่สำหรับดิฉัน รู้ตัวเอง ตั้งแต่เด็กๆ ว่ามาจากอะไร?
อ่านแล้วโดนใจค่ะ เพื่อนหลายคนที่เรียนอยู่ขาดสิ่งที่เรียกว่าแรงจูงใจที่เป็นแก่น คำว่าแก่นของดิฉันหมายถึง เรียนแล้วต้องมัน ต้องอยากรู้อยากเห็นไปเรื่อยๆ เหมือนตอนที่ดูหนังแล้วอยากดูเบื้องหลังการถ่ายทำเพื่อนำประสบการณ์เดิมของทฤษฏีเดิมไปสร้างหนังเรื่องใหม่ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไป เสียงที่แว่วอยู่ในใจเราเสมอคือ เราต้องอดทน และเราต้องทำได้
ดีใจกับคุณลุงขจิต (เรียกแทนกัปตัน) ที่ถึงบทที่ 3 แล้ว สู้ๆค่ะ รุ่นน้องปีหนึ่งคนนี้จะตามไปค่ะ
สำหรับพี่เองมีแรงจูงใจ ก็คือการตั้งเป้าหมายในชีวิตและการอยากให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจค่ะ ...
ส่วนเรื่องการเรียน การจะให้เกิดแรงจูงใจ ให้เรียนเพื่อความรู้นั้น เขาจะรู้ต่อเมื่อเขาได้ลองไปทำงานก่อนแล้วรู้ว่า ยังไม่รู้อะไร จึงจะเกิดแรงจูงใจมาเรียนเพื่อให้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้นั้น ... หากเนคนจบใหม่ๆ แล้วเรียนต่ออาจไม่เข้าใจ รวมทั้งคนที่ต้องการเรียนเพื่อปรับวุฒิ ปรับ ซี ก็อาจจะอยากเรียนเพียงเพื่อใบปริญญาเท่านั้น ไม่ค่อยคำนึงถึงความรู้ ... ยังงี้น่าเศร้าค่ะ
คุณขจิตคะ ขอเป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งพลังนะคะ
นอกจากเห็นด้วยกับเรื่องของแรงจูงใจที่หลายๆท่านเขียนไว้ข้างต้นแล้ว ตัวเองคิดว่า "แรงบันดาลใจ" มีความสำคัญต่อการที่จะเป็นผู้ใฝ่รู้มาก เช่นเราอยากแก้ปัญหาที่ท้าทาย หรือได้เรียนรู้ในสิ่งแปลกใหม่ หรือได้พบเห็นอะไรที่มันclick ให้เราอยากเดินตามหาฝัน
เคยดูสารคดีต่างประเทศเขาสัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งว่าทำไมจึงคิดเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาตอบว่าตอนเป็นเด็กเคยเห็นคนถูกงูพิษกัดแล้วมีแพทย์ช่วยชีวิตไว้ได้ เลยคิดอยากศึกษาเรื่องพิษของงู นี่เป็นแรงบันดาลใจที่มาจากภายในตนเอง
ยังมีแรงบันดาลใจจากภายนอกอีก เมื่อพูดถึงการศึกษานั่นหมายถึงครู ที่เป็นตัวอย่างของผู้ใฝ่รู้ เรียนรู้ตลอดเวลา ก็จะinspire ลูกศิษย์และผลักดันลูกศิษย์ได้ ตัวเองโชคดีที่ได้เจอครูแบบนี้ตอนเรียนปริญญาเอกค่ะ
ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุปัจจัย เราแก้ไขนักศึกษาทุกคนในกระแสใหญ่ไม่ได้ แต่หากเราทำได้แม้เพียงคนสองคนก็น่าจะเป็นกำลังใจให้เราพยายามต่อไปในการพัฒนาลูกศิษย์
สวัสดีค่ะ คุณขจิต
เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ ในฐานะที่พอจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับ motivation มาบ้างค่ะ
motivation ที่มาจากภายนอก กับ ภายในต้องทำงานร่วมกัน แต่ตัวที่สำคัญและจะทำให้เกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ต้องมาจากภายใน
ที่บริษัทมีการออกแบบหลักสูตรและเคยเชิญผู้เชี่ยวชาญเรื่องการออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรม ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส เขาเน้นเรื่องการจูงใจผู้เรียน บวกกับเน้นวัตถุประสงค์ในแต่ละหัวข้อการอบรมมากๆ ค่ะ สามารถเลือกกิจกรรมที่จะสร้างแรงจูงใจโดยทำตั้งแต่เริ่มโปรแกรมการอบรม และตอกย้ำเป็นระยะๆ ว่าเรื่องที่กำลังเรียนรู้ เขาจะได้ประโยชน์อะไร ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว และที่ทำงาน
เทคนิคของเขาก็คือ participative learning จะไม่ใช้วิธีบอกผู้เข้าอบรม แต่จะสร้างสถานการณ์ ตั้งคำถามให้เขาคิดเพื่อให้มี commitment โดยไม่เรียกตัวเองว่าเป็นวิทยากร แต่เป็น facilitator ถ้าเป็นการอบรมในบริษัทภาพที่เราจะสร้างให้ผู้เข้าอบรมเห็น จะชัดกว่าห้องเรียนของนักศึกษา
เพราะตัวเองประสบมากับตัวเอง ตอนที่เรียนพยาบาล เวลาอาจารย์สอนในห้องเรียนขนาดว่ารู้ว่าต้องเอาไปใช้ตอนขึ้น ward นะ แต่ก็ขี้เกียจ นอนหลับในห้องเรียนบ่อยๆ แต่พอต้องไปเรียนทฤษฎีบนหอผู้ป่วยจริง จึงเริ่มเห็นภาพ และเห็นว่าความรู้ที่เรียนจะมาช่วยผู้ป่วยได้จริง จึงเกิดแรงจูงใจไปศึกษาความรู้เพิ่มเติมในห้องสมุดอีก และแอบอ่านบันทึกของแพทย์ที่อยู่ในหน้าป้ายประวัติผู้ป่วยอีก
คุยเรื่องนี้แล้วสนุกค่ะ ถ้าคิดเห็นยังไง แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ เป็นห่วงอนาคตของชาติเหลือเกินค่ะ
ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่ไทยและสุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังนะครับ
อยู่ดีมีแฮง - แข็งแรงทั้งกายและใจ...ทุกวัน ตลอดไปและตลอดกาล
...
มีอีกเรื่องเพิ่งนึกได้ เคยไปเรียนแบบติวเพื่อสอบ TOEFL ค่ะ ที่สถาบันนี้อาจารย์จูงใจนักเรียนเก่งมาก ตลอดเวลาที่สอนไม่ได้สอนเฉพาะภาษา และที่คิดว่ามีส่วนช่วยมากคือการฝึกจิตใจให้มีความมุ่งมั่น โดยให้สวดคาถาชินบัญชรวันละ 9 จบ สำหรับตัวเองทำไม่ถึงค่ะ ได้แค่วันละ 3 นี่ขนาดว่า ปกติสวดอยู่แล้ววันละจบ
มีปัญหาเรื่องการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยได้ใช้ เวลาไปสอบก็มีปัญหาส่วนนี้มากที่สุด
จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ไปสอบครั้งแรกก็ผ่าน 213 แบบ CBT ค่ะ หรือ 550 แบบ paper based ก็คิดว่าวิธีการที่อาจารย์ท่านนั้นแนะนำได้ผลดีค่ะ เพราะก่อนที่จะไปเรียนเคยเอาคะแนน TOEIC ไปเทียบก็ได้ประมาณ 500 ค่ะ