คติที่ ๒๔ วัดปากน้ำไม่มีน้ำมนต์ ไม่มีคาถา มีแต่หยุดในหยุด ฯ


คติธรรมของหลวงพ่อเป็นคติปฏิบัติ

คติที่  ๒๔  วัดปากน้ำไม่มีน้ำมนต์  ไม่มีคาถา
                มีแต่หยุดในหยุด  

                จะเอาเปลือกหรือเอาแก่น


ปกติมักมีคนเอาผ้าป่ามาทอด  เมื่อทอดเสร็จก็จะเดินทางกลับ  อนจะลากลับมักขอน้ำมนต์พรมหรือขอคาถา  หลวงพ่อท่านจะตอบว่า  วัดปากน้ำไม่มีน้ำมนต์  ไม่มีคาถา  มีแต่หยุดในหยุด


คำว่า  "หยุดในหยุด"  หมายความว่าทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย  แล้วบริกรรมใจว่า  หยุดในหยุด  จนกว่าใจของเราจะหยุดตามที่ใจเราท่อง  พอใจหยุด  เราจะเห็นดวงใสโดยใจ  และเมื่อท่องหยุดในหยุดหยุดกลางดวงใสต่อไปแล้วเราจะเห็นธรรมกาย


กริยาที่ใจท่องหยุดในหยุดนั้น  เป็นการทำนิโรธ  นิโรธเป็นตัวกำจัดทุกข์และสมุทัย


แต่การทำใจหยุดในหยุดนั้น  ทำได้อย่างอ่อนหรือทำได้อย่างใช้การไดเราต้องมาพิจารณากัน  หากทำได้ถึงขนาดเห็นดวงใส  และในที่สุดเห้นธรรมกาย  ถือว่าใช้การได้  ย่อมมีผลกำจัดทุกข์ร้อนได้  นี่คือวิธีแก้ทุกข์ที่ถูกต้อง  


หากยังทำใจหยุดได้บ้าง  ยังไม่ถึงขึ้นใช้การได้  ย่อมมีผลกำจัดทุกข์ได้บ้าง  แม่จะไม่มาก  แต่ก็ได้บ้าง  ดีกว่าพรมน้ำมนต์  ดีกว่าท่องคาถาเป็นไหนๆ  วิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้อง  เป็นแก่นของวิชา  เป็นแก่นของความรู้


เรื่องพรมน้ำมนต์  เรื่องให้พรเป็นคาถา  เป็นวิธีการให้กำลังใจกันเท่านั้น  ถือปฏิบัติกันสืบมา


หยุดในหยุดนี้  หมั่นเจริญให้ยิ่งขึ้น  จนถึงขั้นเห็นดวงธรรม  เห็นกาย ๑๘ กายตามหลักสูตรหนังสือทางมรรคผล ๑๘ กายของหลวงพ่อ  ทางนี้เป็นทางพ้นทุกข์  เป็นเส้นทางสู่มรรคผลนิพพาน  เรื่องน้ำมนต์เรื่องคาถา  อย่าได้เสียเวลาไปสนใจเลย  เพราะเป็นเปลือกไม้  ไม่ใช่แก่นไม้


เรื่องน้ำมนต์นั้น  เป็นเรื่องการให้กำลังใจ  ไม่ใช่วิธีดับทุกข์  ทำกันมาแต่โบราณแล้ว  เมื่อมีทุกข์ร้อนเกิดขึ้นต้องไปรดน้ำมนต์ ๗ วัด  เราอาบน้ำมนต์กันมากี่ร้อยตุ่มแล้ว  ความทุกข์ไม่ได้หายไป  แต่ที่เราอยู่มาได้เป็นเพราะเกิดกำลังใจ  เขาว่าอาบน้ำมนต์แล้วจะดี  นี่เราก็อาบมา ๗ วัดแล้ว  เรามีกำลังใจในข้อที่ว่า  อาบครบ ๗ วัด  กำลังใจอันนี้เอง  ที่ทำให้เราอยู่มาได้   ไม่ใช่ความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์  แต่เป็นเพราะกำลังใจของเรา  คือเราสร้างใจของเราขึ้นใหม่  ใจอันใหม่  คือใจที่เราเชื่อว่าครบ ๗ วัดแล้ว  เมื่อครบ ๗ วัดแล้วเราดีแน่  คำว่าดีแน่นี่เองคือใจใหม่  เราอยู่ได้เพราะใจใหม่นี้  แยกความรู้ให้ดี  ให้เอาความรู้ออกหน้า  อย่าเอาความเชื่อออกหน้า  ความรู้ที่ถูกต้องคืออะไร  เพราะผู้รู้คือหลวงพ่อ  ท่านบอกไว้แล้ว


เมื่อเราอยากเจริญ  อยากให้ดวงชะตาดีขึ้น  หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านก็สอนแล้ว  ให้เราบริกรรมใจหยุดในหยุด  กำหนดใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย  ไม่ต้องถึงขนาดเห้นดวงใส  เอาแต่เพียงว่าอารมณ์แจ่มใส  เพียงเท่านี้เราก็เกิดปัญญาแล้ว  เกิดความคิดว่า  กิจการที่เราทำอยู่นี้มีอะไรบกพร่อง  ค้นพบแล้วเราก็แก้ไข  แล้วกิจการของเราก็ก้าวต่อไป  ไม่ต้องเสียเวลาแห่กันไปหาน้ำมนต์  เสียค่าน้ำมันรถต์ยนต์  เสีนค่าอาหารการกิน  เสียหลายอย่าง  แล้วได้อะไรขึ้นมาบ้าง


เลิกแห่ไปหาน้ำมนต์กันทีเถิด  นั่งทำภาวนาอยู่กับบ้าน  ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรทั้งนั้น  แล้วเราก็จะดีด้วยประการทั้งปวง  เมื่อใจหยุด  ใจใสแล้ว  ส่งผลให้ตัวเราดีขึ้นทั้งนั้น  อย่าได้ไปหลงเชื่ออวิชชา  บ้านเรามีแต่อวิชชาทั้งนั้น  มองไปทางไหน  มีแต่อวิชชา  ปลุกเสกเลนยันต์  เวทมนต์คาถา  สักตามเนื้อตามตัว  หมอเสน่ห์  ผีเจ้าเข้าทรง  สารพัดที่เราได้พบเห็น  ใครโชคร้ายพลัดเข้าไปในยุทธจักรเหล่านั้น  แปลว่าหมดโอกาสที่จะได้เห็นธรรมแล้ว  น่าเสียดายที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา  แต่ไม่เห็นธรรม  เรียกว่ามีบุญแต่กรรมบัง  สิ่งเหล่านั้นพระบรมศาสดาไม่ได้สอนเลยแม้แต่น้อย


**************************************************************************
ข้อมูลจาก หนังสือคติธรรม คตินิยม การดำเนินชีวิต ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

หมายเลขบันทึก: 215328เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2008 21:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นเช่นนี้เเหล่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท