พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
๓. ธรรมวิหาริกสูตรที่ ๑
[๗๓] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่าผู้อยู่ในธรรมๆ ดังนี้ ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในธรรม
ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ ฯ
-->> (นักเรียน)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเรียนธรรม
คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม
เวทัลละ เธอย่อมปล่อยให้วันคืนล่วงไป ละการหลีกออกเร้นอยู่ ไม่ประกอบ
ความสงบใจในภายใน เพราะการเรียนธรรมนั้น ภิกษุนี้เรียกว่าเป็นผู้มากด้วย
การเรียน(ปริยัติติพหุโล) ไม่ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในธรรม ฯ
-->> (นักเขียน - นักแต่ง - นักเทศน์)
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมแสดงธรรมตามที่ได้สดับมาแล้ว ตามที่ได้เรียน
มาแล้ว แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร เธอย่อมปล่อยให้วันคืนล่วงไป ละการหลีกออก
เร้นอยู่ ไม่ประกอบความสงบใจในภายใน เพราะการแสดงธรรมนั้น ภิกษุนี้เรียก
ว่าเป็นผู้มากด้วยการแสดงธรรม(ปัญญัตติพหุโล) ไม่ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในธรรม ฯ
-->> (นักสวด - นักท่อง)
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมกระทำการสาธยายธรรมตามที่ได้สดับมาแล้ว
ตามที่ได้เรียนมาแล้ว โดยพิสดาร เธอย่อมปล่อยให้วันคืนล่วงไป ละการหลีก
ออกเร้นอยู่ ไม่ประกอบความสงบใจในภายใน เพราะการสาธยายธรรมนั้น ภิกษุ
นี้เรียกว่า เป็นผู้มากด้วยการสาธยาย(สัชฌายพหุโล) ไม่ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในธรรม ฯ
-->> (นักคิด)
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมตรึกตาม ตรองตาม เพ่งตามด้วยใจ ซึ่งธรรม
ตามที่ได้สดับมาแล้ว ตามที่ได้เรียนมาแล้ว เธอย่อมปล่อยให้วันคืนล่วงไป
ละการหลีกออกเร้นอยู่ ไม่ประกอบความสงบใจในภายใน เพราะการตรึกตาม
ธรรมนั้น ภิกษุนี้เรียกว่า เป็นผู้มากด้วยการตรึกธรรม(วิตักกพหุโล) ไม่ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในธรรม
-->> (นักปฏิบัติธรรม)
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา
อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ เธอย่อมไม่ปล่อยให้วันคืนล่วง
ไป ไม่ละการหลีกออกเร้นอยู่ ประกอบความสงบใจในภายใน เพราะการ
เล่าเรียนธรรมนั้น ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในธรรม(ธรรมวิหารี)อย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ เราแสดง
ภิกษุผู้มากด้วยการเล่าเรียนธรรม แสดงภิกษุผู้มากด้วยการแสดงธรรม แสดงภิกษุผู้
มากด้วยการสาธยายธรรม แสดงภิกษุผู้มากด้วยการตรึกธรรม แสดงภิกษุผู้อยู่ใน
ธรรม ด้วยประการฉะนี้ ดูกรภิกษุ กิจใดอันศาสดาผู้หวังประโยชน์เกื้อกูล
อนุเคราะห์ อาศัยความเอ็นดู พึงกระทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจนั้นเราได้ทำแก่เธอ
ทั้งหลายแล้ว ดูกรภิกษุ นั่นโคนต้นไม้ นั่นเรือนว่าง เธอจงเพ่งฌาน อย่า
ประมาท อย่าเป็นผู้มีความเดือดร้อนในภายหลัง นี้เป็นอนุสาสนีของเราเพื่อเธอ
ทั้งหลาย ฯ
จบสูตรที่ ๓
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๒๐๒๔ - ๒๐๕๗. หน้าที่ ๘๘ - ๙๐.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=22&A=2024&Z=2057&pagebreak=0
เปิดตา ปิดใจ ไม่พ้น ทุกข์ ภัย วัฏสงสาร
เปิดตา เปิดใจ อาจพ้น ทุกข์ ภัย วัฏสงสาร
ปิดตา เปิดใจ ย่อมพ้น ทุกข์ ภัย วัฏสงสาร
สวัสดี ครับ
เป็นบันทึกแรกที่ได้อ่านเช้านี้
การได้ซึบซับ....สิ่งที่เป็นมงคลต่อชีวิต
ทำให้รู้สึกดี....
ขอบพระคุณ ครับ