กายสิทธ์ คืออะไร? (ตอนที่ 4)


กายสิทธ์ คืออะไร?
(ตอนที่ 4)

      พุทธรัตนะนี้มีสัณฐานเหมือนพระปฏิมากรเกตุดอกบัวตูมขาวใส เป็นแก้วมีรัศมีขาวใสประดุจเพชรน้ำดีไม่มีที่ติ 

     ดวงธรรมที่มีลักษณะกลมใสบริสุทธิ์ ใสสว่างดุจแก้วมณีโชติ ที่ศูนย์กลางกายพุทธรัตนะนั้นคือธรรมรัตนะ 

     พุทธรัตนะนั้นคือธรรมกาย 

     ธรรมรัตนะคือดวงธรรม 

     ส่วนธรรมกายละเอียดที่อยู่กลางดวงธรรมนั้นคือสังฆรัตนะเป็นแก้วใสสว่าง แก้วทั้งสามองค์รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย

     แก้ววิเศษ ๓ ประการนี้ใครได้เข้าถึงเป็นเจ้าของจะมี แต่ความสุขใจ อันใดเปรียบไม่ได้เลย เป็นของวิเศษสุดใน โลก เป็นสุดยอดของมนุษย์ทุกคนที่พยายามหาหนทาง เข้าถึงพระรัตนตรัยนี้

ความลับของดวงแก้ว

     ความลับและความสำคัญยิ่งของดวงแก้วกายสิทธิ์-จักรพรรดิ

     ดวงแก้วกลมใสบริสุทธิ์ที่เจียระไนจากหินแก้วบริสุทธิ์ที่มี ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางเกิน ๓ นิ้วขึ้นไปนั้นมีคุณค่าต่อการ ทำวิชชาธรรมกายขั้นสูงอย่างสำคัญยิ่ง เพราะดวงแก้วขนาด ใหญ่เกิน ๓ นิ้วนี้ จึงจะมีกำลังฤทธิ์แรง ช่วยในการเดินวิชชา ธรรมกายได้เร็วมีพลังขึ้น และดวงแก้วใสขนาดใหญ่ ที่ใส บริสุทธิ์นี้เมื่อนำมาเดินวิชชาธรรมกายขั้นสูงแล้วจะมีอานุภาพ ยิ่งนัก

     ๑. เช่นช่วยในการเชื่อมสายสมบัติบันดาลให้เกิดสมบัติต่าง ๆ ใช้ในการคำนวณผังอุดมสมบูรณ์พูนสุข เช่นในสมัยหลวงพ่อ วัดปากน้ำ ในสมัยนั้นมีพระ เณร แม่ชี ศิษย์วัดรวมนับเป็นพัน ชีวิต หลวงพ่อต้องรับภาระเลี้ยงดูตั้งโรงครัวเลี้ยง ซึ่งท่านก็ ได้อาศัยดวงแก้วกลมใสขนาดใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓ นิ้ว ๓ ดวง มาเจริญวิชชา ช่วยเชื่อมสายสมบัติ จนวัด ปากน้ำ เจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์จนปัจจุบันนี้

     ๒. ในการเจริญวิชชาสะสางธาตุธรรม (วิชชารบ) (วิชชาปราบมาร) เป็นวิชชาสูงสุดยอดของวิชชาธรรมกายนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง ต้องอาศัยดวงแก้วขนาดใหญ่ช่วยเป็นกำลังสำคัญ เพราะกาย มนุษย์นั้นต้องมีการกิน,การถ่าย,การพักผ่อนหลับนอน พูดง่าย ๆว่ายังมีโอกาสเผลอได้ ส่วนจักรพรรดิในดวงแก้วนั้น ไม่มีการกิน การถ่าย แบบมนุษย์ ดังนั้น ผู้เป็นวิปัสนาจารย์ หรือ พระโยคาวจรผู้ทำวิชชา จึงสามารถถ่ายทอด วิชชาปราบมาร ให้จักรพรรดิ์ในดวงแก้ว ทำวิชชาแทนกายมนุษย์ได้ดี เป็นคุณประโยชน์ต่อการทำวิชชาขั้นสูงสุดในวิชชาธรรมกาย

     และในยุคหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น ท่านสั่งให้บรรดาศิษย์ผู้เชี่ยว ชาญในการทำวิชชาธรรมกาย ให้นำดวงแก้วกายสิทธิ์จักรพรรดิ นำมาถือไว้ในมือ ขณะทำวิชชา หลวงพ่อวัดปากน้ำบอกว่าจะ ช่วยให้การทำวิชชาเร็วและแรงขึ้น และนอกจากนี้ดวงแก้วหิน ใส ขนาดใหญ่ถ้าหากได้นำมาเจริญวิชชาธรรมกายอย่าง ชำนาญแล้ว องค์จักรพรรดิ์ในดวงแก้วหรือองค์กายสิทธิ์ ในดวงแก้ว สามารถจดจำวิชชาที่กายมนุษย์ได้ทั้งหมด อีกด้วย

     คุณค่าและความสำคัญของดวงแก้วหินใสในวิชชาธรรมกาย นั้นมีอีกมาก และไม่อาจนำมาเปิดเผยชี้แจงให้ทุกท่านทราบได้ ในขณะนี้ นอกจากว่าท่านได้ลงมือปฏิบัติธรรมบรรลุธรรมกาย และท่านได้ศึกษาทำวิชชา ตามแนววิชชาที่หลวงพ่อวัดปาก น้ำแนะนำไว้ ท่านจะทราบและรู้ซึ้ง ในคุณค่าของดวงแก้วหิน ใส ว่ามีความสำคัญยิ่งเพียงใด โดยเฉพาะในการทำวิชชา ปราบมาร และการทำวิชชาเข้าไปยึดสิทธิอำนาจในธาตุธรรม เป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งต้องอาศัยหินใสบริสุทธิ์ช่วยขณะทำ วิชชา คือวิชาปราบมารซึ่งมารเกรงกลัวเป็นที่สุด เพราะถ้ากาย มนุษย์ธาตุธรรมสายขาวใส ได้บรรลุธรรมกายและทำวิชชาขั้น สูงสะสางธาตุธรรม วิชชารบ(ปราบมาร) โดยถือดวงแก้วหิน ขาวใสบริสุทธิ์ขนาดเกินผลส้มเข้าไว้ในมือ แล้วเจริญวิชชา ธรรมกาย จะเกิดประสิทธิภาพฤทธิ์เดชในส่วนหยาบส่วน ละเอียด ส่งผลให้วิชชาธรรมกายฝ่ายพระหรือฝ่ายบุญภาค ปราบมีอานุภาพมากเฉียบขาด ทำวิชชาประกอบกันจะเกิด พลานุภาพ ฤทธิ์ ,สิทธิ์,อำนาจ,เฉียบขาด สามารถขจัด อวิชชา,ปราบมารได้ผลดีสุดจะประมาณ และบรรดาจักรพรรดิ์ ฝ่ายปราบบนพระนิพพานก็ซ้อนกายลงมาช่วยทำวิชชา ในดวงแก้วหินขาวใสนั้นด้วย จึงเกิดผลดีต่อการเจริญวิชชา ธรรมกายเบื้องสูงสุดจะประมาณทีเดียว ฝ่ายมารจะระเบิดวิชชา ฝ่ายเราไม่แตก

     บรรพบุรุษของไทยได้รู้จักแก้วกายสิทธิ์มานานแล้ว ตั้งแต่โบราณกาล

     มีบุคคลท่านหนึ่งเป็นบุคคลเก่าแก่สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ ได้ปฏิบัติธรรมจนได้ธรรมะคือคุณแฉล้ม อุศุภรัตน์ ท่านก็ได้ แก้วกายสิทธิ์รูปร่างคล้ายไข่นกเป็นแก้วสีน้ำผึ้ง สวยงามมาก ปาฏิหาริย์มาปรากฏที่บูชาเอง 

     และมีอุบาสิกา คหปตานีที่อุปถัมภ์อุปัฏฐากหลวงพ่อวัด ปากน้ำมาแต่ต้น จนหลวงพ่อมรณภาพไปและอุบาสิกาท่านผู้นี้ ก็ได้ปฏิบัติธรรมวิชชาธรรมกายมากับหลวงพ่ออย่างเชี่ยวชาญ ท่านได้รู้ได้ทราบเรื่องเกี่ยวกับกายสิทธิ์ ท่านเล่าให้ฟังว่า...........

     สมัยนั้นมีศิษย์หลวงพ่อท่านหนึ่งชื่อพระสิงห์ทอง ได้ปฏิบัติวิชชาธรรมกาย สามารถนั่งเจริญวิชชา ธรรมกาย เข้านิโรธได้วันละหลายชั่วโมง ปรากฏว่าท่านเห็น ในเหตุด้วยญาณทัศนะของธรรมกายว่า ทุกวันขณะท่านนั่งเข้า สมาธิก็มีแก้วกายสิทธิ์ลอยวนรอบตัว จนพอถึงวันที่ ๗ จึง ตกลงมาใกล้ตัวท่าน มีลักษณะขาวใสเหมือนน้ำค้าง มี ลักษณะรี ป้องสั้นคล้ายไข่เต่าน้ำจืด ขาวใสมาก ท่านจึงเก็บ รักษา และต่อมาจึงได้ให้โยมอุปัฏฐาก ข้างวัดปากน้ำไป ปัจจุบันก็ยังมีหลักฐานอยู่

     ยังมี ท่านแม่ชีอาจารย์ทองสุข สำแดงปั้น ท่านเชี่ยวชาญการปฏิบัติธรรมวิชชาธรรมกาย นั่งสมาธิเข้าที่ จนมีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาโปรดหลายครั้ง และมีแก้ว กายสิทธิ์เสด็จมาอยู่ด้วย มีลักษณะยาวรีคล้ายไข่เต่ามีสีคล้าย หยกเขียวอ่อนจาง ๆ ซึ่งต่อมาท่านแม่ชีทองสุขได้มอบให้ แม่ชีเธียร ธีระสวัสดิ์ ไว้ติดตัวช่วยเหลือ เป็นกำลังในการ ปฏิบัติวิชชาธรรมกายและการเผยแพร่วิชชาธรรมกาย บางท่านอาจสงสัย แต่ถ้าท่านปฏิบัติธรรมเข้าถึงธรรมกาย ท่านจะรู้จะเข้าใจ แจ่มแจ้ง ทั้งรู้และเห็นด้วยตนเอง

     มิใช่แต่เฉพาะที่วัดปากน้ำเท่านั้นที่พบแก้วกายสิทธิ์ แม้ใน อดีตสมัยหลวงพ่อทวด ซึ่งเป็นพระปฏิบัติสมัย อยุธยา ตามประวัติกล่าวว่า ในสมัยที่หลวงพ่อทวดเกิดใหม่ ๆ นั้นได้มีงูคาบดวงแก้วกายสิทธิ์มาให้ นับเป็นเรื่อง แปลกหรืออาจกล่าวว่า แก้วกายสิทธิ์เป็นของคู่บุญบารมีมา อุปการะ ช่วยเหลือคุ้มครองแก่ผู้มีบุญบารมีทางธรรมปฏิบัติ โดยเฉพาะก็คงกล่าวไม่ผิด 

     ดวงแก้วกายสิทธิ์ - จักรพรรดิ คู่บารมีหลวงปู่ทวด เดิม มีลักษณะกลมแบบมะนาว ต่อมาถูกคนบ้าลักขโมยไปและเอา หินทุบจนแหว่งไป ลักษณะคล้ายไข่นกกระทา ดวงแก้วนี้มี ลักษณะเป็นหินแท้ธรรมชาติ คือ ในเนื้อแก้วจะมีลายหิน,รอย หิน มีคราบสีเหลืองแก่ปะปนอยู่ในหินแก้วบ่งบอกอายุความเก่า แก่ของหิน

     นอกจากนี้ยังมีหลักฐานยืนยันจากประวัติพระธุดงค์ที่ท่าน จาริกไปในป่าเขาปฏิบัติธรรม มีบางท่านปักกลดในป่าบริเวณ ตีนเขา พอตกดึกก็แลเห็นมีแสงสว่างพุ่งขึ้นบนยอดเขา พอรุ่ง เช้าจึงขึ้นไปดูพบมีหินแก้วกายสิทธิ์สีต่าง ๆ ต่อมาท่านก็ใช้ลูก ศิษย์ไปนำแก้วกายสิทธิ์เหล่านั้นมาบรรจุไว้ที่ถ้ำกระบอก สระบุรี ทีมีชื่อเสียงในการรักษาผู้ติดยาเสพติดจนได้รางวัล แมกไซไซ

     มีสามเณรองค์หนึ่งปฏิบัติกรรมฐานจาริกธุดงค์ปักกลดที่ป่า เขาในจังหวัดแพร่ มีคืนหนึ่งขณะเข้าที่เจริญภาวนาเสร็จแล้ว ท่านลืมตาออกจากสมาธิ ท่านได้เห็นมีแสงนวลสว่างออกมา จากพื้นดินเขานั้น ท่านจึงเข้าไปดู พบว่ามีดวงแก้วกายสิทธิ์ ขาวใสภายในมีสีเขียวคล้ายตะไคร่น้ำอยู่ในนั้นด้วย 

     และมีพระนักปฏิบัติธรรมสายอีสาน ชื่อพระอาจารย์ พุฒ รตนญาโน แห่งวัดป่าเขาสวนกวาง จังหวัด ขอนแก่น ท่านได้ตอบสัมภาษณ์แก่นักข่าว วารสารฉบับหนึ่ง ที่มาถามท่านขณะท่านมา ณ วัดบวรนิเวศน์วิหาร กรุงเทพฯ ถึงเรื่องแก้วกายสิทธิ์ที่พระอาจารย์พุฒ เดินธุดงค์กรรมฐานไป ที่ภูเขาลูกหนึ่ง คืนหนึ่งขณะที่ท่านกำลังทำความเพียรเดิน จงกรมไปมาตรงบริเวณที่พัก ท่านสังเกตเห็นแสงสว่างเรืองสุก ใส ลอยวนไปวนมาเหนือศีรษะ ท่านเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง ลูกแก้วนี้ลอยวนไปวนมาเหมือนมีชีวิต ครั้งแรกที่ท่านเห็นก็อด คิดไปต่าง ๆ นานาไม่ได้ เพราะคิดว่าสิ่งนั้นคือของวิเศษชนิด หนึ่ง แต่ในที่สุดท่านก็สำรวมใจ ไม่สนใจภายนอกมุ่งเดินจง กลมปฏิบัตความเพียรต่อ จนได้เวลาก็เข้าในกลดนั่งสมาธิ ภาวนาจนรุ่งเช้า และท่านยังคงปักกลดที่นั่นเพราะสงบดีเหมาะ แก่การภาวนามาก

     วันที่สองตอนกลางคืน ท่านก็ปฏิบัติสวดมนต์ แล้วมานั่ง สมาธิภาวนา พอตกดึกท่านก็เดินจงกรม ประมาณ 3 ทุ่มเศษ ๆ ลูกแก้วก็ลอยปรากฏให้เห็นอีก คราวนี้ลอยต่ำกว่าทุกคราว คือเรี่ย ๆ ศีรษะพอดี ท่านพระอาจารย์พุฒก็ไม่ได้ให้ความ สนใจมากนัก จะลอยวนเวียนอย่างไรก็ช่าง ท่านเดินจงกลม รักษาสติอย่างเดียว คืนต่อ ๆ มาก็ปรากฏเช่นนี้ทุกคืน และจนคืนหนึ่งดวงแก้วลอยต่ำลงมากแล้วยังวนเวียนช้า ๆ รอบ ๆ ตัวท่านอีกด้วย แสงสีเรือง ๆ นั้นทำให้ท่านหยุด พิจารณาแล้วยื่นมือไปหยิบดวงแก้ววิเศษนั้น ท่านบอกว่ามัน ง่ายดายมาก พอท่านจับดวงแก้วไว้แสงเรือง ๆ สว่าง ๆนั้น ก็ค่อย ๆมืดดับไปจนหมด เหลือแต่สภาพเป็นดวงแก้ว (สีขุ่นขาวนวลไม่ถึงกับใสแจ๋วนัก) ท่านจึงพิจารณาทราบว่า เจ้าของหมายถึง ผู้รักษาแก้วนั้นหรือแก้วกายสิทธิ์นั้นคงจะให้ ท่าน ท่านจึงเก็บไว้ ต่อมาท่านได้ถวายพระอาจารย์แนนซึ่ง เป็นพระธุดงค์อีกองค์หนึ่งไป 

(นี่เป็นเรื่องจริงทุกประการ ท่านสามารถเรียนถามได้จากพระอาจารย์พุฒ วัดเขาสวนกวางได้ทุกเวลา)

มีต่อ >>

----------------------------------------

อ่านทั้งหมด ที่เวป http://khunsamatha.com/

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท