อีกครั้งที่ได้กลับไปสวนป่า คงจะเหมือนกับทุกๆ ท่านที่บอกว่าเหมือนได้กลับบ้าน อยู่ในบ้านของเราทุกคน การอยู่ในสวนป่า17-19 พฤษภาคม ที่ผ่านมาในทุกๆ เช้าพ่อครูบาจะนำพวกเราเดินเรียนรู้ธรรมชาติ จากต้นไม้ใบหญ้าในทุกเช้า แม้ว่าเวลาในการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์จากพ่อครูบากับพวกเราที่ได้ไปร่วมอบรมกระบวนกรจะไม่มากนัก แต่ล้วนมีคุณค่ามากมายต่อการรับรู้และเรียนรู้ของพวกเรา สิ่งที่พ่อครูบานำมาพร่ำสอนพวกเราก็คือ "ธรรมชาติ" ซึ่งธรรมชาติสามารถให้เราได้ทุกสิ่ง
ประเด็นต่อมาที่ได้เรียนรู้ความเป็นธรรมชาติของทุกสิ่ง เป็นบทเรียนที่สรุปจากทีมงานของ อ.บางทราย ที่พ่อครูบาได้ให้บทเรียนอันสำคัญไว้ก็คือ "จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่พร้อม"
กิจกรรมที่ อ.มนตรี และ อ.ประสาท และทีมของพิษณุโลก ได้ให้เราก้าวเข้าไปเรียนรู้ คงไม่สามารถอธิบายเป็นตัวอักษรได้หมดสิ้นด้วยปัญญาอันน้อยนิดของผม เว้นเสียแต่ว่าจะได้ร่วมอยู่ในกิจกรรมเหล่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้และพอจะสรุปเป็นประเด็นได้ ดังนี้
บทเรียนอีกบทหนึ่งที่ผมได้นำไปแลกเปลี่ยนและแบ่งปันให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรมกระบวนกร เป็นประสบการณ์ตรงที่กว่าจะสรุปได้ก็ต้องใช้เวลาหลายปี และก็ตรงกับผู้รู้หลายๆ ท่านรวมทั้ง อ.มนตรีก็เห็นด้วย นั่นก็คือ "อย่าคิดที่จะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น" สิ่งที่ทำได้ก็คือ
"การเปลี่ยนแปลงตนเอง เราควรหันมาพัฒนาตัวเราเองก่อน" เป็นเบื้องต้น
"การให้และการรับเป็นเรื่องเดียวกัน" เมื่อเราพิจารณาอย่างถ่องแท้ จะพบว่าการให้ก็คือการรับ และสองสิ่งนี้ล้วนเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ ดังนั้น เราควรที่จะฝึกการให้ อันเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของมนุษย์ในโลกนี้ ซึ่งก็สอดรับกันด้วยดีกับหลักคิดที่ อ.handy ที่นำหลักคำสอนของ อ.พุทธทาสที่ว่า ศีลขอเพียงข้อเดียวก็พอแล้วซึ่งก็คือ "ขอให้รักผู้อื่น" มาแลกเปลี่ยน
อ.มนตรี ได้เพิ่มเติมในช่วงของการสนทนาไว้อย่างเยี่ยมยอด ว่าการพัฒนานั้นเราอย่าทำแต่ในบริบทของงานตามหน้าที่ของแต่ละคนเท่านั้น เราต้องอย่าลืมว่ายังมีโลกความจริงคือโลกที่อยู่นอกงานในบทบาทหน้าที่และครอบครัว ซึ่งเราไม่ควรแยกส่วนออกจากกัน
อ.บางทราย คนเข็นครกขึ้นภูเขา ได้สรุปบทเรียนในวันสุดท้ายไว้สั้นๆ ว่า ถึงเวลาที่จะหวลกลับมาหาธรรมะได้แล้ว สอดคล้องกับ อ.มนตรีที่ได้กระตุ้นเตือนพวกเราทุกคนว่า เราท่องเที่ยวไปในโลกภายนอกตนอยู่ตลอดเวลา แต่เราไม่เคยสนใจที่จะท่องโลกภายในตนเองเลย เราควรหันกลับมาดูตัวเอง ท่องเที่ยวภายในกันดูบ้าง....
ช่วงเช้าของวันสุดท้ายได้มีโอกาส ลปรร.กับครูนก จากทีมเทศบาลนครพิษณุโลก ได้มีโอกาสแบ่งปันประสบการณ์ถึงสิ่งที่พวกเรามักจะขาด มักจะไม่ได้กระทำ นั่นก็คือ"การให้กำลังใจตนเอง" เราเคยได้ยินและได้ทำแต่การให้กำลังใจผู้อื่น แต่แท้จริงแล้วเราสามารถให้กำลังใจตนเองได้ ดั่งที่ทีมวิทยากรบอกอยู่เสมอว่า การคุยกับตนเอง "การให้พลังกับตนเอง" ทำให้มีพลังเหมือนดังขามา (เสมือนกับการการเดินทางขามาจะตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา)
"จงทำตัวเหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้ว" ซึ่งจะทำให้พวกเราสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ผมได้นำมาแลกเปลี่ยนและเตือนสติ
อีกประเด็นหนึ่งที่ผมได้สรุปไว้ตอนเปิดใจว่า พวกเราทุกๆ คน เหมือนจุดเล็กๆ ในสังคม-ในโลกนี้ แต่เมื่อเราต่างเป็นจุดเล็กๆ แต่กระจายอยู่เต็มพื้นที่ประเทศไทย สักวันหนึ่ง"เมื่อเราเชื่อมโยงกันได้ ก็จะเป็นกลุ่มใหญ่ เกิดเครือข่ายที่มีพลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม"นี้ได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายของบันทึกนี้ มีสิ่งหนึ่งที่คิดไว้ แต่ยังไม่ได้แลกเปลี่ยน จึงขอนำมาเพิ่มเติมเพื่อแบ่งปันผ่านบันทึกนี้อย่างสั้นๆ และไม่ขออธิบายเพิ่มเติมก็คือ "ขอให้เราจงทำทุกเรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกัน"
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ท่าน และขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ได้ให้บทเรียนกับผมใน 3 วันที่ผ่านมาครับ
เป็นบทความที่เยี่ยม เสมอ
สำหรับดีค่ะ ท่านสิงห์ป่าสัก
· ติดตามงานเฮฮาครั้งนี้เช่นกันค่ะ
· เห็นภาพคุณสิงห์ แบบชัดๆ ท่านพี่ขจิต ส่ง่ให้ดูค่ะ
· คุณสิงห์ เท่ห์มากเลยนะคะ
· และมาอ่าน เรียนรู้ บทสรุป
· ขอบคุณค่ะ หวังว่าคงได้ไปร่วมเฮสักฮา ค่ะ
พี่รีบมาทบทวนที่น้องสิงห์บันทึกไว้ครับ
หากกระบวนการฝึกของเราค่อยๆดัดแปลงผสมผสานการปรับจิตสำนึกอย่างนี้ในทุกหลักสูตรตามระบบได้ น่าจะค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการฝึกในปัจจุบันที่ย้อนหลังไปเป็นทศวรรษได้เลยทีเดียว
เอาเถอะ เริ่มที่เราก่อนก็แล้วกัน อย่างว่าแหละนะ
ขอบคุณครับ
ท่านสิงห์ป่าสัก เพื่อนรัก นักพัฒนา ทีมงานบ้านผู้หว่าน๒
สวัสดีค่ะ มาร่วมเก็บเกี่ยวความรู้และความประทับใจ ได้เรียนรู้ไปด้วยแม้ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
มาตามอ่าน แบบเกาะขอบจอค่ะ...งานนี้ไม่ได้รับ วีซ่า เนื่องจากเดือนนี้มีราชการต่างจังหวัดมากไปหน่อย...อิ...อิ...
ลืมไปอีกหน่อย...บันทึกนี้ให้พลังมากมายค่ะ...
มากอดค่ะ พร้อมทั้งฝากกอดน้องไผ่ น้องฝ้ายและพี่เข่งด้วยค่ะ
ยิ้มอย่างชื่นใจกับข้อสรุปที่งดงามนี้นะคะ..ใช่เลยค่ะเราต้องเริ่มที่ตัวเราและฟังให้ได้ยิน แขวนลอยไม่ตัดสินและไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุปทุกเรื่องไป เพื่อเปิดพื้นที่ให้เราได้เข้าไปสู่ความไม่คุ้นชิน ให้ใจได้นำทางสมอง ...ไม่มีคำตอบก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะเราเข้าใจและตระหนักรู้ในทุกก้าวของใจตัวเราเอง
และเบิร์ดเชื่อว่าทุกท่านเป็นพลังที่ดีให้กับสังคมได้แน่นอนค่ะ
สวัสดีครับ สิงห์ป่าสัก
สวัสดีค่ะ
เดี๋ยวนี้ หลายคนหันมา เปลี่ยนแปลงตัวเอง
แล้วมีหลายคนที่รู้สึกว่า เมื่อตัวเองเปลี่ยนแปลงแล้ว คนอื่นก็จะเปลี่ยนตาม ซึ่งดีกว่า การไปพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น
สวัสดีค่ะพี่สิงห์ป่าสัก
แหม คิดถึงน้องไผ่ น้องฝ้ายจัง เด็กอะไรไม่รู้น่ารักขนาด ทนนีน่าก็ได้ อิอิ
งานนี้นอกจากจะเตรียมเคียวไปเก็บเกี่ยวแล้ว ยังได้ฟังแง่คิดดี ๆ และประสบการณ์ดีๆ จากพี่ชายที่น่ารักอย่างพี่ และพี่บางทรายด้วยค่ะ แถมได้กอดทั้งครอบครัวพี่เลย อิอิ
"การให้และการรับเป็นเรื่องเดียวกัน" เมื่อเราพิจารณาอย่างถ่องแท้ จะพบว่าการให้ก็คือการรับ และสองสิ่งนี้ล้วนเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ ดังนั้น เราควรที่จะฝึกการให้ อันเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของมนุษย์ในโลกนี้ ซึ่งก็สอดรับกันด้วยดีกับหลักคิดที่ อ.handy ที่นำหลักคำสอนของ อ.พุทธทาสที่ว่า ศีลขอเพียงข้อเดียวก็พอแล้วซึ่งก็คือ "ขอให้รักผู้อื่น" มาแลกเปลี่ยน
แอบคุยกับอ.แฮนดี้เรื่องนี้ด้วย ตอนที่เขาให้คุยเรื่องความประทับใจ และครอบครัว ขอบคุณสำหรับบันทึกดี ๆ ในที่นี่ ดีใจที่ได้เจอกันใน ทุกๆ ครั้ง
ลืม บอกไปค่ะ วันนี้มาคุยเรื่องมะม่วงให้แม่ราณีฟัง เพราะเขาชอบมะม่วงสุกมาก ๆ แต่ราณีไม่ค่อยชอบมะม่วงสุกเท่าไร แต่กินของพี่ที่เอาไป อร่อยจริง กินไปตั้งเยอะ แอบยั่วแม่เขาแทบน้ำลายหกแนะ อิอิ เขาชอบโชคอนันต์กับอกร่องมากๆ ดีใจที่ยั่วสำเร็จ
สวัสดีค่ะคุณสิงห์่ป่าสัก
ชอบประเ้ด็นหลายๆ ประเด็นที่สรุปไว้มากเลยค่ะ ตรงใจจริงๆ
ขอบคุณมากนะคะ ที่รวบรวมสรุปให้คนที่ไม่ได้ไปได้รับความรู้ด้วย ^ ^
สวัสดีครับพี่สิงห์ป่าสัก
ผมอนุญาตเกี่ยวเก็บความรู้ครับด้วยนะครับ
ชอบคำสรุปนี้ครับ"ขอให้เราจงทำทุกเรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกัน"
สิ่งที่ยากยิ่งสำหรับคนเราในวันนี้คือความจริง อยู่ที่ไหน ที่ตัวเรา ต้องค้นหาตัวตนให้เจอ แค่ค้นหาตนเองก็ยากหนักหนามนุษย์เพราะคนติดอัตตาหาตนเองม่เจอ
ลุงเอกเองใช้ชีวิตมาถึงสี่สิบปีจึงรู้ว่าที่ชีวิตเดินมานั้นไม่ใช่ เรามัวใช้ชีวิตอยู่ในวังวนที่ไม่ใช่ตนเองพร้อมความอยาก
หากค้นไม่พบจะไปพัฒนาอะไร จะขายคุณค่าอะไรให้คนได้รับรู้ ดูอย่างหนูจิซิคุณค่าทางปัญญามหาศาล
ตัวตนก็ค้นยาก ใจยิ่งยากหนิ่งมันไม่นิ่งให้เราจับต้องได้แกว่งไปแกว่งมา หาไม่เจออารมณ์ไหน บางคนใจคิดแต่เรื่องทุกข์ ทำอย่างไรจะสุขก็ขอกลับไปที่ธรรมะหรือธรรมชาตินั่นแหละครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะท่านสิงห์ป่าสัก