สวัสดีคะ คุณ pim
นิวคงพูดถึงในประเด็นของนิวก็แล้วกันนะคะ และขอตอบเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. การเรียน ph.d ต้องนำหัวข้อเข้าไปเสนอด้วยคะ แต่...ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวและไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะสิ่งที่เรานำเสนอ เป็นเพียงแนวคิดที่เราสนใจที่จะทำ รวมถึงหลักสูตรจะได้ดูถึงความพร้อมในการหาอาจารย์ที่ปรึกษาให้กับเราด้วย... ซึ่งตรงนี้เมื่อมหาวิทยาลัยฯ รับเราแล้ว ก็จะมี committee มาดูแลหัวข้อวิจัยของเราอีก แต่ถ้าหากหัวข้อนั้น มันยังไม่สามารถเป็นหัวข้อได้ ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะตอนที่นิวเข้าไปกับตอนนี้ หัวข้อของนิวมันก็คนละเรื่องกับหัวข้อที่เรานำเสนอไปในตอนแรกคะ
2. สำหรับเรื่องภาษาอังกฤษ การใช้ผลสอบ Toefl นั้น...จะขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งนะคะ บางแห่งก็ให้สอบภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยฯ ของตนเอง....ถ้าผ่านเกณฑ์ก็เป็นอันใช้ได้คะ (แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยฯ ด้วยนะคะ)
3. สำหรับเรื่องทุน ก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ เพราะถ้าคุณ pim เรียน ph.d จริง ๆ นิวเชื่อว่า มีทุนหลาย ๆ ที่จะวิ่งเข้ามาหาเราเองคะ เพียงแต่ว่าเราต้องออกไปนำเสนอตัวเองนิ๊ดนึงคะ แต่ถ้าใช้ทุนส่วนตัว ก็ดีคะ เพราะไม่เป็นภาระผูกพันเมื่อจบการศึกษา
ปล. การเรียนระดับไหน ๆ ก็ตาม คงต้องมองถึง..ความพร้อมของตนเองเป็นหลัก การเรียนป.เอก ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นเก่ง แต่เป็นเรื่องของความอดทนมากกว่า นิวจำได้ว่า เมื่อตอนเข้าไปเรียนครั้งแรกมีเพื่อนร่วมรุ่น 10 กว่าคน น่าจะประมาณ 14-16 คน แต่ตอนนี้เหลือเพียง 6 คน และทำท่าจะไปอีก 2 คน ดังนั้น มันอยู่ที่ความอึด+ความอดทนของตัวเองมากกว่า และคนที่เหลือส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่ได้รับทุนมาเรียนทั้งหมดคะ ดังนั้น มันเหมือนมีสิ่งกระตุ้นเราอยู่ตลอดเวลา ว่า "ท้อได้ แต่ห้ามถอยเด็ดขาด"
เป็นกำลังใจให้นะคะ :)