พระผู้หาผู้เสมอเหมือนมิได้


อ่านทั้งหมด ที่เวป http://khunsamatha.com/

ระผู้หาผู้เสมอเหมือนมิได้


มีคนขี้สงสัยบางคนเปรยว่า  อ่านพุทธวจนะบางตอนแล้ว ฟังดูคล้ายพระพุทธองค์ทรง
ยกย่อง  พระองค์เอง  ผมถามว่าทำไมรู้สึกอย่างนั้น  เขาบอกว่าไม่ทราบ  แต่ทำไมพระพุทธวจนะจึงมักตรัสว่าเราเป็นคนเลิศในโลก  เราหาคนเปรียบปานมิได้ ทำนองนี้


ท่านผู้ขี้สงสัยนั้นกล่าวต่อว่า  ยกตัวอย่างเช่น  ในตอนที่ตรัสตอบอุปกาชีวก  อุปกาชีวกเพียงถามว่า  ท่านบวชอุทิศใคร  พระพุทธเจ้ากลับตอบในทำนองยกย่องพระองค์เองเสียยืดยาวว่า


เราเอาชนะทุกอย่าง  ตรัสรู้ทุกอย่าง  ไม่ติดอยู่ในสิ่งทั้งปวงหลุดพ้นเพราะทำลายตัณหา  เราตรัสรู้เองแล้วจะพึงอ้างใครว่าเป็นครูของเราเล่า  คนเช่นเราไม่มีใครสอน  คนเช่นเราไม่มีในโลกพร้อมทั้งเทวโลก  เราเป็นอรหันต์  เป็นศาสดาหาศาสดาอื่นยิ่งกว่ามิได้ เราผู้เดียวเป็นสัมมาสัมพุทธะเป็นผู้ดับเย็นแล้ว  บรรลุนิพพานแล้ว


ผมตอบท่านผู้ขี้สงสัยว่า  ไม่เห็นเป็นการ ยกย่อง  ตนเองเลย  ผมกลับมองไปว่าพระพุทธองค์ตรัสความจริง ความจริงมันเป็นเช่นนั้น  ถ้าพระองค์ไม่เป็นเช่นนั้นจริงสิ  จึงจะถือว่าทรงยกย่องพระองค์เอง


ทุกอย่างที่ตรัสเป็นความจริงหมด  เช่น  พระพุทธองค์ไม่มีครูสอนพระพุทธองค์ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณด้วยพระองค์เอง


อาจสงสัยว่า อ้าวแล้วครู  (วิศวามิตรและท่านอื่น ) ผู้ประสิทธิ์ประสาทศิลปวิทยาการให้ตอนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ  อาฬารดาบาสอุทกดาบสผู้ประสาทวิชาโยคะให้จนบรรลุสมาบัติขั้นแนวสัญญานาสัญญายตนะเล่า มิใช่ครูของพระองค์หรือ ทำไมตรัสว่าไม่มีครู


ใช่ครับ ท่านเหล่านั้นเป็นครูของพระองค์  วิศวามิตรเป็นต้นเป็นครูทางศิปวิทยาการ  ดาบสทั้งสองเป็นครูทางฌานสมาบัติแต่ครูในทางตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณไม่มี  ที่ว่าพระองค์ไม่มีใครสอน  คือไม่มีใครสอนทางตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณให้ ครูในทางตรัสรู้ไม่มีครับ พระองค์ทรงรู้ด้วยพระองค์เอง


นี่ก็เป็นความจริง


ที่ว่าคนเช่นพระพุทธองค์ไม่มีในโลกพร้อมทั้งเทวโลก  หมายความว่ามนุษย์ทั้งปวงในมนุษย์โลก   และเทวดาทั้งปวงในสวรรค์ไม่มีใครเท่าพระองค์  เพราะมนุษย์และเทวดาเหล่านั้นยังตกอยู่อำนาจกิเลสอยู่  ไม่พ้นวงจรการเวียนว่ายตายเกิด  จะเทียบเท่าพระสัมมาสัมพุทธะได้อย่างไร


นี่ก็เป็นความจริงอีกนั่นแหละ  การตรัสความจริง  ไม่เห็นจะเป็นการยกตนเองเลย  ที่ตรัสว่า  ในโลกนี้  ทรงจำกัดกาลสมัยด้วยคือ  ในยุคนี้  ไม่มีสัมมาสัมพุทธะผู้ประเสริฐเท่าพระองค์   ประเสริฐเท่าพระองค์ก็มีแต่  พระสัมมาสัมพุทธ  ด้วยกัน   ซึ่งก็ต้องอยู่ในยุคอื่น  พระพุทธเจ้าในอดีตทั้งปวงและพระพุทธเจ้าในปัจจุบัน  (คือพระโคตมะพุทธ)  เสมอภาคกันในการตรัสรู้  ไม่มีพระองค์ใดยิ่งหย่อนกว่าพระองค์ใด


นี้ก็เป็นความจริงอีก


พระสารีบุตร    อัครสาวกก็เคยประกาศด้วยความมั่นใจว่าในปัจจุบันไม่มีใครรู้เกินกว่าพระพุทธเจ้า  พระสารีบุตรประกาศด้วยความมั่นใจเช่นนี้  ไม่ได้คิดเอาเองส่งเดช  หรือเพื่อเอาพระทัยพระพุทธเจ้าแต่เป็นการพูดความจริง  โดยอาศัย แนวแห่งธรรมที่ท่านรู้   (ธมฺมนฺวโย  วิทิโต)  ดังที่ท่านกราบทูลต่อพระพักตร์พระพุทธองค์ว่า


“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์ไม่มีญาณหยั่งรู้พระทัยของพระสัมมาสัมพุทธะในอดีต  ปัจจุบัน  และอนาคต  แต่ข้าพระองค์รู้  แนวธรรม  เปรียบเสมือนเมืองใหญ่มีประตูสำหรับเข้า-ออกทางประตูนี้  สัตว์เล็กก็เข้า-ออกทางประตูนี้  ฉันใด


แนวแห่งธรรมก็ฉันนั้น  ข้าพระองค์รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงละนิวรณ์ได้  ทรงมีพระทัยตั้งมั่นในสติปัฏฐาน  ๔  ทรงเจริญโพชฌงค์  ๗  ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต  และในปัจจุบัน  ก็อาศัยแนวทางนี้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเช่นกัน



คำพูดของพระสารีบุตรหมายความว่า  ไม่มีใครรู้เกินกว่าพระพุทธเจ้าปัจจุบัน  ถึงท่าน (พระสารีบุตร)  ไม่มีญาณหยั่งรู้ใจของพระพุทธเจ้าในอดีต  และอนาคต  ท่านก็ยืนยันได้ว่า  พระพุทธเจ้าเหล่านั้น  ก็ไม่มีองค์ใดรู้เกินกว่าพระพุทธองค์ปัจจุบัน  พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ  พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงรู้เท่า ๆ กัน  ไม่มีองค์ไหนรู้เกินกว่าองค์ไหน


พระสารีบุตรท่านยืนยันข้อสรุปนี้  มิได้เดาเอา  หากแต่อนุมานเอาตามแนวแห่งการตรัสรู้ธรรม  อนุมานอย่างไร  ก็เหมือนดูเมืองทั้งเมืองไม่เห็นมีรูมีช่องไหนเลย  ยกเว้นประตูใหญ่ประตูเดียว  ก็อนุมานเอาว่า ไม่ว่าคนไม่ว่าสัตว์ย่อมเข้า-ออกผ่านประตูนี้ประตูเดียว  นี้คือวิธีอนุมาน


อนุนานคืออาศัยหลักฐานที่ประจักษ์ชัดแล้วสาวไปหาข้อสรุปหรือคำตอบ


พระสารีบุตรท่านยกประสบการณ์ที่ตนเองประจักษ์ว่า  การละนิวรณ์ได้  การบำเพ็ญสติปัฏฐานและ โพชฌงค์ทำให้บรรลุธรรมได้เพราะตัวท่านก็บรรลุพระอรหัตผลผ่านทางนี้


แล้วก็อนุมานต่อไปว่า  พระโคตรมะพุทธองค์ปัจจุบันก็บรรลุผ่านทางนี้  พระพุทธเจ้าในอดีต  และอนาคตก็ผ่านทางนี้  ไม่มีพระองค์ใดบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณผ่านทางอื่น


เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครเกินกว่าพระพุทธเจ้าในทางตรัสรู้พระพุทธเจ้าอื่น ๆ ก็ไม่เกิน  เพราะตรัสรู้เรื่องเดียวกัน  และตรัสรู้เท่า ๆ กัน


แต่สำหรับมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย  ไม่ว่าโลกไหนยุคไหน  หาผู้เสมอเหมือนพระสัมมาสัมพุทธะมิได้แล




**************************************************************************

ข้อมูลที่ใช้ในการเรียบเรียง  :  บางแง่มุมเกี่ยวกับพระพุทธองค์  
โดย ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์  วรรณปก  ราชบัณฑิต

 

.............................................

 

อ่านบทความทั้งหมดได้ที่ http://khunsamatha.com/

พุดคุยสนทนาธรรมในประเด็นต่างๆ กันได้ที่ห้องสนทนา  http://forums.212cafe.com/samatha/

หมายเลขบันทึก: 216025เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2008 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 15:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท