๏๏๏๏๏๏๏๏ .:: "วิชชาเพี้ยนกับวิชชาพัฒนา" เขามีเกณฑ์วัดกันอย่างไร? ๏๏๏๏๏๏๏๏ .::
ก่อนจะพูดคุยก็ต้องขออ้างอิงตำราวิชชาธรรมกาย 4 เล่ม ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ คือ
1. ทางมรรคผล (วิชชา 18 กาย)
2. คู่มือสมภาร
3. วิชชามรรคผลพิสดาร เล่ม 1
4. วิชชามรรคผลพิสดาร เล่ม 2
ทั้ง 4 เล่ม เป็นข้อมูลอ้างอิง เป็นสาระในการวินิจฉัยนะครับ การปฏิบัติวิชชาธรรมกายต้องอิงตำรา ต้องหมั่นทบทวนตำรา เพราะตำราคือความรู้ที่เป็นผลจากการปฏิบัติมาแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านปฏิบัติจนรู้เห็นปิฎกวิชชาแล้วจึงรวบรวมมาเป็นตำราให้เราได้ใช้เป็นคู่มือปฏิบัติ ดังนั้นเราต้องอ่านตำรา ต้องหมั่นทบทวนตำรา แต่ทั้งนี้การจะอ่านตำรารู้เรื่องและเข้าใจแจ่มแจ้งทุกบทฝึกได้นั้นไม่ง่ายนัก เราจึงต้องเข้าหาครูอาจารย์ที่ท่านสอนได้ตรงตามตำรา อย่างน้อยก็เชื่อได้ว่าสอนถูกตรงตามความรู้ของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่ท่านบันทึกอยู่ในตำรา การจะทราบว่าอาจารย์ท่านใดสอนได้ถูกสอนได้ตรงเราเพียงขอความรู้ท่านโดยเทียบเคียงตามตำราวิชชาธรรมกายเท่านี้เองก็จะพอทราบได้ว่าอาจารย์ท่านสอนตรงตามความรู้ของหลวงพ่อวัดปากน้ำหรือไม่
โดยภาพกว้างๆ "เพี้ยนกับพัฒนา" เหมือนเส้นยาแดงผ่าแปดสำหรับคนที่มีพื้นทางวิชชาน้อย แต่สำหรับผู้มีพื้นฐานทางวิชชามาดี หรือปฏิบัติได้ตรงแนวจะเข้าในเป็นอันดี จะทราบเป็นอันดีว่าความหมายของคำว่าเพี้ยนหรือพัฒนา เขาวัดกันที่การเดินวิชชาในบทฝึกต่างๆ ตรงตามตำราหรือไม่ ความรู้ที่ได้สามารถนำไปกำจัดทุกข์ กำจัดภัย กำจัดโรค และกำจัดอวิชชาได้หรือไม่ โดยมีแนวทางสังเกตดังนี้
**** วิชชาพัฒนา สังเกตดังนี้ ****
1) ต่อยอดจากความรู้เดิม โดยมีเนื้อวิชชาเดิมเป็นพื้นฐาน
2) แก้ไขปัญหาที่พบในการเดินวิชชาแบบเดิมให้เดินวิชชาได้ดีขึ้น ได้เหตุได้ผลตรงตามที่บทฝึกต้องการ เช่น เรื่องการเดินวิชชา 18 กาย เดิมเราเอาใจนิ่งไว้ที่ฐานที่ 7 รอให้ใจหยุดถูกส่วนก็จะเห็นกายในกายเรื่อยไปจนครบ 18 กาย
++ ปัญหาที่พบคือ น้อยคนที่จะเดินวิชชาแนวนี้ไปจนครบ 18 กาย ไปติดแค่กายหนึ่งหรือสอง สามกาย เนื่องจากวิธีนี้เหมาะแก่ผู้มีบารมีมาก ที่ใจถูกฝึกมาดี ดังเช่นหลวงพ่อวัดปากน้ำและเหล่าศิษย์ยุคแรกๆ
++ วิธีแก้ไข ก็คือ เราต้องเดินใจตามฐานทั้ง 7 ทุกครั้ง เมื่อถึงกายใดๆ เช่น เห็นกายฝัน(มนุษย์ละเอียด) เราก็ต้องลำดับใจไปทีละฐาน แล้วไปหยุดตรงฐานที่ 7 ส่งใจนิ่งลงไปเห็นจุดเล็กใสเท่าปลายเข็มกลางดวงธรรมของกายฝัน ลำดับดวงธรรม 6 ดวง พอถึงดวงธรรมที่ 6 จุดเล็กใสว่างออก เห็นกายทิพย์หยาบ แล้วเดินใจไปตามฐานทั้ง 7 ของกายทิพย์หยาบทำตามวิธีนี้ก็จะเห็นกายในกายได้ตลอดไปจนครบ 18 กายได้อย่างง่ายดายขึ้น
เมื่อทดสอบดูแล้ววิธีการเดินใจไปตามฐานทั้ง 7 ทุกครั้ง มีข้อดีมากเพราะใจจะเข้ากลางเสมอ และทำให้สามารถเดินวิชชาได้ครบ 18 กายได้โดยง่ายดาย ช่วยแก้ปัญหาการเดินวิชชา 18 กายได้ดีมาก
*** อย่าลืม หลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวไว้ว่า "เห็นสิบแล้วเห็นศูนย์ เป็นเค้ามูลสืบกันมาฯ" นั่นหมายถึงก่อนใจจะหยุดตรงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ใจจะหยุดตรงสิบก่อนคือฐานที่ 6 ใจจะหยุดตรงสิบและตกศูนย์ได้ เราต้องเดินใจตามฐานที่ตั้งของใจทั้ง 7 ฐานเสมอ
3) ทำของยากให้เป็นของง่าย
เช่น สอนให้ผู้มารับการฝึกเห็นธรรมกายได้ง่ายขึ้น ใช้เวลาน้อย ประหยัดงบประมาณ มาร้อยต้องเห็นธรรมทั้งร้อย มาพันต้องเห็นธรรมทั้งพัน ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง มีขั้นตอนในการฝึกชัดเจน จัดลำดับก่อนหลังในการฝึกภาคปฏิบัติได้ มีวิธีการวัดผลการฝึกทุกครั้ง
4) ต้องพัฒนาวิชชาอยู่เสมอ วิชชาต้องละเอียดยิ่งขึ้นไปเรื่อย ดังคำของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่ว่า "เดินหน้าต่อไปไม่ถอยหลังกลับ" โดยให้ "ดับหยาบไปหาละเอียดเรื่อยไป"
เราต้องพัฒนากันที่เนื้อวิชชา ในภาคความรู้ขั้นปฏิบัติ เพราะนี่คือมรรควิถีของผู้เข้าถึงธรรมกายอย่างแท้จริง เมื่อเราพัฒนากันที่เนื้อความรู้ เนื้อวิชชา ธรรมก็จะเจริญ โลกก็จะเจริญ เพราะความรู้ย่อมมีไปไม่สิ้นสุด ตราบใดที่กิเลสอวิชชายังครอบงำสัตว์โลกอยู่ เราจะมาพึงพอใจแต่ความรู้เดิมๆ ไม่ได้ กิเลสเขาก็พัฒนาในฝ่ายของเขา เราจะมานั่งเดินวิชชาที่หยาบลงๆ ก็ไม่ได้ จะเห็นได้ว่าแม้เรื่องในโลกนี้ก็มีการพัฒนามาโดยตลอดในช่วงเวลาอันยาวนาน แทบจะเรียกว่าในทุกเรื่องก็ว่าได้ อยู่ที่ว่ามันเป็นไปในแง่ดีขึ้นหรือเลวลงเท่านั้น
หลวงพ่อให้ความสำคัญในภาคปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง เราต้องเอาความรู้ออกหน้า อย่าเอาความเชื่อความศรัทธาออกหน้า เพราะความรู้ที่ถูกต้องตรงตามหลักวิชชาเท่านั้น วิชชาจึงจะพัฒนาได้ เราจะทราบได้อย่างไรว่าความรู้ที่ได้ตรงกับหลักวิชชา ขอให้ย้อนไปพิจารณากันในตำราหลักสูตรทั้ง 4 เล่มที่ยกมาข้างบนนั้นเป็นหลัก เพราะตำราเหล่านั้นมีความรู้ภาคสมถะและวิปัสสนาอย่างครบถ้วน เป็นความรู้วิชชาธรรมกายทุกระดับชั้น ตั้งแต่ เบื้องต้น กลาง ปลาย อ่อน แก่ หยาบ ละเอียด โปรดศึกษาให้มาก ทำความเข้าใจให้ได้ทุกบทฝึก
---- วิชชาเพี้ยน สังเกตดังนี้ ----
1) ความรู้นอกกรอบนอกตำรา โดยไม่มีพื้นวิชชาเดิมรับรอง เทียบเคียง ตรวจสอบไม่ตรงกับความรู้หลักของวิชชาธรรมกาย
เช่น การที่คนๆ หนึ่งเห็นดวงปฐมมรรคเราต้องรีบต่อวิชชาให้เขาเห็นธรรมกาย จนสามารถเดินวิชชา 18 กายได้ ไม่ใช่ปล่อยเขาให้เห็นแต่ดวงไปเรื่อยๆ หรือเห็นกายธรรม(องค์พระ)ไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์เลย เพราะเห็นดวงธรรมแล้วต้องเห็นกายในกายให้ได้ ตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำวางแนวเอาไว้ให้ดังนี้
สอนจนเขาเห็นดวงปฐมมรรค ต้องต่อวิชชาให้เขาเห็นกายในกาย จนเป็นวิชชา 18 กาย แล้วฝึกเดินวิชชาอนุโลม-ปฏิโลม ทุกวันให้กายทุกกายใสสว่าง
จากนั้นจึงพาผู้ได้ธรรมกายไปฝากธาตุฝากธรรมต่อธาตุธรรม บนพระนิพพาน และขอรัตนะทั้งเจ็ดด้วย ฝึกเข้านิพพานเยอะๆ เพื่อไปซ้อนกายสับกาย ซ้อนสับทับทวีกับธาตุธรรมเพื่อให้กายและใจใสที่สุด เพื่อเตรียมเรียนวิชชาอื่นต่อไป
2) แทนที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นกลับถอยหลังเข้าคลอง
เช่น ผู้เป็นธรรมกายต้องแก้โรคได้ ต้องตรวจคนตายว่าไปอยู่ที่ไหนได้ ต้องสอนเขาเห็นธรรมกายได้อย่างเฉียบคม สอนเขาเดินวิชชา 18 กายได้ ถ้าทำได้อยู่ถือว่ายังรักษาความรู้ไว้ได้ ถ้าทำไม่ได้นั่นคือการถอยหลังเข้าคลองทางวิชชา
เวบให้ความรู้วิชชาธรรมกาย http://www.khunsamatha.com/
3) มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากเนื้อความรู้เดิม
เช่น การเห็น บุญ ต้องเห็นเป็นดวงบุญ ไม่ใช่เห็นเป็นท่อบุญ เป็นสายบุญ
วิชชาธรรมกายที่ถูกต้อง ต้องตรวจสอบวัดผลได้ เทียบเคียงตำราแล้วลงรอยกัน ที่สำคัญรู้ญาณทัสสนะที่เห็นต้องได้รับการยืนยันและตรวจสอบกันเองเสมอ รู้อะไรเห็นอะไรอย่าเพิ่งเชื่อให้ทำวิชชาตรวจสอบก่อนเสมอ
4) วิชชาหยาบลง คือถอยจากละเอียดมาเล่นความรู้ที่หยาบลง
ดังเช่น ความรู้ทางปฏิบัตินั้น เป็นเรื่องนามธรรม ผู้ปฏิบัติพึงเห็นผลได้ด้วยตนเอง ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเราเอาเรื่องที่เป็นนามธรรมถอยหยาบมาเป็นเรื่อง วัตถุธรรม เรื่องพิธีกรรม ที่เกินความจำเป็น และอาจเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับหลักปฏิบัติทางวิชชาด้วยซ้ำ เพราะวิชชาธรรมกายสอนให้เราพัฒนาใจ ไม่ยึดติด ไม่ติดพิธีกรรม ไม่ติดวัตถุภายนอกตัว หลวงพ่อวัดปากน้ำมีคติธรรมที่เราควรนำเป็นแบบอย่างคือ ท่านมุ่งหวังสร้างพระในใจคน ท่านกล่าวว่า เราต้องให้ความรู้เขาก่อน เมื่อเขามีความรู้แล้วก็ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เมื่อใจใสแล้วทำอะไรดีหมด หลวงพ่อวัดปากน้ำจะบรรเทิงอารมณ์มากเมื่อผู้มารับการฝึกเห็นดวงธรรมในท้องได้ ใครที่ทำได้แม้เพียงแค่คนเดียว หลวงพ่อฯ ยิ้มได้ทั้งวัน นั่นหมายถึงหลวงพ่อฯ เห็นการปฏิบัติสำคัญกว่าเรื่องอื่นใด เราผู้เป็นศิษย์ควรถือเป็นแบบอย่างได้เป็นอย่างดี ทำอะไรๆ ต้องเข้าหลักหลวงพ่อฯ นั่นคือ "ประหยัดสุด ประโยชนสูง"
ขอให้อ่านแล้วพิจารณาให้มาก ว่าการเรียนรู้ในวิชชาธรรมกายนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำได้วางหลักเกณฑ์ไว้อย่างดีแล้ว มีการตรวจสอบ และวัดผลความถูกต้องไว้อย่างชัดเจน ตำราทั้ง 4 หลักสูตรถือเป็นธรรมนูญของผู้ฝึกธรรมกายทุกคน เราอย่าหลงเชื่อตนเอง คือเชื่อรู้ญาณทัสสนะของเราเองจนเกินไป ควรตรวจสอบความรู้กับตำราเนืองๆ ว่าเรายังอยู่ในร่องในรอย ของ รอยใจภาคขาว(กุศลาธัมมา)อยู่หรือไม่.......
ความรู้ทางวิชชาธรรมกายยังมีอีกมาก รอผู้มีบารมีธรรมมาช่วยกันฝึกฝนและเรียนรู้ ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ...
ถึงคุณปราชญ์ขยะ เท่าที่ผมได้อ่านประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของคุณผมคิดว่าตัวคุณเองก็ใช่ได้นะ การอ้างอิงตำราของหลวงปู่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ขอให้อย่าลืมว่า การที่คุณปฏิบัติธรรมจนได้ธรรมกาย ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหมดกิเลสความรู้ความเห็นในทางปฏิบัติจึงไม่ สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าจะถูกต้องไปเสียทั้งหมด การที่ตัวคุณเองไปปรามาศ ครูบาอาจารย์ท่านอื่นคิดว่าถูกต้องแล้วหรือ ผมไม่ได้สนว่าคุณประสบการณ์ภายในคุณจะทำได้ดีเท่าใด เพราะผลชี้วัดในการปฏิบัติ มันอยู่ที่ว่าคุณละวางและกิเลสในใจลดน้อยลงแค่ไหน โดยรวมข้อมูลสิ่งต่างๆที่คุณโพสไว้ก็ดี แต่ติดที่คุณไปปรามาศผู้อื่น ว่าอย่างนี้เพี้ยนอย่างนั้นไม่ถูกต้องผมว่ามันไม่ควร ผมคิดว่าคนทั่วไปที่จะฝึกฝนจะมาทำความดีอินทรียมันก็มีหลายระดับ รายละเอียดมันจึงมีมาก ท่านหรือใครจะสอนหรือจะใช้คำแบบไหนผมว่ามันไม่สำคัญ สำคัญว่าสอนแล้วเข้าถึงธรรมกายให้เป็นคนดีมีศิลธรรม ไม่ดูถูกดูแคลนผู้อื่นผมว่าแบบนี้มันจะไม่ดีกว่าหรือ
ถึงคุณปราชญ์ขยะ เท่าที่ผมได้อ่านประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของคุณผมคิดว่าตัวคุณเองก็ใช้ได้นะ การอ้างอิงตำราของหลวงปู่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ขอให้อย่าลืมว่า การที่คุณปฏิบัติธรรมจนได้ธรรมกาย ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหมดกิเลสความรู้ความเห็นในทางปฏิบัติจึงไม่ สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าจะถูกต้องไปเสียทั้งหมด การที่ตัวคุณเองไปปรามาศ ครูบาอาจารย์ท่านอื่นคิดว่าถูกต้องแล้วหรือ ผมไม่ได้สนว่าประสบการณ์ภายในคุณจะทำได้ดีเท่าใด เพราะผลชี้วัดในการปฏิบัติมันอยู่ที่คุณละวางและกิเลสในใจลดน้อยลงแค่ไหน โดยรวมข้อมูลสิ่งต่างๆ ที่คุณโพสไว้ก็ดี แต่ติดที่คุณไปปรามาศผู้อื่น ว่าอย่างนี้เพี้ยนอย่างนั้นไม่ถูกต้องผมว่ามันไม่ควร ผมคิดว่าคนทั่วไปที่จะฝึกฝนจะมาทำความดีอินทรียมันก็มีหลายระดับ รายละเอียดมันจึงมีมาก ท่านหรือใครจะสอนหรือจะใช้คำแบบไหนผมว่ามันไม่สำคัญ สำคัญว่าสอนแล้วเข้าถึงธรรมกายให้เป็นคนดีมีศิลธรรม ไม่ดูถูกดูแคลนผู้อื่นผมว่าแบบนี้มันจะไม่ดีกว่าหรือ
ผมได้อ่านแล้ว ผมประทับใจมาก ถึงจะพึ่งมาอ่าน แต่ผมก็ชอบ คนเราควรฟังคำสั่งสอนของครูอาจารย์ เป็นที่ตั้ง สาธุ อนุโมทนาครับ