กล่องเสียง จะอยู่ต่อเนื่องมาจากคอหอยและติดอยู่กับส่วนต้นของหลอดลม และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับรูเปิดของหลอดอาหารด้วย ขณะที่มนุษย์เราหายใจเข้า อากาศจะเข้ามาทางรูจมูกทั้ง 2 ข้างไปยังด้านหลังของโพรงจมูกและวกลงด้านล่างไหลผ่านคอหอยไปยังกล่องเสียงและไปยังหลอดลมจนกระทั่งถึงปอด
ในทางกลับกันเมื่อหายใออกอากาศจากปอดจะไหลผ่านหลอดลม, กล่องเสียง, คอหอย และออกไปทางจมูก
ส่วนเมื่อมนุษย์เรารับประทานอาหาร อาหารจากปากจะถูกกลืนผ่านคอหอยไปยังหลอดอาหารและลงไปยังกระเพาะอาหาร ในขณะกลืนเมื่ออาหารผ่านไปถึงยังบริเวณคอหอยเพื่อจะลงไปยังหลอดอาหารนั้น กล่องเสียงจะเป็นตัวป้องกันไม่ให้อาหารตกไปยังหลอดลม เพื่อไม่ให้เกิดการสำลักโดยการที่ฝาปิดกล่องเสียงจะเคลื่อนตัวมาปิดรูเปิดของกล่องเสียง (เพื่อไม่ให้เกิดการสำลัก) นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราต้องกลั้นหายใจขณะกลืนอาหารนั่นเอง
เนื่องจากกล่องเสียงทำหน้าที่หลายประการ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดการทำงานที่ผิดปกติของกล่องเสียง จึงมีผลตามมาหลายอย่างไม่ใช่เฉพาะเรื่องเสียงเท่านั้น
ปกติแล้วการตรวจกล่องเสียงนั้น โดยทั่วไปจะใช้กระจกเล็กๆ ส่องเข้าทางช่องปาก แล้วดูด้วยตาของแพทย์ หรืออาจใช้กล้อง (มีทั้งแบบแข็ง Rigid และแบบอ่อน Flexible) ส่องก็ได้ ซึ่งการดูด้วยตาเปล่านั้นมีข้อจำกัด เช่น สิ่งผิดปกติเล็กๆที่กล่องเสียงนั้น อาจมองไม่เห็น หรือไม่ชัดเจนได้
การใช้กล้องส่องก็จะทำให้ภาพนั้นชัดขึ้น และสามารถนำภาพภายในกล่องเสียง ออกมาขยาย และแสดงให้ผู้ป่วยเห็นได้ทางจอโทรทัศน์ ภาพที่ออกมานั้นจะเป็นภาพเคลื่อนไหว (เหมือนการดูภาพยนต์) แต่ภาพเคลื่อนไหวที่เห็นนั้นมีความถี่สูง (ความถี่เดียวกันกับความถี่ของเสียงผู้ป่วย) ภาพจึงเคลื่อนไหวเร็ว จนบางครั้งไม่สามารถแยกความผิดปกติออกจากกล่องเสียงปกติได้ จึงได้มีการสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาเป็นตัวเสริม ทำให้การส่องกล้องนั้นได้รายละเอียดของกล่องเสียงค่อนข้างสมบูรณ์ และสามารถนำภาพมาแสดงในความถี่ที่ช้ากว่าปกติได้ (slow motion) จึงสามารถเห็นความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกล่องเสียงได้ง่าย และชัดขึ้น เครื่องมือนี้เรียกว่า “ STROBOSCOPE ”
STROBOSCOPE เป็นเครื่องมือที่ใช้ร่วมกับการส่องกล้องเข้าไปตรวจกล่องเสียงของผู้ป่วย โดยตัวกล้องจะถูกเชื่อมเข้ากับ STROBOSCOPE เมื่อมีการถ่ายภาพภายในกล่องเสียงขึ้น ภาพเหล่านั้นจะถูกนำมาประมวลภายในเครื่อง STROBOSCOPE และแสดงให้เห็นภาพทางจอโทรทัศน์ โดยสามารถแสดงให้ดูได้ทั้งภาพเคลื่อนไหวแบบปกติ และแบบช้ากว่าปกติ (slow motion) ทำให้สามารถตรวจเช็คความผิดปกติต่างๆ ได้ง่ายและชัดเจนขึ้น เช่น ภาวะการอักเสบ, เนื้องอก, ถุงน้ำ, มะเร็ง, แผลต่างๆ, การทำงานของสายเสียง, ภาวะอัมพาตของสายเสียง, ภาวะน้ำกรดไหลย้อน, ภาวะเลือดออกหรือบวมช้ำของสายเสียง, กล้ามเนื้อของสายเสียงลีบฝ่อ เป็นต้น
STROBOSCOPE
ยังสามารถตรวจรายละเอียดของกล่องเสียง และนำภาพมาเปรียบเทียบ
ก่อนและหลังการรักษา เช่น ก่อนผ่าตัด และ หลังผ่าตัดได้ด้วย
ขณะที่ตรวจโดยใช้ STROBOSCOPE นั้น
ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการออกเสียงร่วมด้วย
เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถตรวจได้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถออกเสียงได้
เช่น ขณะที่กำลังหอบเหนื่อย, ไม่มีแรงมากพอที่จะเปล่งเสียงได้
หรือไม่รู้สึกตัว เป็นต้น
การส่องกล้องเพื่อตรวจกล่องเสียงด้วย STROBOSCOPE สามารถตรวจได้ที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก ใช้เวลาไม่นานและไม่เจ็บ ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลและสามารถแสดงภาพของคอและกล่องเสียงให้ผู้ป่วยดูได้ทางจอคอมพิวเตอร์ ในขณะที่กำลังตรวจ
นอกจากนั้นแพทย์จะทำการตรวจบริเวณอื่นของคอด้วย เช่น ต่อมไทรอยด์ ต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น เมื่อพบสิ่งผิดปกติ เช่น ก้อนเนื้อผิดปกติที่กล่องเสียงผู้ป่วยก็จะได้รับการตรวจเพิ่มเติมด้วยการตัดชิ้นเนื้อนั้นๆ ไปชันสูตร เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ และเจาะเลือด ฯลฯ
Laryngography เป็นการตรวจพิเศษทางรังสีของกล่องเสียง การถ่ายภาพเอกซเรย์แบบธรรมดาของคอ (Neck) จะมองไม่เห็นกล่องเสียง เนื่องจากจะมีเงาของกระดูกสันหลังส่วนคอ (C-spine) ที่ทึบกว่ามาบัง
ข้อบ่งชี้ในการตรวจ
วิธีทำ
อันตรายที่อาจเกิดจากการตรวจ
ขอบคุณค่ะ
เราควรตรวจหลอดเสียงบ่อยแค่ไหนค่ะ เพราะใช้เสียงวันละ 5 ชั่วโมง
สวัสดีค่ะ krutoi
โดยปกติ ถ้าเรารู้สึกสบายดี ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจกล่องเสียงเป็นประจำหรอกค่ะ เพราะอวัยวะส่วนนี้ ถ้าเกิดความผิดปกติขึ้นเพียงเล็กน้อย เราก็สามารถรับรู้ได้โดยตนเองเกือบจะทันที ดังนั้น ผู้ที่ควรตรวจ ควรไปหมอหมอให้ตรวจ ต้องเข้าข่ายดังนี้ค่ะ