สูตรเด็ด เคล็ดลับ หมากรุกไทย


สูตรเด็ด เคล็ดลับ หมากรุกไทย

สูตรเด็ด เคล็ดลับ หมากรุกไทย ผมพยายามรวบรวมมาไว้ที่นี่เพื่อศึกษาร่วมกัน ขอขอบคุณทุกท่านที่ฝากสิ่งดีๆ แบบไทยๆ ไว้ให้ลูกหลานไทยได้เรียนรู้ ผมไม่ใช่เซียนหมากรุกไทย แต่ขอร่วมอนุรักษ์ไว้ด้วยหัวใจของครูคนหนึ่ง ที่มีโอกาสและใช้โอกาสเผยแพร่ศิลปะการเล่นหมากรุกไทยสู่คนรุ่นใหม่
หลักการเล่นหมากรุกไทย จากตำราหมากรุกไทย โดยนายกีฬา พิมพ์เมื่อ พ.ศ.2526
     1.เมื่อท่านลงมือเล่นหมากรุกไทยแล้ว ข้อแรกที่ต้องศึกษาก่อนก็คือ ต้องทราบเสียก่อนว่าหมากแต่ละตัวมีวิถีการเดินเป็นอย่างไร อย่าได้เดินผิดเดินถูกเป็นอันขาด เพราะการเดินของหมากแต่ละตัวไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อยจึงต้องเรียนให้ทราบเสียก่อนจนแจ่มแจ้งแล้วจึงลงมือเล่นและเดินให้ถูกต้องทุกอย่าง
    2.เมื่อท่านเล่นหมากรุก ต้องดูหมากของท่านให้ทั่วทุกตัวว่าการเดินของท่านรัดกุมดีหรือไม่ มีตัวอะไรขาดบ้างพยายามเดินหมากให้ทุกตัวติดพันกันในแบบของลูกโซ่ เพื่อมิให้ฝ่ายตรงข้ามทำลายได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องดูว่าฝ่ายตรงข้ามจะกระทำอย่างไร เมื่อแน่ใจว่าฝ่ายของตนรัดกุม ไม่มีตัวขาดระหว่างการติดต่อกันแล้ว จึงค่อยพินิจดูหลักการฝ่ายตรงข้ามต่อไปว่าเขาดำเนินการรุกหรือรับในแนวใด จะกระทำการรบในแนวใดจึงจะได้ชัยชนะ แล้วจึงดำเนินการตามแผนที่คิดไว้ในใจของตน
     3.ดูช่องโหว่ของฝ่ายตรงข้ามที่เราสามารถจะบุกทลวงเข้าไปในดินแดนของเขาได้ เพราะการเล่นของทุกคนย่อมมีจุดโหว่ด้วยกันทั้งสิ้น หากมองเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีจุดอ่อนหรือจุดโหว่ที่ใดแล้วให้รีบฉวยโอกาสกระทำทันทีไม่ควรให้เสียเวลาแม้แต่เพียงครั้งเดียว
    4.เมื่อฝ่ายตรงข้ามเดินหมากตัวใด และมองเห็นว่าฝ่ายของเราได้เปรียบแล้วอย่าได้แสดงท่าทีผิดสังเกตุให้เขาจับผิดได้เพราะจะทำให้เขาเกิดความรู้สึกตัวและเราจะกระทำการเอาชนะได้ไม่ถนัด เมื่อถึงคราวควรกระทำแล้วให้รีบกระทำการทันที
    5.ระวังการเดินหลวมตัวของฝ่ายเราเพราะจะเป็นช่องว่างหรือจุดโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามทำการบุกรุกได้อย่างเต็มที่ เมื่อนั้นเราจะตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ยากแก่การที่จะกู้สถานการณ์ ฝ่ายของตนได้ มีแต่ทางแพ้ฝ่ายเดียว การเล่นหมากรุกไทยจึงต้องถือหลักการที่ สำคัญ คือ เมื่อมีการรับแล้วต้องมีการรุกประกอบไปอีกด้วย ซึ่งก็เหมือนกับการรบที่ใช้กำลังพลเป็นเกณฑ์นั่นเหละจะผิดกันก็แต่เพียงว่าในกระดานหมากรุกประกอบด้วยตัวหมาก แต่ในการยุทธ์หรือสงครามนั้น ต้องวางแผนโดยเอาชีวิตของ
คนจริงๆ เข้ากระทำการเท่านั้น
    6.ดูวิธีการตั้งทัพของฝ่ายตรงข้าม และแนวทางที่จะเจาะทลวง เข้าไปในแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้เราจะทราบผลเมื่อการเล่นดำเนินไปไม่นานเท่าใดนัก ที่กล้ากล่าวเช่นนี้ เพราะผู้เล่นทุกคนย่อมมีช่องโหว่ให้แก่ฝ่ายตรงข้ามกระทำการเอาจนได้ถ้าหากพิจารณากันโดยละเอียดแล้วจึงจะทราบเรื่องเช่นนี้ได้ดี
  7.การฝึกหัดมากและการจดจำกระบวนการเดินหมากของนักหมากรุกต่างๆ เป็นประโยชน์มากในการที่จะยึดเอาไว้ เป็นแบบอย่างเพื่อการฝึกหัดครั้งต่อไป ผู้เล่นควรจะจำกระบวนการของหมากที่ผู้มีความชำนาญได้กระทำเอาไว้ และเมื่อเข้าแบบหรือรูปดังกล่าวก็จะสามารถพลิกแพลงนำเอามาใช้ได้เป็นอย่างดี
  8.ผู้เล่นต้องรู้คุณค่าของหมาก   ในกระดานของตนเพราะหมากรุกทุกตัวย่อมมีคุณค่าและจะต้องใช้ให้เป็นประโยชน์จริงๆการเดินหมากโดยผิดพลาดเพียงส่วนน้อย อาจจะทำให้เกิดความผิดหวัง และพ่ายแพ้แก่คู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายที่สุด
  9.การนำเอาตัวหมากไปแลกโดย การเสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามนั้น ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่งเพราะจะทำให้ตัวหมากของตนน้อยไปกว่า เดิม และเมื่อนั้นแนวทางการป้องกันของฝ่ายเราก็จะมีความลดน้อยลงไป กลายเป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามกระทำการได้อย่างถนัด และเมื่อนั้นก็จะตกเป็นฝ่ายตั้งรับแต่ประการเดียว ยากที่จะกู้สถานการณ์กลับคืนมาได้
  10.การเริ่มต้นย่อมนำมาซึ่งความได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ เรื่องเช่นนี้พึงสังวรไว้เสมอว่าการเดินหมากในตอนแรกของกระดานนั้นเป็นหลักการสำคัญอย่างมาก การขึ้นต้นดี ย่อมมีแนวทางที่จะนำชัยชนะมาสู่ได้มากกว่าหลัก 10 ประการของนักเล่นหมากรุกดังกล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเพียงส่วนน้อยที่นำมากล่าวถึงเท่านั้น เป็นข้อเตือนใจสำหรับบรรดานักหมากรุกสมัครเล่นและหมากรุกที่ที่ต้องฝึกฝนตนเองให้มีความเก่งกล้า ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอและควรแก่การยึดหลักดังกล่าวนี้เอาไว้ด้วย

การเล่นหมากรุก จากหนังสือหมากรุกกล โดย หม่อมเจ้าอนันตนรไชย เทวกุล
การเล่นหมากรุกนั้นไม่ว่าจะเป็นหมากรุกของชาติ หรือประเทศใด ถ้าท่านสนใจที่จะเล่นให้ได้ดี นอกจากไหวพริบและความเฉียบแหลมแล้ว ท่านก็ควรที่จะมี ความเข้าใจในหัวข้อที่จะกล่าวต่อไปนี้ให้แน่ชัดเสียก่อน กล่าวคือ:-
1 กำลังอำนาจของตัวหมากรุกแต่ละประเภท(ภาษาอังกฤษเรียกว่าPower of chessmen)ที่ท่านสนใจอยู่นั้น กำลังอำนาจของตัวหมากรุกที่กล่าวนี้ คือ อำนาจในการเคลื่อนที่(เดิน) อำนาจในการทำลาย(กิน) อำนาจในการรุกไล่(รุก) และอำนาจในการคุ้มกัน(ผูก)ซึ่งข้าพเจ้าขอใช้ในหนังสือเล่มนี้ว่า "สมรรถภาพของตัวหมากรุก"สมรรถภาพของตัวหมากรุกที่กล่าวแล้วนี้ สำหรับท่านผู้เล่นหมากรุกไทยเป็นแล้วก็ย่อมทราบอยู่แล้วว่าตัวใดมีสมรรถภาพเพียงไรสำหรับท่านผู้เริ่มสนใจในกีฬานี้ ก็อาจทบทวนความเข้าใจได้จากหนังสือเล่มนี้
2 กำลังงานอันซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวหมากรุก (Potency of chessmen) กำลังงานอันนี้ ก็เกิดจากสมรรถภาพของตัวหมากรุกนั่นเองถ้าหากท่านจะพิจารณาสมรรถภาพของแต่ละประเภทให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นแล้ว กำลังงานอันนี้ก็จะผุดขึ้นมาให้เห็นได้เองซึ่งในหมากรุกไทยก็พอจะแยกเป็นหัวข้อดั่งต่อไปนี้:-
(1) กำลังต่อต้านและตรึง(Opposition) ซึ่งจะมีอยู่ทุกๆตัวเป็นธรรมดา แต่ที่สำคัญที่สุดนั้นก็อยู่ที่ตัวขุน ซึ่งมีหน้าที่ทั้งในการไล่ต้อนหรือถอยเป้นเชิง เพื่อการแพ้ ชนะ หรือ เสมอของการเล่นครั้ง(กระดาน)นั้นๆ ซึ่งข้าพเจ้าขอเรียกอย่างสั้นๆว่า"ชิงที"
(2) อำนาจในการกักกัน ซึ่งจะต้องเกี่ยวพันกัน ระหว่างตัวหมากรุกประเภทต่างๆ ตลอดทั้งที่เป็นประเภทเดียวกัน และคนละประเภท อำนาจในการกักกันนี้หมายความว่าเฉพาะตัวต่อตัวคือฝ่ายละหนึ่งตัว จะเป็นประเภทใดก็ได้ บนกระดานหมากรุกที่ว่างเปล่าไม่มีตัวอื่นปะปนอยู่ด้วย และด้วยสมรรถภาพของตัวมันเองตัวเดียวเท่านั้นจะสามารถตัดการเดินของตัวอีกฝ่ายหนึ่งไว้มิให้เดินอีกได้ ในทีซึ่งฝ่ายนั้นจะต้องเดิน หรือถ้าเดินก็จะต้องถูกกิน หรือทั้งสามารถจะติดตามกินตัวนั้นได้ด้วย คือหมายความว่า
ถ้าตัวใดได้พยายามติดตามตัวของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในที่สุดฝ่ายตรงข้ามก็จะเดินมาให้กินจนได้ ทั้งนี้แต่ละตัวจะทำได้เพียงใดหรือไม่ (ดังจะได้บรรยายแต่ละตัวไป)
(3) ความสามารถที่มีอยู่ในการเดินแต่ละประเภทซึ่งพอจะแยกเป็นหัวข้อได้คือ:-
- ตัวหมากรุกประเภทใดจะสามารถเดินจากที่ตั้งของตนไม่ว่าจะเป็นตาใดก็ตามไปยังตาที่จะกำหนดให้ ได้ภายในกี่ที (ม้าเท่านั้น) ที่ต้องคำนึง
- การเดินของตัวนั้นๆ จะสามารถเปลี่ยนแปรการเดิน อันเป็นปกติของตัวมันให้เป็นอย่างอื่นได้เพียงใดหรือไม่(ข้อนี้มีอยู่ก็แต่เบี้ยคว่ำเท่านั้น)
3นอกจากที่กล่าวมาแล้วนี้ท่านควรมีความเข้าใจในหัวข้อเหล่านี้ให้ถ่องแท้ ไว้ด้วย คือ:-
(1) กำลังโอบต้อน: ในที่นี้หมายความว่าในเมื่อฝ่ายหนึ่งมีเพียงขุนตัวเดียวและจะตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม ฝ่ายไล่ควรจะมีกำลังอย่างน้อย ที่สุดเท่าใด จึงจะสามารถที่จะต้อนอีกฝ่ายหนึ่งให้ไปยังจุดประสงค์ได้
(2) กำลังที่จะรุกให้จน: ในที่นี้หมายความว่า ในเมื่อฝ่ายหนึ่งมีเพียงขุนตัวเดียวและจะตั้งอยู่ที่ใดก็ได้ และฝ่ายไล่มีกำลังอย่างน้อย ที่สุดเท่าใด จึงจะสามารถไล่และรุกให้จนได้เสมอไปทั้งนี้มิได้หมายความถึงขุนที่ตั้งอยู่ในหมากรุกกล
(3)แหล่งที่จะทำให้จนได้ด้วยกำลังอันน้อยที่สุด ในเมื่อฝ่ายหนีมีขุนเพียงตัวเดียว

อยากเล่นหมากรุกไทยเก่ง จากนิตยสารหมากรุก ฉบับที่ 5 ม.ค.-ก.พ. พ.ศ.2538 โดยขุนก้อง
มีคนอยากเล่นหมากรุกไทยเก่งจัดเข้าชั้นเซียน ใช้เวลาฝึกฝนด้วยตนเองเป็นเวลานานก็ไม่เก่งสักที ถูกเพื่อน หรือเซียนตามซุ้มไล่ต้อนเสมอดูแล้วน่าเห็นใจทีเดียวบางคนใช้วิธีฝึกจากตำราเดินได้ตามรูปแบบอยู่สักพักก็เบื่อ พวกนี้ เก่งได้นิดหน่อยเพราะไม่มีคู่ซอมที่แข็งแกร่งพอถึงจุดๆหนึ่งก็หมดสภาพ เรียกว่าเก่งได้แค่นั้นเซียนหมากรุกให้ทัศนะว่า คนเก่งหมากรุกไทยหาได้ยากเพราะแต้มหมากแต่ละแต้มเซียนมือเก่าๆหวงนักหวงหนา ทำให้ปัจจุบันเลยหามือเซียนที่จะขึ้นมาครองๆบัลลังก์ได้ยาก แชมป์หมากรุกส่วนใหญ่จึงเป็นมือเก่าหน้าเดิมไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง สมัยก่อนชื่อเสียงของเซียนใหญ่ ๆอย่างเซียนซ้ง,เซียนป่อง,ม้าปรีชาฯลฯเป็นเลิศไร้คู่ต่อสู้ พวกเขาเดินสายเล่นหมากรุกไล่กินมาทั่วประเทศก็ไม่มีคนสู้ เพราะเขามีแต้มเด็ดที่ฝึกฝนมาด้วยประสบการณ์ จนกระทั่งมีการแข่งขันอย่างเป็นทางการพวกเขาถูกจัดวางเป็นมือเซียนชั้นแนวหน้าตามฟอร์มยังไงก็ตามหลังจากที่เซียนออกตำรามาขาย มือดาวรุ่งหน้าใหม่เริ่มพัฒนาแต้มเข้ามาแทนที่ หมากรุกไทยยุคนี้ เริ่มมีคนเก่งเพิ่มขึ้น แต่นักหมากรุกหน้าใหมต่างก็มีวิธีฝึกฝนฝีมือแตกต่างออกไป
คุณนคร ตรีสอาด แชมป์หมากรุกขุนทองคำครั้งที่8 เคยบอกผมว่า
นักหมากรุกไทยที่อยากเก่งเร็วต้องฝึกฝนจากปลายมาหาต้นคือ ฝึกการไล่เป็นลำดับแรกแล้วค่อยมาฝึกแต้มเดินต้นกระดานเพราะหมากรุกไทยจุดสำคัญคือ การไล่หมากปลายกระดานใครที่ไล่จัด ไล่คมย่อมได้เปรียบ ผู้ที่ฝึกแบบนี้ เสมอ ๆจะเรียนรู้การตัตหมากปลายกระดานเบียดเอาชนะในบั้นปลายได้ แต่นักหมากรุกทิ่ฝึกมาแบบนี้ แต้มหมากและความเห็นจะไมคมเหมือนกับประเภทที่ฝึกเล่นหาประสบการณ์มากๆ พวกนั้นปลายกระดานไม่เก่งแต่แต้มทำคมจัดมาก นักหมากรุกที่เดินสายเล่นตามซุ้มมีอยู่หลายท่านที่เล่นเป็นอาชีพ พอลงแข่งขันมักจะได้เปรียบคู่ต่อสู้เพราะมีการฟิตซ้อมลับแต้มอยู่เสมอ
พอเจอเซียนมือใหญ่ๆมักจะไม่กลัวนัก แต่พวกนี้ความแข็งแกร่งมีไม่นานเมื่อเล่นไปสักพักก็แย่เหมือนกัน
คุณประจวบ นิมิตยงสกุล อุป-นายกสหพันธ์หมากรุกสากลบอกกับผมว่า
เมื่อก่อนท่านเล่นหมากรุกเป็นหมดไม่ว่าจะเป็นหมากรุกไทย จีน แต่พอมาเล่นหมากรุกสากลและได้มาสัมผัสอย่างจริงจังจนกระทั่งเป็นกรรมการสหพันธ์ก็เลิกเล่นหมากรุกอื่น เพราะหมากรุกสากลช่วยพัฒนาแต้มหลายอย่างแต่ถ้าใครอยากเล่นหมากรุกเก่งควรฝึกฝนหมากรุกประเภทอื่นประกอบด้วย ซึ่งรูปหมากและวิธีเดินคล้ายคลึงกันอย่างเรือม้า ขุน ทั้งหมากรุกไทย,จีน,สากลเป็นแนวทางเดียวกันหมด
หนูทองซึ่งเป็นแชมป์หมากรุกสากลประเทศไทย 4 สมัยพูดว่าหมากรุกสากลช่วยพัฒนาแต้มหมากจริง เขามีความเห็นในหมากรุกไทยดีก็เพราะเขาฝึกหมากรุกสากลด้วย ยิ่งถ้าใครนำแต้มหมากรุกสากลมาผสมกับหมากรุกไทยด้วยแล้วจะพัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็วหากกลัวว่าเพิ่งหัดเล่นหมากรุกสากลใหม่ ๆจะไม่ได้ผลก็ขอให้ลืม ๆไปซะเพราะจุดประสงค์ที่เล่นหมากรุกสากลก็เพื่อเอาแต้มมาประยุกต์ในหมากรุกไทยต่างหาก
หนูทองยังบอกด้วยว่า ผูที่คิดจะเก่งหมากรุกไทยทางลัดจะต้องเป็นคนหมั่นจดจำแต้มหมากเสมอๆ หากมีเวลาว่างก็ต้องไปซุ่มดูเซียนซ้อมแต้มตามซุ้มบ้างหรือไปชมเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ 2 อย่างนี้สามารถเอามาพัฒนาได้ระดับหนึ่ง
เซียนป่อง แชมป์หมากรุก 5 สมัยบอกผมว่า
ถ้าอยากเก่งเร็วต้องเล่นบ่อยเพื่อหาความคล่องตัว เวลาเดินจะรู้โดยอัตโนมิตว่า จะเดินหมากตัวไหนหมอวัฒน์ อดีตมือ 16 เซียนขุนทองคำให้ทัศนะว่า เซียนหมากรุกที่จะเก่งได้เร็วต้องเล่นหาประสบการณ์กับหมากทุกระดับ เท่าที่เห็นเวลานี้ เซียนแหว่งเป็นมือ 1 ประเทศไทยเขาเล่นหมากทุกระดับและลดหมากให้คู่ต่อสู้เขาเล่นเพื่อเอาแต้มสรุปแล้วใครที่อยากเล่นหมากรุกไทยเก่งต้องฝึกฝนสิ่งเหล่านี้ ให้ครบถ้วนคือ
1. ฝึกการไล่ให้ช่ำชองและเรียนรู้ เรื่องหมากรุกกลจะทำให้ตัวเองสามารถกำหนดทีเดินได้อย่างถูกด้อง
(ความเห็นคุณนคร ตรีสอาด)
2. ศึกษาจำแต้มหมากของเซียนมาประยุกต์ผนวกกับศึกษาเกมๆการแข่งขันและตำราของเซียน
(ความเห็นของหนูทอง)
3. ต้องเล่นหมากรุกอื่นๆประกอบโดยเฉพาะหมากรุกสากล จะช่วยได้เยอะเพราะรูปหมากและวิธีการเล่นใกล้เคียงกัน
(คุณประจวบ นิมิตยงสกุล)
4. ต้องหาประสบการณ์เล่นกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ การเล่นก็เพื่อเอาแต้ม
(หมอวัฒน์)
5.เล่นบ่อยๆ เพื่อความคล่องตัว
(ความเห็นเซียนป่อง)
ครับใครที่อยากเล่นหมากรุกไทยเก่งจำ 5 ข้อนี้ไว้ให้ดีนะครับได้ผลแน่นอน เพราะทุกท่านที่ให้ทัศนะผมมา
ล้วนแล้วแต่เป็นนักหมากรุกชั้นแนวหน้าทั้งสิ้น


 

คำสำคัญ (Tags): #หมากรุกไทย
หมายเลขบันทึก: 245478เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2009 13:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 01:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

คำถามของคุณสหายเก่า
 คำถามเก่าเรื่องอำนาจของเม็ดยังไม่ได้รับคำตอบจากพี่ต๋อเลย วันนี้นึกคำถามใหม่ได้ อยากให้พี่ช่วยจัดอันดับการไล่หนีปลายกระดานให้หน่อยพร้อมให้เหตุผลด้วยว่า หมากเหล่านี้ชุดไหนเป็นสุดยอดการไล่หนี(เรียงลำดับ) 1.มวยเม็ด(ขุน,ม้า,เม็ด)อีกฝ่ายมีขุนตัวเดียว 2ม้าบังเดียว.ขุน,ม้า,เรือ อีกฝ่ายมีขุน,เรือ 3.เรือเบี้ยผูก อีกฝ่ายมีขุน,เรือ 4.หอกข้างแคร่( ขุน,โคน,เม็ด อีกฝ่ายมีเบี้ยหงายหรือเม็ด (ตรงหรือไม่ตรงมุม) 5.โคนบังเดียว(ขุน,โคนเรือ อีกฝ่ายมีขุน,เรือ)
คำตอบของคุณต๋อ
สิ่งที่คุณสหายเก่าถามมาว่ารู้แบบการหนีการไล่ใน๕แบบที่ยกตัวอย่างมานั้นโดยให้ผมจัดลำดับว่าแบบใดสุดยอดมากน้อยแค่ไหน โดยส่วนตัวแล้วผมว่าทุกแบบที่ยกมานี้เป็นสุดยอดของการเรียนรู้และการฝึกฝนเพื่อพัฒนาฝีมือให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปหากผู้ที่กำลังเรียนรู้มีความเข้าใจและฝึกฝนให้มีความชำนาญ แต่รูปแบบทั้ง๕อย่างนี้ยังไม่ใช่ขั้นตอนของการเรียนรู้สำหรับผู้เล่นมือใหม่เพราะเป็นรูปแบบการหนีการไล่ที่ไม่จัดว่าเป็นมาตรฐาน (มีทั้งจนและไม่จน) เนื่องจากเป็นการไล่ที่ทำให้ขุนของคู้ต่อสู้จนยากนอกเสียจากจะหนีผิดมาเข้าล็อกเพื่อรุกจนและการฝึกฝนใน๕แบบนี้หรืออีก๘ชนิดที่จัดเป็นมาตรฐาน(จนแน่นอน)ของการฝึกฝนให้เกิดความชำนาญนั้นจะทำให้ผู้เล่นมือใหม่มีความเข้าใจในประสิทธิภาพของการใช้ตัวหมากทุกตัวและจะทำให้การเล่นหมากรุกมีศักยภาพด้วยอีกทางหนึ่ง (ผมชอบโคนบังเดียว)

มาดูเทคนิคของคุณต๋อ  ..ต่อไป
 เพื่อให้มีความกระจ่างในการฝึกฝนและแนวทางการคิดหมากรุกจึงขอนำบทความที่รวบรวมมาเพื่อจัดทำเป็นหนังสือมาพูดคุยในกระทู้นี้(แต่นำมาเป็นบางส่วนเท่านั้นเฉพาะความเหมาะสม) นับจากอดีตถึงปัจจุบันผู้เล่นที่สามารถประสบความสำเร็จในการแข่งขันได้นั้นส่วนหนึ่งจะมีระบบการเรียนรู้เหมือนกันซึ่งแตกต่างไปบ้างก็เพียงการลำดับขั้นตอนการศึกษา โดยสามารถแยกออกมาเป็นขั้นตอนได้ดังนี้ ๑.จะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกระดานหมากรุกเป็นอย่างดี เช่น ก.พื้นที่สำคัญของกระดานคือ กลางกระดาน ซึ่งได้แก่ตา,ง๔กับ,จ๔และ,ง๕กับจ๕ เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการเล่น ข.กระดานจะแบ่งออกเป็นสี่ส่วน คือตาแปดตาในแถวแนวนอนและตาแปดตาในแถวแนวตั้ง ซึ่งประกอบด้วยแนวนอนสี่แถวของฝ่ายขาวกับแนวนอนสี่แถวของฝ่ายดำ และแนวตั้งสี่แถวทางด้านซ้ายมือกับแนวตั้งทางด้านขวามือ จึงสรุปได้ว่ากระดานเเบ่งเป็นสี่ส่วน ๒.จะต้องมีความเข้าใจในประสิทธิภาพของตัวหมากรุกแต่ละตัวเช่น ก.เมื่อ เรือ อยู่กลางกระดานในตาที่ว่างเปล่า เรือสามารถเดินได้๑๔ตา ข.เมื่อ ม้าอยู่กลางกระดานจะสามารถเดินได้๘ตา ค.เมื่อ โคนอยู่กลางกระดานจะเดินได้๕ตา ง.เมื่อเม็ดอยู่กลางกระดานจะเดินได้๔ตา จ.เบี้ยหนึ่งตัวจคุมพื้นที่ได้สองตา(ยกเว้นเบี้ยริม) จากหลักการเหล่านี้จึงประเมินค่าของตัวหมากแต่ละตัวได้ดังนี้ เรือ มีค่าเท่ากับ๕ ม้า-๔ โคน-๓ เม็ด-๒ เบี้ย-๑ ซึ่งตัวหมากทั้งหมดนี้ศักยภาพจะลดลงเมื่ออยู่ริมกระดานหรือตามุม

มาดูเทคนิคของคุณต๋อ ..ต่อไป

เพื่อให้มีความกระจ่างในการฝึกฝนและแนวทางการคิดหมากรุกจึงขอนำบทความที่รวบรวมมาเพื่อจัดทำเป็นหนังสือมาพูดคุยในกระทู้นี้(แต่นำมาเป็นบางส่วนเท่านั้นเฉพาะความเหมาะสม) นับจากอดีตถึงปัจจุบันผู้เล่นที่สามารถประสบความสำเร็จในการแข่งขันได้นั้นส่วนหนึ่งจะมีระบบการเรียนรู้เหมือนกันซึ่งแตกต่างไปบ้างก็เพียงการลำดับขั้นตอนการศึกษา โดยสามารถแยกออกมาเป็นขั้นตอนได้ดังนี้ ๑.จะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกระดานหมากรุกเป็นอย่างดี เช่น ก.พื้นที่สำคัญของกระดานคือ กลางกระดาน ซึ่งได้แก่ตา,ง๔กับ,จ๔และ,ง๕กับจ๕ เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการเล่น ข.กระดานจะแบ่งออกเป็นสี่ส่วน คือตาแปดตาในแถวแนวนอนและตาแปดตาในแถวแนวตั้ง ซึ่งประกอบด้วยแนวนอนสี่แถวของฝ่ายขาวกับแนวนอนสี่แถวของฝ่ายดำ และแนวตั้งสี่แถวทางด้านซ้ายมือกับแนวตั้งทางด้านขวามือ จึงสรุปได้ว่ากระดานเเบ่งเป็นสี่ส่วน ๒.จะต้องมีความเข้าใจในประสิทธิภาพของตัวหมากรุกแต่ละตัวเช่น ก.เมื่อ เรือ อยู่กลางกระดานในตาที่ว่างเปล่า เรือสามารถเดินได้๑๔ตา ข.เมื่อ ม้าอยู่กลางกระดานจะสามารถเดินได้๘ตา ค.เมื่อ โคนอยู่กลางกระดานจะเดินได้๕ตา ง.เมื่อเม็ดอยู่กลางกระดานจะเดินได้๔ตา จ.เบี้ยหนึ่งตัวจคุมพื้นที่ได้สองตา(ยกเว้นเบี้ยริม) จากหลักการเหล่านี้จึงประเมินค่าของตัวหมากแต่ละตัวได้ดังนี้ เรือ มีค่าเท่ากับ๕ ม้า-๔ โคน-๓ เม็ด-๒ เบี้ย-๑ ซึ่งตัวหมากทั้งหมดนี้ศักยภาพจะลดลงเมื่ออยู่ริมกระดานหรือตามุม

๓.จะต้องมีความเข้าใจในการโอบต้อนขุนคู่ต่อสู้(วิธีไล่)หรือมีความชำนาญซึ่งจะประกอบด้วย

ก.การไล่ด้วยเบี้ยหงาย๓ตัวและขุน ในขณะที่คู่ต่อสู้เหลือขุนเพียงตัวเดียว (นับ๖๔)

ข.เบี้ยหงาย๒ตัว(เทียม),ม้า๑ตัวและขุน คู่ต่อสู้เหลือขุนตัวเดียว(นับ๖๔)

ค.เบี้ยหงาย๒ตัว(ผูกกัน),ม้า๑ตัวและขุน(นับ๖๔)

ง.เบี้ยหงาย๑ตัว,โคน ๑ตัวและขุน(นับ๔๔)

จ.เบี้ย๑ตัว,ม้า๒ตัวและขุน(นับ๓๒)

ฉ.โคน๒ตัวและขุน(นับ๒๒)

ช.เรือ๑ตัวและขุน(นับ๑๖)

ญ.เรือ๒ตัวและขุน(นับ๘)

จากทั้งหมดนี้ถ้าผู้ที่กำลังฝึกฝนการเล่นมีความเข้าใจและฝึกฝนให้เกิดความชำนาญจะมีความเข้าใจมากขึ้นตามลำดับ (ในแต่ละขั้นตอนของการฝึกฝนหากผู้สอนเสริมเทคนิคเข้าไปอีกเกือบจะไม่ต้องแนะอะไรอีกเลย)ทั้งนี้อยู่ที่การเรียนการสอนอย่างมีระบบนั่นเอง

๔.จะต้องรู้โครงสร้างหน้าเบี้ยที่ดีในการเปิดหมากทั้งฝ่ายขาวและฝ่ายดำ

๕จะต้องจดบันทึกการเดินหมากทุกครั้งของการเล่น(ทุกเกม)

ข้อมูลทั้งหมดนี้ได้นำมาจากหนังสือหมากรุกไทยที่ชื่อ " หมากรุกไทยปี๒๐๐๐"เขียนโดยต๋อ ปากนํา

.

หมากรุกสำคัญทุกช่วงนั่นแหละครับ สมมติว่าเราแบ่งเกมการเล่นออกเป็น 3 ช่วง คือ

1. ช่วงเปิดหมาก (Opening)

2. ช่วงกลางกระดาน (Middle game)

3. ช่วงปลายกระดาน (End game)

ช่วงเปิดหมากถ้าเราทำได้ดีจะช่วยให้ชิงความได้เปรียบคู่ต่อสู้ แต่ไม่ได้หมายความว่าชนะแล้ว เพราะต้องเล่นหมากกลางกระดาน และหมากปลายกระดานให้ดีด้วยจึงจะชนะ

บ่อยครั้งที่การเปิดหมากได้ดี แต่เล่นหมากกลางหระดานไม่ดี ทำให้พลิกกลับมาเป็นฝ่ายแพ้ไปก็มี

"แต่ถ้าเป็นการแข่งขันระดับเซียนแล้วละก็ ถ้าเปิดหมากออกมาเป็นรองมากจะทำให้เป็นฝ่ายแพ้ไปได้เลยครับ"

ทั้งนี้เพราะพวกมือเซียนมักจะมีหมากกลางกระดาน และหมากปลายกระดานที่รู้เท่าทันกัน

จาก : ม้าเฉียว

แทรกเรื่องแก้เครียดครับ ...ใครมีตัวหมากรุกแบบนี้บ้าง

ศึกษาหัวข้อเว็บไซท์หมากรุกไทยทั้งหมดได้ที่นี่ครับ

http://gotoknow.org/blog/thaichess

ฝากข้อควานี้ไว้ก่อข้อความ ยังไม่รู้จะลงกระทู้ไหน 1 : ช. เทคนิคของเบี้ย นอกจากจะพบกับเบี้ยด้วยกันแล้ว ยังมีหน้าที่อื่นๆ อีก และนับว่าจะมีความสำคัญยอดเยี่ยมที่จะลืมนึกถึงเสียมิได้ คือหน้าที่ 1. สกัดกั้นการเดินของหมากตัวโตของฝ่ายตรงข้าม อย่างได้ผลทั้งชั่วคราวและถาวร เช่น เบี้ยสกัดโคน สกัดม้า สกัดเม็ด และหรือห้ามตาเรือวางเป็นบางตาได้ 2. สกดตำแหน่ง หมายถึงสกดการแปรขบวน หรือชักนำความเสียหายมาให้ เช่นสกดจุดมรณะ สกดทัพ และอื่นๆ เหล่านี้ ต้องได้มาจากความชำนาญในการถอดหมาก และศึกษาจากหมากหลายกระดาน ญ. เบี้ยเสียสละ หน้าที่สุดท้าย นอกจากทำหน้าที่คุ้มหมากตัวโตแล้ว ยังทำหน้าที่เสียสละเบี้ย เพื่อเอาประโยชน์คุ้มค่าด้านอื่นๆ เช่นดึงกำลังให้ห่างไกล เปิดช่องทะลวง เป็นต้น ตำแหน่งหน้าที่สำคัญของเรือโดยสรุป เป็น 3 สถาน ดังนี้ :- ก. ขุนยังไม่เดิน หมายถึงเรือยังไม่ติดต่อคุ้มกัน ชิงเดินหมากเพื่อการยึดครองพื้นที่และครองอำนาจเสียก่อน ทั้งนี้เรือลำเดียวสามารถทำหน้าที่ได้เกือบสมบูรณ์ เช่น ในฐานะ 1. กดขุนหรือกดตัวหมากฝ่ายตรงข้ามที่ซ้อนกันหรือขาดตัวคุ้ม 2. ส่งกำลังเบี้ย เพื่อทำเบี้ยสูงจริง โดยต้องเลื่อนเรือย้ายตำแหน่ง 3. คุ้มกันตัวหมากฝ่ายเดียวกัน 4. ยึดครองทางเรือ เพื่อใช้ประโยชน์ระหว่างยึดครอง 5. เดินเรือขึ้นไปใช้ประโยชน์ทางขวาง จะเป็นด้วยไปกดตามขวาง หรือคุ้มกันตามขวาง หรือขึ้นไปต่อเรือ เพื่อเอาทางหมากก็ได้ ข. ขุนเดินแล้ว หมายถึงเรือถึงกันแล้ว ก็เป็นการเล่นหมากรุกง่ายเข้าหน่อย เพราะไม่ต้องใช้สมองมากนัก และเหมาะสำหรับการแข่งขันที่หาเสมอเป็นหลักใหญ่ จึงให้เรือมีฐานะปลอดภัย ฉะนั้นเรือจึงมีอำนาจมากขึ้นอีกดังนี้ 1. สามารถยึดคลองได้เด็ดขาด 2. สามารถออกเรือ 2 ลำได้ และสามารถไล่บังคับต่อเรือ-ตัวป้องกันหรือเรือตัวดีของฝ่ายตรงข้ามได้ 3. สามารถทำการซ้อนเรือได้ (สองปล่องหากมีโอกาส) 4. การกดด้วยเรือสองลำ สามารถกินตัด หรือกินแย่งได้ 5. การกดในทางขวาง 2 ลำ สามารถกินแย่งหรือกินแบ่งได้ ค. ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเรือ คือที่ริมกระดานด้านใดด้านหนึ่ง อันดับสอง(ชั่วคราว) คือตำแหน่งปีกช่อง ข หรือ ช เพื่อส่งกำลังทำเบี้ยสูง อันดับสาม คือตำแหน่ง ค หรือ ฉ ในตอนต้นกระดาน อันดับต่อไปต้องตัดสินใจระหว่างช่องขุน หรือเม็ด ข้อสำคัญ หากไม่แน่ใจแล้วอย่าเดินเรือส่งเดช จงเดินแต่ละครั้งให้มีความหวังสมบูรณ์ มิฉะนั้นให้พิจารณาตัวอื่นก่อน หรือรอคอยจนได้โอกาส ตำแหน่งหน้าที่สำคัญของขุน "ใครเดินตัวหมาก เรือ ม้า โคน เม็ดและเบี้ยเก่ง หากลัวเกรงไม่ หากแต่กลัวคนที่เดินขุนเก่งเท่านั้น" นี่เป็นถ้อยคำของนายสม บรมสุข อดีตแชมป์ 10 ปี ของประเทศไทยกล่าวไว้ มันเป็นความจริงอย่างยิ่งทีเดียว การเดินขุนเก่ง จำแนกออกเป็นสองสถานคือ :- ก. การตัดสินใจระหว่างการหนีขุนก่อนกำหนด หรือดึงกำลังมาช่วยมากไป กับการที่จะกินหมากหรือรุกรานฝ่ายตรงข้ามให้ถึงแก่น หรือติดจนนั้น จะต้องมีความกล้าผนวกกับการคำนวณล่วงหน้า ถึงทางหนี แม่นยำและหนีได้เพียงตาเดียว หรือช่องแคบนิดเดียวก็พอ เพื่อแลกกับการกินหรือตัดหมากเพื่อชัยชนะปลายกระดาน ข้อนี้เป็นการคำนวณทางเดินของขุนเก่ง แม้จะต้องถอยเอาหมากตัวใดมาปิดให้เสียเปล่าเสียก่อนก็ตาม ข. ตำแหน่งปลอดภัยของขุน เซียนหลายคน หลายรุ่น หลายสมัย ต่างให้ความเห็นคล้ายกันบ้างต่างกันบ้าง แต่เท่าที่ได้สังเกตมาประมาณ 40 กว่าปีนั้น พอประมวลเหตุการณ์ได้บ้างดังนี้ :- 1. ตำแหน่งเดิม ซึ่งทำให้เรือไม่ต่อถึงกัน แต่ก็ทดแทนโดยการบุกรุก เกาะกุมให้หนัก โดยฉวยโอกาสได้เปรียบทีเดิน กามบุกรุกไล่จะทำให้ต้องตัดตัวโต เช่น เรือ และม้าลงได้ เพื่อเป็นการผ่อนปรนเหตุฉุกเฉินสำหรับขุน อย่างรก็ตาม ไม่ใช่จะไม่เดินขุนเลย หากแต่เดินตามโอกาส เช่นจะใช้เรือหรือขุนไปทำหน้าที่เป็นต้น นายสุรการ วงศ์นิล เป็นผู้นิยมใช้มาก่อน ปัจจุบัน นายสุชาติ ชัยวิชิต เป็นผู้ใช้เดินขุนวนไปวนมาทแยงขวา ทแยงซ้าย แล้วถอยหลังเมื่อถูกเรือกด และปัจจุบันนี้เซียนชั้นยอดก็นิยมเดินกันบ่อยในเกมสำคัญๆ แม้ในการแข่งขัน 2. ตำแหน่งปีกซ้าย 2 ช่องริมที่ ข2 และ ช7 นั้น เรือเอกมหารู้ ศรีธรรม เป็นผู้เล่นมาเสมอ ทำให้การพันตูกลางกระดานมีความสะดวกขึ้นโดยไม่ต้องพะวงถึงขุน โดยมากผู้เล่นระดับม้าเทียมมักจะชอบตำแหน่งนี้ 3. ตำแหน่งกลางกระดานที่ จ2 และ ง7 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่นักเล่นม้าผูกมักจะชอบ แต่การถูกตีโต้เมื่อเป็นฝ่ายเดินทีหลัง มีมากทำให้ต้องเสียเวลาหลบขุนไปที่ ค8 และ ข7 อีก ทำให้เสียเวลาหลายครั้ง และมักเป็นเบี้ยล่างได้ เนื่องจากขุนถูกไล่ล่าก่อน 4. ตำแหน่งขุนหนี ดังได้กล่าวแล้วในข้อ 3 ข้างต้นนั้น บางคนนิยมเอาขุนหนีระหว่างทางมาก่อนกำหนด เพื่อมาอยู่ที่ ช2 และ ข7 เสียก่อน ยอมต่อสู้ติดพันบริเวณใกล้ขุนและหน้าขุน โอกาสชนะหายาก อย่างดีก็เพียงเสมอเท่านั้น ค. ตำแหน่งขุนไล่ มีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับขุนไล่ นับศักดิ์หมากต่างๆ ดังเช่น 1. การไล่หมากเรือลำเดียว ขุนต้องประชิดเข้าไว้ และยึดตำแหน่งทแยงจากมุมเข้าไว้(อย่าเอาเรือไปไล่แทน) จะทำการไล่ไม่จนภายในกำหนด 2. การไล่หมากม้า 2 ตัว เบี้ยหงายไม่ถูกมุม ก็ต้องยึดตำแหน่งทแยงจากมุมไว้เหมือนกัน 3. การไล่ม้า 1 ตัว เบี้ยหงาย 2 ตัวไม่ถูกมุม ครั้งแรกก็ต้องยึด ตำแหน่งทแยงมุมก่อน แต่เวลาจะจนต้องเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ริมกระดาน 4. การไล่ม้า 1 ตัว เบี้ยหงายถูกมุม 1 ตัวนั้น ขุนต้องอยู่ตาม้าจากมุม ส่วนแก้ที ก็ต้องย้ายขุนไปตาม้าถูกมุมเหมือนกัน 5. การไล่มวยโคนเบี้ยถูกมุมนั้น ขั้นต้นก็มาจากตำแหน่งขุนปลาดุกยักเงี่ยงก่อนแล้วจึงแก้ที เอาขุนโยกเข้าตำแหน่ง หากไม่ใช้ปลาดุกยักเงี่ยงก็ต้องใช้ตำแหน่งขุนปลาดุกยักเงี่ยงสำหรับแก้ทีเหมือนกัน และ 6. การไล่มวยโคนเม็ดไม่ถูกมุม นั้น ขุนจำเป็นต้องตั้งที่ตำแหน่งจะรุกจนเสมอ (หรือตำแหน่งม้าเตี้ยจากมุม)

อยากรู้ว่าหมากรุกเป็นกีฬาของประเทศไหนคับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท