นั่งกรรมฐานแล้วบ้าน่ะ ใจมันอยู่ข้างนอก (ตอนที่ 1)


นั่งกรรมฐานแล้วบ้าน่ะ ใจมันอยู่ข้างนอก

(ตอนที่ 1)

ยากจะสนทนาเกี่ยวกับเรื่องประวัติความเป็นมาของวิชชาธรรมกาย

     วิชชาธรรมกายเป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าท่านเห็นที่ใต้ต้นโพธิ์ เราเรียกว่า โคตรภู หรือ ธรรมกาย นั่นเป็นกายอีกกายหนึ่งที่จะนำเราเข้าสู่มรรคผลนิพพาน กายมนุษย์เราจะเข้ามรรคผลนิพพานไม่ได้ ในเวลาที่เราตายแล้วก็เอาไปเผา มีอีกกายหนึ่งที่เรานอนไปกลางคืนแล้วฝันเรียกว่า กายมนุษย์ละเอียด

 กายมนุษย์ละเอียด(กายฝัน) นี่เวลาเราตาย แล้วมันไปทำหน้าที่ปลุกนะ กายมนุษย์ละเอียดทำหน้าที่เกิด
ถ้าเราจะไปเกิดบนสวรรค์เราต้องเอากายทิพย์ไป กายทิพย์ไปเกิดบนสวรรค์ได้ หรือจะไปนรกก็เอากายทิพย์ไป
ถ้าเรามีฌาณเราก็ต้องเอากายรูปพรหมไป
ถ้าเรามีอรูปฌาณเราก็ต้องเอากายอรูปพรหมไป
ถ้าเราจะไปนิพพาน เราก็ต้องเอากายธรรมไป
แต่ ถ้าเราเข้าถึงคุณธรรมของพระโสดาเราก็จะเห็นกายพระโสดา ถ้าเรามีคุณธรรมของพระสกิทาคามีเราก็เห็นกายพระสกิทาคามี ถ้าเราเข้าถึงคุณธรรมของพระอนาคามีเราก็เห็นกายพระอนาคามี ถ้ามีคุณธรรมของพระอรหันต์ก็เห็นกายพระอรหันต์ได้ มันถอดไปเป็นชั้นๆ ไป

อยากเรียนถามว่า วิชชาธรรมกาย หลวงพ่อสดเป็นผู้ค้นพบหรือว่า.....?

     พระพุทธเจ้าท่านค้นพบไว้ก่อนแล้ว

มีระบุในพระไตรปิฎก

     มีในพระไตรปิฎก มีอยู่ในพระไตรปิฎกหลายตอน

ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเองก็....?

     มีธรรมกายเหมือนกัน หมายถึงถ้าจะเข้าสำนักปฏิบัติธรรมต้องมีธรรมกายเหมือนกัน แล้วธรรมกายนี่ไม่ใช่มีเฉพาะคนไทยน่ะ มีทั่วไป ฝรั่งก็มีธรรมกาย อินเดียก็มีธรรมกาย มีทั่วไป เคยมีศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยปารีสอยู่มหาวิทยาลัยปารีส นั่นก็ได้ธรรมกายเหมือนกัน เคยสอนพระที่ญี่ปุ่นเคยเห็นมีธรรมกาย

สมมติว่าเป็นการปฏิบัติสมาธิโดยใช้อุบายอย่างอื่นไม่ใช่ดวงแก้ว ไม่ทราบว่าจะเห็นธรรมกายเหมือนกันหรือไม่?

     เห็น แต่ว่าการทำสมาธินี่เราต้องอาศัยสิ่งสามอย่าง บริกรรมนิมิต บริกรรมภาวนา และที่ตั้งของใจ ที่ตั้งของใจ ใจของเรานี่ย่อมมีที่ตั้งเหมือนของทุกอย่างที่มีที่ตั้งทั้งนั้น ถ้าไม่มีที่ตั้งก็ล้มมันก็เสียหาย ใจเราก็เหมือนกัน ต้องมีที่ตั้ง จะไปตั้งที่ไหนจะต้องไปตั้งที่กลางตัว โบราณเขาเรียกว่าที่ สิบ และเหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วเราเรียกว่าที่ ศูนย์ "สิบ" "ศูนย์" นี้เป็นเรื่องสำคัญในการทำสมาธิ ถ้าเราเข้าสิบเข้าศูนย์ทำสมาธิ ถ้าเราเห็นองค์พระเราต้องเห็นตรงนี้ 

     สังเกตดูเวลาเราจะนอนตาจะเหลือกขึ้น ตาเหลือกขึ้นใจมันก็เหลือกตาม 

     ที่ศูนย์เป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่น ถ้าเราจะ "เกิด" ใจต้องไปหยุดตรงนั้น "ตาย" ใจต้องหยุดตรงนั้น หลับก็หลับที่ตรงนั้น ตื่นต้องตื่นที่ตรงนั้น ต้องเห็นทุกคน

แม้ว่าจะปฏิบัติสมาธิในแนวไหน

     ปฏิบัติสมาธิในแนวอะไรก็ตาม จะต้องเป็นสมถะ ต้องเห็นองค์พระที่นั่น ถ้าไปทำข้างนอกไม่ได้ผิดทาง ถ้าทำข้างนอก ที่เขานั่งกรรมฐานแล้วบ้านะใจมันอยู่ข้างนอกนะ ใจเราต้องอยู่ในตัวเองที่ศูนย์ ที่ว่าต้องมีน้ำเลี้ยงหัวใจ หล่อเลี้ยงน้ำเลี้ยงหัวใจ ใจมันอยู่ด้วยน้ำเลี้ยงหัวใจ คราวนี้เราถอนออกมาไว้ข้างนอกมันจะกลายเป็นโรคที่โบราณเขาเรียกว่า โรคบาทจิต โรคนอนไม่หลับ

เฉพาะพวกเพ่งกสิณใช่ไหม

     ไม่ใช่ เพ่งกสิณนี้ถ้าเพ่งถูกแล้วได้นิมิตธรรมไว้ข้างในตัวแล้วเอาไปไว้ฐานที่ ๗ เลย เหนือสะดือ ๒ นิ้ว เอาไปไว้ที่นั่น ถ้าเราเพ่งข้างนอกเรื่อยๆ ไม่ได้จะเป็นบ้า เพราะฉะนั้นนั่งกรรมฐานจะต้องเอาจิตไปไว้ที่สิบที่ศูนย์ ใจจะหยุดนิ่งก็อยู่ที่นั่น ถ้าเราไปไว้ข้างนอก มันหยุดนิ่งเหมือนกันแต่มันจะทำให้เป็นบ้า

     เคยเห็นมีเด็กคนหนึ่งนั่งภาวนาพูดอะไรเลอะๆ เลือนๆ ไปถามเขาดู ได้ความว่า เอาจิตไว้ข้างนอกไม่เข้าข้างใน แล้ว เราจะให้พวกนี้เอาจิตเข้าข้างใน ไม่เข้าหรอก เพราะมันเคยแต่ข้างนอก พอวันที่ ๒ ที่ ๓ มันจะเข้า พอเข้ามันจะหลับ แต่พวกนี้นอนไม่หลับ กลางคืนนอนไม่หลับ มันเป็นอันตรายอย่างหนึ่งของการทำกรรมฐาน เพราะฉะนั้นการเรียนกรรมฐานเราต้องหาอาจารย์ที่รู้เรื่องจริงๆ เดี๋ยวนี้อาจารย์เยอะ ลูกศิษย์เป็นบ้าแก้ไม่ได้ ต้องมาหาเราให้แก้ สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำนี่ คนเราเป็นโรคอย่างว่านี่นะเล่นกสิณเล่นอะไรแล้วมันไม่น้อมเข้าไปในตัวเป็น บ้าเยอะแล้ว หลวงพ่อก็แก้ แก้แล้วให้กินยาบาทจิต พอกินยาบาทจิตแล้วก็ขย้อน แล้วทำให้นอนหลับ ได้เวลานอนหลับใจมันลงอยู่ที่ศูนย์ก็หาย

หลวงพ่อบางท่านบอกว่าที่ปฏิบัติสมาธิแล้วเป็นบ้าเพราะว่าคนนั้นเป็นบ้าอยู่แล้ว คนนั้นมีเชื้ออยู่แล้ว ?

     ไม่ใช่ ใจมันออกจากศูนย์ ใจมันออกจากตัว ไอ้นี่เรื่องใหญ่ ถ้าเราปฏิบัติกรรมฐานแล้วใจออกข้างนอกเป็นได้ทุกคนไม่ว่าผู้ชายไม่ว่าผู้ หญิง

แต่รักษาได้ใช่ไหม

     รักษาได้ด้วยวิธีให้น้อมเอาใจไว้ที่กลางตัว(ฐานที่ ๗) มีหมอมาเรียนกับฉัน หมอแกเป็นแล้ว แกไปที่คลีนิค แกไม่ให้กินยาให้เอาใจไปวางไว้อยู่ที่นั่น(ฐานที่ ๗) เดี๋ยวก็หาย

ธรรมกายไม่ใช่กายมนุษย์ละเอียด?

     ไม่ใช่กายมนุษย์ละเอียด ไม่ใช่กายรูปพรหมและกายอรูปพรหม เขาเรียกกายธรรม

เป้าหมายการฝึกสมาธิตามแนววิชชาธรรมกายเพื่อบรรลุธรรมกาย

     เพื่อให้บรรลุธรรมกายเพื่อให้เข้าสู่มรรคผลนิพพาน

คัดมาจากคำอธิบายเกี่ยวกับสมาธิภาวนาวิชชาธรรมกาย บางส่วนของ

     พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม)
     รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

มีต่อ >> 

--------------------------------------------- 



ความเห็น (2)

เท่าที่ได้ศึกษามา พบว่า แนวทางของ "ธรรมกาย" ไม่ใช่ พุทธที่แท้จริง แต่เป็นการฝึก "ฤทธิ์" ซึ่งมีมาอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งฤทธิ์ จะมีผลมาก เมื่อมี 2 ส่วน คือ ผู้ที่มีจิตที่สูงกว่า (ผู้แสดงฤทธิ์ เช่น หลวงพ่อธัมมชโย) และส่วนที่สอง คือ "ผู้เฝ้าดู" ได้แก่บรรดา ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในลัทธิธรรมกาย ซึ่งมีอยู่กว่า แสนครอบครัว (ในไทย)

เมื่อองค์ประกอบทั้งสองส่วนมีครบ คือ ผู้แสดง และผู้ดู ที่ได้รับการฝึกฝน มาอย่างดี "ฤทธิ์" จึงเป็นเรื่องที่ผู้เฝ้าดูซึ่งมีกำลังจิตที่ต่ำกว่า เชื่อและเห็นเป็นเช่นนั้น

ฤทธิ์ มีอยู่จริง แต่พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้เน้น แต่ลัทธิธรรมกายได้ขยายให้เป็นเรื่องใหญ่โตและแผ่ไปในหลายประเทศ โดยอาศัยสุดยอดเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อขยายกลุ่มผู้เฝ้าดู ให้เพิ่มมากขึ้น ทั้ง ดาวเทียม, และอินเตอร์เน็ต

ในส่วนตัวและจากประสบการณ์ที่เคยได้สัมผัสกับแนวทางของลัทธินี้ ผมเชื่อว่พุทธแบบเทียมจะเป็นการบ่อนทำลาย พุทธที่แท้จริง เช่น อนัตตา หรือ สุญญตา

แต่แนวทางของลัทธิธรรมกายก็ผสมผสานกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับสังคมยุคทุนนิยม, วัตถุนิยม, บริโภคนิยม เช่น ปัจจุบัน

ขอบคุณในการแสดงความเห็นของคุณ AntiD ข้างบนนี้นะครับ

 

ขออภัยด้วยที่ต้องแจ้งว่า...อย่าเพิ่งด่วนสรุปแบบปัจจุบันทันด่วนว่า ธรรมกายไม่ใช่พุทธนะครับ  นั่นเป็นความเข้าใจเขวไปเอง

 

เพราะแท้จริงแล้วธรรมกาย คือการบรรลุกายในกายตามหลักพระพุทธศาสนา  โดยมีหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญเป็นผู้ปฏิบัติเข้าถึงและสั่งสอนวิธีการให้ผู้สนใจฝึกปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงกายในกาย จนกระทั่งถึงธรรมกาย  เมื่อท่านเหล่านั้นปฏิบัติได้แล้วก็หมดข้อสงสัยในการรู้เห็นและเป็นธรรมกาย

 

ทีนี้  การที่ไปเข้าใจว่าวิชชาธรรมกายก็คือวัดพระธรรมกายนั้นเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง  เพราะวิชชาธรรมกายหรือการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงธรรมกายเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า  โดยหลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นผู้สอนแนวปฏิบัตินี้ให้ปรากฏชัดเจนขึ้น  ดังนั้นขอให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า  "วิชชาธรรมกายไม่ใช่วัดพระธรรมกาย  และวัดพระธรรมกายก็ไม่ใช่วิชชาธรรมกาย"  วัดนี้ไม่ได้สอนวิชชาธรรมกายตามแนวหลวงพ่อวัดปากน้ำ  แต่เขาใช้ชื่อวัดพระธรรมกายแล้วสอนสมาธิตามแบบของเจ้าอาวาสที่เป็นแนวประยุกต์จากวิชชาธรรมกายเท่านั้น  จึงว่าไม่ใช่วิชชาธรรมกายนั่นเอง

 

ขอให้วางอคติลงก่อนนะครับ  ผมไม่ได้ต้องการวิวาทะกับท่าน  แต่ต้องการให้ท่านเข้าใจให้ถูกต้องต่างหาก  ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่เวบคุณสมถะเถิดครับ  http://khunsamatha.com/

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท