1) แบบฝึกและแบบบันทึกนิสัยรักการออกกำลังกาย อยู่ในเล่มเดียวกัน คงจะไม่ใช่ประเด็นที่เป็นปัญหา
2) การให้นักเรียนเล่นกีฬาที่สนใจเป็นประจำทุกวันและจดบันทึกทั้งที่ โรงเรียนและที่บ้าน โดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ รวมทั้งการให้นักเรียนวิ่งเก็บรอบ( สะสมรอบตามที่กำหนด )ก็ถือว่าเหมาะสม
3) การพัฒนาเจตคติหรือนิสัยโดยใช้ระยะเวลา 2 เดือน ไม่น่าจะเกิดผลจนสามารถอ้างได้ว่า "เป็นนิสัย"
4) ควรฝึกให้เด็กรู้จักการวิเคราะห์ตนเอง(ปัญหาเรื่องน้ำหนัก หรือสมรรถนะไม่เป็นไปตามเกณฑ์) ฝึกให้วางแผนออกกำลังกายหรือพัฒนาสุขภาพอนามัยของตนเอง เช่นทำปฏิทินออกกำลังกาย โดยทำร่วมกับพ่อแม่ หรือทำพร้อมกับพ่อแม่(ให้พ่อ-แม่มีปฏิทินการออกกำลังกายด้วย) มีการทำตามแผนอย่างสม่ำเสมอ มีการตรวตสอบภาวะสุขภาพหรือสมรรถนะเป็นระยะ ๆ ถ่ายทำหนังสั้นเกี่ยวกับบรรยากาศการพัฒนาสุขภาพอนามัยไว้เป็นที่ระลึก(ว่าเคยมีปัญหาอะไร และแก้ได้อย่างไร) มีการ Plot Graph แสดงน้ำหนักทุกช่วง 15 วัน ถ้าสามารถควบคุมตนเองจนเส้นกราฟเข้าสู่มาตรฐาน และควบคุมได้อย่างคงที่(เส้นกราฟนิ่งแล้ว)ประมาณ 3-4 เดือน แล้วให้ประเมินสรุปผลการดำเนินงาน จัดทำเป็น รายงานการพัฒนาสุขภาพอนามัย เรื่อง "กว่าจะมาถึงวันนี้" มานำเสนอให้เพื่อน ๆ ในห้องรับทราบ เพื่อร่วมแสดงความยินดี
5) ยิ่งกิจกรรมน่าสนใจมากเท่าไหร่ คุณค่าของผลงานของอาจารย์ก็จะน่าสนใจมากเท่านั้น ถ้าอ่านดูแล้ว "เฉย ๆ" ก็แสดงว่ากิจกรรมยังไม่น่าสนใจ