พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของผู้บริหารหรือผู้นำ
ที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จอย่างสูง
ผมได้อ่านบทความหนึ่งในหนังสือ What got you here, won’t get you there ของ ดร.มาร์แชล โกลด์สมิธ ได้อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับผู้บริหารหรือผู้นำไว้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่อง "พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของผู้นำ" ด้วยเหตุจูงใจให้อ่านคือ การค้นคว้าเพิ่มเติมประจำวัน ค้นคว้าหาข้อคิดไว้เตือนตนและเป็นการเตรียมพัฒนาปรับปรุงการทำงานของผมในปีใหม่ พ.ศ. 2553
ดร.มาร์แชล ผู้เขียนหนังสือดังกล่าว เป็นโค้ชให้กับผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์การ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพทั้งสิ้น ดร.มาร์แชลยังเคยเป็นกรรมการบริหารใน "มูลนิธิปีเตอร์ ดรั๊คเกอร์" มาหลายปี เขาเคยได้พบเห็น Peter Drucker ซึ่งเป็นบรมครูของบรรดา ครู อาจารย์ ที่สอนในสาขาการบริหาร โดยได้ให้แง่คิดไว้หลากหลาย แต่ที่ ดร.มาร์แชล ชื่นชอบในความเห็นของ Peter Drucker มาที่สุดก็คือคำพูดของ Peter Drucker ที่กล่าวว่า
“พวกเราใช้เวลา แรงกายและแรงใจมากมายไปกับการสอนสั่งบรรดาผู้บริหาร หรือผู้นำในเรื่อง ใหม่ ๆ แต่ว่าเราให้ความสำคัญน้อยมากกับการสอนให้ผู้นำของเราเลิกพฤติกรรมบางอย่าง กว่าครึ่งของผู้นำที่เราพบ เขาเป็นผู้รอบรู้มากพออยู่แล้ว พวกเขาควรจะเรียนรู้ว่าจะเลิกพฤติกรรมอะไร (พฤติกรรมไม่พึงประสงค์) ต่างหาก” พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ดังกล่าว ได้แก่
1. ความอยากจะเอาชนะมากเกินไป คือการที่ต้องการจะชนะในทุกที่ทุกเวลาทุกคน โดยไม่สนใจว่าจะถูก จะเหมาะ จะควรหรือไม่ ไม่สนใจว่าจะต้องเสียอะไรไปบ้าง
2. ความต้องการมีส่วนแสดงความเห็นในทุกเรื่องทุกโอกาส คือคิดว่าตนเองปราถนาดี หวังดีต่อองค์กร ต่อการทำงานของทุกคนในองค์กร จึงเสนอแนะความเห็นไปเสียทุกเรื่อง ขอให้ได้บอก แม้ว่าจะพูดเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่หารู้ไม่ว่า "ถ้าผู้บริหารหรือผุ้นำยิ่งมีตำแหน่งสูงมากเท่าใด การออกความเห็นของเขาเพียงคำสองคำก็อาจจะกลายเป็นคำสั่งไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นก็ตาม"
3. การด่วนสรุปตราหน้าผู้อื่นเร็วเกินไป คือการที่ใช้มาตรฐานของตนเองเป็นใหญ่ในการประเมินคนอื่น ที่มีพฤติกรรมหรือผลงานไม่ดีหรือสูงเท่ากับของเขาเอง
4. การชอบวิจารณ์ในทางที่ไม่สร้างสรรค์ ชอบเสียดสี หรือการแสดงความคิดเห็นแบบสอดแทรกในลักษณะที่ทำให้คนอื่นดูว่าเราฉลาดกว่าคนอื่น
5. การเริ่ม บทสนทนาด้วยคำพูดว่า “ที่เสนอมาน่ะ ก็ โอเคน๊ะ แต่ผมไม่เห็นด้วยนะ” “แต่ว่า” หรือ “อย่างไรก็ตาม” คือขอแสดงความเห็นคัดค้านไว้ก่อน เสมือนประหนึ่งว่า “ที่คุณทำ คุณพูดน่ะถูก แต่ของผมถูกกว่าก ถ้าขืนทำไปคุณอาจผิด (I'm OK, You're not OK”
6.ต้องการบอกให้โลกรู้ว่า “ข้านี้ฉลาดหรือเก่งเพียงใด”
7. การพูดด้วยความโกรธ ใช้อารมณ์ในการบริหารหรือการนำ
8. การชอบแสดงความเห็นแง่ลบไว้ก่อน แม้ว่าคนอื่นยังไม่ถามความเห็นเลย
9. การเก็บข้อมูลไว้ไม่แชร์กับคนอื่นๆ เพื่อที่จะทำให้ตนเองมีข้อมูลเป็นอำนาจต่อรอง
10. การไม่ชมเชยคนทำงาน ตกหล่นการยกย่องชมเชยและให้รางวัลเมื่อคนของตนทำงานได้ดี
11. การเอา ความดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นผลงานคนอื่น เป็นพฤติกรรมที่มองว่าตนเองมีส่วนสร้างสรรค์ผลงานและความสำเร็จสูงเกินความ เป็นจริง
12.การชอบมีข้ออ้างแก้ตัวว่า "ไม่ใช่ความผิดของตน" เช่น มาช้าเพราะวางแผนเวลาไม่ดีก็อ้างว่ารถติด
13. ชอบโทษอดีตชะตากรรม มักยกเรื่องราวในอดีตเพื่อจะเป็นข้อแก้ตัวว่าตนเองไม่ใช่สาเหตุ “ผมเป็นลูกคนกลาง เลยชอบเรียกร้องความสนใจ ทำให้หงุดหงิดง่ายไปหน่อย...”
14. การไม่มีความยุติธรรม ชอบเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างเห็นได้ชัด
15. การขอโทษคนไม่เป็น เมื่อทำอะไรพลาดลงไปก็ไม่ยอมรับ และไม่แสดงความรับผิดชอบขอโทษคนที่ได้รับผลกระทบ
16. การไม่ยอมรับฟังความเห็นจากคนอื่น เป็นพฤติกรรมที่ไม่แสดงความเคารพคนอื่นด้วยการไม่ฟังเขาเหล่านั้น
17. การขอบคุณผู้คนไม่เป็น ไม่ขอบคุณคนอื่นที่เขาให้ความช่วยเหลือ เป็นเรื่องความบกพร่องพื้นๆ ที่มองข้ามไป
18. การทำร้ายคนที่บอกข่าว เมื่อมีคนพยายามจะบอกเราในเรื่องที่ไม่ดี แทนที่จะขอบคุณเขา กลับตำหนิเขากลับอย่างรุนแรง
19. การโบ้ยความผิดไปให้ผู้อื่น ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นสาเหตุ
20. มีอัตตาสูง มีความเป็น “ตัวกู ของกู” มากจนเกินไป ยึดมั่นในตนเองสูง ไม่ยอมจะทำในเรื่องต่างๆ ที่ง่ายๆ เช่น การไม่อยากชมคนอื่นเพียงเพราะว่า “ก็ฉันเป็นคนไม่ชอบชมคนนี่น่า ฉันเป็นของฉันอย่างนี้เอง...”
พฤติกรรมที่เป็นหลุมพรางของนักบริหารหรือผู้นำขั้นสูง เหล่านี้ จะเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าและความสำเร็จของผู้บริหารหรือผู้นำ คือเคยรุ่ง เคยสำเร็จมาแล้ว แต่หากมีพฤติกรรมดังกล่าว อาจทำให้ตกต่ำลงได้ ดังคำกล่าวที่ ดร.มาร์แชล โกลด์สมิธ กล่าวไว้ในหนังสือว่า “What got you here..Won’t get you there” หนทางในอดีตอาจไม่ใช่เส้นทางไปสู่จุดมุ่งหมายของอนาคต
“How Successful People Even Become More Successful?” ผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจะสามารถประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้บริหาร ผู้นำที่มีวุฒิภาวะผู้นำที่ต้องการประสบความสุขความสำเร็จมาแล้ว และยังคงมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความสุข ความสำเร็จอย่างยั่งยืนมักให้ความสำคัญเสมอ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาขีดความสามารถของผู้นำทุกระดับ
สวัสดี
อ้างอิง