ปัญญาสำเร็จรูป สู่ ฝันภาวนา


  • การใช้ชีวิตในตอนที่ยังไม่หลับนั้น ผมก็จะใช้สติชำเลืองมองดูจิตดูใจของตนเอง เพื่อไม่ให้ใจเผลอไปตามอำนาจของกิเลสจนก่อเกิดตัณหา
  • แรก ๆ เมื่อมีสิ่งจากภายนอกผ่านอายตนะทั้งหกมากระทบจิตใจ ถ้าเผลอสติจิตใจจะปรุงแต่งจนวุ่นวายฟุ้งซ่านไปก็มีอยู่บ่อยครั้ง
  • แต่ก่อน ถ้าจิตวุ่นแล้วเมื่อไร ผมก็จะ "ภาวนา" พิจารณาธรรม เพื่อสยบความฟุ้งซ่านให้จิตใจเป็นสมาธิเพื่อสร้าง "ปัญญาสำเร็จรูป" ขึ้นมาใช้งานเฉพาะกิจ
  • สมาธิสำเร็จรูปเกิด ปัญญาสำเร็จรูปก็เกิด เราก็นำไปใช้เหมือนแบ็ตเตอรี่ อีกไม่นาน (ประมาณ 1 สัปดาห์) เมื่อแบ็ตเตอรี่สมาธิและปัญญาสำเร็จรูปหมดลงจิตก็วุ่นขึ้นมาใหม่ และก็สยบกันใหม่ต่อไป
  • ---------------------
  • เป็น ๆ หาย ๆ ดูเหมือนไปไม่ถึงไหนแบบนี้อยู่หลายสัปดาห์
  • แต่ถ้าเราพิจารณาดูดี ๆ ให้ช้าลงอีกสักนิด อย่างไม่รีบร้อน เราจะพบว่า หลายสิ่ง หลายอย่างดีขึ้นมาก ขอให้อย่ารีบร้อน
  • -------------------------------
  • เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มเข้าใจคำว่า "สัมมาทิฏฐิ" กับ "มิจฉาทิฎฐิ" มากขึ้น เข้าใจ "(อ)กุศล" มากขึ้น เข้าใจว่า จริง ๆ แล้วไม่ใช่ลดตัวตน แต่ตัวตนของเรามันไม่มี มันเป็นการทำ "มิจฉาทิฎฐิ" ให้เป็น "สัมมาทิฏฐิ" จนก้าวพ้น "ตัวตน" และ "ทิฏฐิ" ไปแล้วนั้น อาการจิตฟุ้งซ่านก็ไม่มาเยี่ยมอีกเลย
  • แต่.... จะมาตอนที่เรานอนหลับ หรือ ยังมาในฝันนั้นเอง ในคืนที่เราทำงานทางโลกอย่างหนัก บางครั้งยังฝันร้ายอยู่ก็บ่อยครั้ง
  • แต่เมื่อคืนนี้แตกต่างออกไป คือ ผมภาวนาในฝัน ในฝันจิตเริ่มไม่วุ่นแล้วล่ะ ต้องรอดูกันต่อไปครับ
คำสำคัญ (Tags): #ปัญญา
หมายเลขบันทึก: 231730เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2008 19:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เมื่ออยู่คนเดียว   จิตก็จะพอว่างได้บ้าง

    เมื่อต้องมาพบปะผู้คน  หลากหลายความคิด  นานาจิตตัง

        จิตก็ตั้งรับไม่ไหวครับ   ตกบ้าง  ขึ้นบ้าง  ไม่ว่างสักที

               ต้องกลับมานั่งสงบอารมณ์

                    แต่อย่างน้อย ไม่ให้เกิดกระทำผิดด้วย กาย วาจา

                              จิตจะฟุ้งซ่านบ้าง ค่อยๆระงับ

เรียน ท่าน

P

 

  • เป็นดั่งท่านรองฯ ว่าไว้ทุกประการเลยครับ  เพราะกายก็ไม่ใช่ของเรา ใจก็ไม่ใช่ของเรา ได้แต่เฝ้าดู
  • เมื่อฝึกปฏิบัตินานเข้า ดูเหมือนไปยังไม่ถึงไหน แต่จริง ๆ แล้วรุดหน้าไม่น้อย เพราะตอนฝึกใหม่ ๆ ใจเรายังหยาบอยู่ เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน แต่พอฝึกต่อไปใจละเอียดยิ่งขึ้น กิเลสก็ยิ่งละเอียดตามไปด้วย ทำนองนั้นครับ
  • ผู้รู้หลายท่านว่าไว้ว่า ชีวิตฆารวาสที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับการงานปัจจุบัน จะสามารถบรรลุได้ไม่เกิน "โสดาบัน" ถ้าจะให้บรรลุขั้นสูงขึ้นไปกว่านั้นต้องปลีกวิเวกครับ
  • ขอบพระคุณครับ

การฝึกจิตนั้นพระพุทธองค์เปรียบเหมือนการเล่นดนตรี ตอนที่เรายังเล่นดนตรีไม่เป็นเราต้องไปฝึกหัดที่โรงเรียน แต่เมื่อเราชำนาญแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนตรงไหนเราก็เล่นดนตรีได้ตลอดเวลา การฝึกจิตก็เช่นกัน เวลาที่เรานั้นวิปัสสนาหรือฝึกภานา นั้นคือการฝึกครับไม่ใช่การใช้ ต้องฝึกจนเขาเรียกว่า จิตควรแก่การงาน คือฝึกจนควรที่จะใช้งาน และสามารถนั้นจิตที่ฝึกนั้นมาใช้งานในเวลาที่เราอยู่ในภาวะปกติของมนุษย์ได้ เหมือนกับดนตรีครับ

 

สวัสดีครับ

P

 

  • ขอบพระคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท