เคยเขียนบันทึกเกี่ยวกับการฝึกอยู่อย่างพอเพียง ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วผมก็เพียงแต่เร่มต้นเท่านั้นเอง ชาวบ้านในชนบทส่วนใหญ่ก็ได้ดำรงชีพอยู่กันเช่นนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสมานำเสนอแนวคิดและวิธีการให้คนทั่วไปได้รับรู้เท่านั้นเอง
แต่จะอย่างไรก็ตาม ผมก็ยังอยากที่จะบันทึกส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของตนเองที่ได้ถลำตามกระแสของการเปลี่ยนแปลงไปไกลแล้ว มุ่งที่จะทำงานหาเงิน เพราะเคยเชื่อตามแนวคิดของโลกทุนนิยมที่ว่าเงินคือเป้าหมายของชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้พบปะแลกเปลี่ยน และเรียนรู้ชีวิตมากขึ้น กลับพบว่าบางครั้งเงินตราก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป เงินตราไม่ได้ซื้อได้หมดทุกอย่าง และคนที่มีเงินมากๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าคนอื่นเสมอไป
เมื่อคิดได้ ก็หาทางที่จะวกกลับมาสู่วิถีชีวิตเดิมของสังคมบ้านเรา แต่ก็กลับพบว่าคนส่วนใหญ่ของบ้านเรานั้นหาได้เห็นพ้องต้องกันกับวิถีของคนในอดีต อาจเป็นเพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาจากระแสของการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงของสังคมโดยทั่วไป และเป็นข้อเตือนใจอย่างหนึ่งว่าหากเราจะหันกลับมาดำรงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของเราในอดีตนั้น เราต้องเข้าใจและทำใจให้ได้ก่อนว่าอาจจะไม่เหมือนเดิม (เพราะทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว) แม้ว่าอาจจะไม่เหมือนเดิมทั้งหมด แต่หากว่าเราตั้งใจและมุ่งมั่นจริง เราก็สามารถปรับวิถีชีวิตให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก็ยังดีกว่าเราไม่คิดที่จะทำอะไรเลยปล่อยไปตามยถากรรม
ส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยน/กลับตัว อ่านได้จากบันทึกเหล่านี้
เช้านี้ก็ได้บันทึกเพิ่มเติมอีกว่า ผมได้ปรับตัวกับชีวิต 2 สถานะอย่างไร จากยันทึกชีวิตกับความพอเพียง : 9. ออกกำลังกาย และยังมีประเด็นเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นจากผลพวงของการปรับตัวเพื่อที่จะหันกลับไปอยู่อย่างพอเพียงเหมือนคนในสังคมชนบท ซึ่งเราสามารถปรับตัวได้ โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องปรับเปลี่ยนไปเสียทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน อาจจะค่อยเป็นค่อยไป
บันทึกนี้อยากจะนำบางส่วนที่เป็นผลอันเกิดขึ้นจากการลงมือปฏิบัติเพื่อการอยู่อย่างพอเพียง หลังจากได้ดำเนินไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผลที่เกิดขึ้นตามมาช่างบังเกิดผลอย่างมากมายมหาศาล แม้ว่าจะคิดเป็นตัวเงินได้ไม่มาก แต่มีผลทางด้านคุณค่าอย่างมากมาย ผมพบว่าเราสามารถพึ่งพาตนเองได้แล้วในบางส่วน โดยเฉพาะทางด้านอาหารครับ เมื่อก่อนอธิบายว่าการผลิตอาหารสำคัญอย่างไรก็คงจะไม่มีใครใยดี ต่อเมื่อข้าวและพืชทางการเกษตรมีราคาแพงนั่นแหละคนถึงร้องอ๋อ
เพราะคนทุกคนอยู่ได้ด้วยอาหาร คนไทยไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ต้องกินข้าว กินทุกวัน แต่ของอย่างอื่นเรายังพอเลี่ยงได้ แต่น้ำและอาหารหลีกเลี่ยงลำบาก ผมมายืนยันครับว่าหากเราลงมือกันอย่างจริงจังเราจะสามารถพึ่งพาตนเองได้โดยเฉพาะทางด้านอาหาร
หนึ่งกอปีหนึ่งๆ
มีหน่อไม้ให้รับประทานหลายสิบหน่อ
แค่นี้ก็กินกันได้ทั้งครอบครัว
ไผ่ตงศรีปราจีนมีอยู่หนึ่งกอกำลังขยายลงปลูกเพิ่ม
นี่ก็หน่อเดียวได้หนึ่งหม้อแกงครับ
ดอกดาหลาปลูกไว้ดูอย่างเดียวก็คุ้มแล้วครับ
เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นผลจากการกลับตัวปรับใจ หันกลับมาหาทางพึ่งพาตนเองของผมและครอบครัว หลายท่านอาจจะทำได้มากและดีกว่านี้ ก็ช่วยนำมาบอกเล่าแบ่งปันกันผ่านบล็อกด้วยนะครับ อย่างน้อยก็ได้ช่วยกันยืนยันและตอกย้ำให้หลายๆ คนได้หันมาลงมือปฏิบัติเพื่อการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร และเป็นการฝึกการพึ่งพาตนเองตามวิถีแบบไทยๆ อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพราะฝรั่งที่ว่าแน่ๆ ที่เราเคยเดินตามก้นเขาอยู่ก็หันมาอยู่กับธรรมชาติ มาอยู่แบบไทยๆ แถวบ้านเราก็มากมายแล้ว เดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้เงินเป็นตัวชี้วัดกันเพียงอย่างเดียว เขาวัดกันที่ความสุขและความพอเพียงกันแล้ว...
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.
ขออภินันทนาการบทความนี้ด้วยหมูป่า1 คู่
จะส่งทาง EMS ไปรษณีย์ไม่รับ
+ สวัสดดีค่ะ...
+ เป็นความคิดที่เยี่ยม จริง ๆค่ะ
+ อ่านแล้วชวนให้คิดถึงแม่...เหตุเกิดสัก 5 ปีที่แล้ว
+ ที่บ้านปลูกทุกอย่าง...พริก ขมิ้น ตะไคร้ มะกรูด ผืชผักสวนครัว
+ เพื่อนบ้าน...ชอบมาแบ่งปัน..ขมิ้นและ ตะไคร้ ของแม่พร้อมบอกว่าที่ซื้อมาตุนไว้ในตู้เย็นมันหมด...เลยมาแบ่งหน่อย
+ หลาย ๆ ครั้งเข้า...แม่เลยแบ่งขุดตะไคร้ ขุดขมิ้น และต้นมะกรูดน้อย..แล้วเดินไปบ้านเพื่อนบ้าน
+ ไปหาจอบมา...ไปเราไปปลูก ตะไคร้ และขมิ้น และต้นมะกรูดน้อยกัน...ที่หลังบ้านปล่อยว่างไว้ทำไม
+ แม่และเพื่อนบ้านช่วยกันขุดดินและปลูกตะไคร้ ขมิ้น...และต้นมะกรูดน้อยกัน
+ ทุกวันนี้ เพื่อนบ้านก็ไม่ต้องซื้อขมิ้น ไม่ต้องซื้อตะไคร้ ใบมะกรูดอีก และไม่ต้องมาแบ่งจากที่บ้านอีกเลย
+ ฮา ๆ เอิ้ก ๆ นี่แหละแมฉัน....ร้ายไหมค่ะ...ถึงร้ายก็รัก
สวัสดีครับพี่
ว่าง ๆ จะแวะไปกินต้มหน่อไม้ที่กำแพงครับ
ถึงพม่าจะมาล้อมเมืองอีกสัก 2-3 เดือน สิงห์ป่าสักก็น่าจะอยู่ได้อย่างสบายแฮ
พอเพียงเนี่ย! ทำให้ผมนึกถึง ความสุขแบบเรียบง่าย เนาะ
เข้าทำนองว่าเข้าสู่ภาวะ "ป้า กะ ปู่ กู้อี้จู้"
แต่สถานการณ์ปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ยังผจญกับ ความไม่พอเพียง เลยเข้าทำนองว่า "พ่อ กะ แม่ หนูกู้อิออน" แทนครับ
-สวัสดีคับอ้ายสิงห์
-ไว้มีโอกาสคงได้ไปเยี่ยมชม "สวน" นะครับ
ไหว้สาเน่อครับ อ่านแล้วได้ความฮู้จาดนัก จะแวะเข้าอ่านบ่อยๆครับ
สวัสดีครับพี่สิงห์
การฝึกการพึ่งพาตนเองตามวิถีแบบไทยๆ จะมีคำว่าแบ่งปันแฝงอยู่ด้วยครับ อันนี้ที่ฝรั่งเขาไม่มี ของเราแบ่งปันกันตั้งแต่ผักริมรั้ว สวนครัวหลังบ้าน แบ่งข้าวปลาอาหารกินกันลอดรั้วถึงกัน แลกเปลี่ยนกันกินกันใช้ นี่น่าจะเป็นวิถีชีวิตพอเพียงที่เริ่มจากวิธีคิดที่เราเคยมีมานาน แล้วนะครับ
ยุคสมัยเปลี่ยนไปตอนนี้เราสามารถแบ่งปันผ่านระบบสื่อสารคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมได้อีกทางแล้ว
ขอบคุณที่พี่ได้แบ่งปันความรู้ผ่านBlog ครับ
สวัสดีครับอาจารย์สิงห์ป่าสัก วันนี้บล็อกเกอร์หน้าใหม่(คุณลิขิต2/2551)ได้รับกำลังใจจากพี่สิงห์ป่าสักมากเลยครับ
*0* สวัสดีค่ะพี่สิงห์ป่าสัก
*0* แวะมาเยียม หน่อไม้น่ากินจัง
*0* ที่สหกรณ์การเกษตรประจันตคาม สมาชิกก็ปลูกหน่อไม้เหมือนกันค่ะ
*0* ถ้าไปสหกรณ์ฯ เมื่อไร จะแวะไปเยี่ยมพี่เจ้าค่ะ