กมล ทัศนาญชลี เป็นคนทำงานศิลปะคนไทยที่มีผลงานเป็นที่แพร่หลายและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก เรียนและดำเนินชีวิตศิลปะนับแต่วัยเด็กกับตระกูลช่างศิลปะเก่าแก่ของไทยก่อนที่จะเข้าศึกษาศิลปะจากโรงเรียนเพาะช่าง จากนั้น ก็ไปศึกษาและหาประสบการณ์ทำงานศิลปะในต่างประเทศ ซึ่งในทรรศนะของผู้เขียนแล้ว กมล ทัศนาญชลี จัดว่าเป็นคนทำงานศิลปะยุคใหม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ได้ศึกษาอบรมตนเองจากสำนักศิลปะแบบดั้งเดิมของไทยกับศิลปะสมัยใหม่ของไทยกับของโลกที่สมบูรณ์ที่สุด อีกทั้งมีนัยต่อบริบทความหลากหลายของสังคมโลกที่สุด ซึ่งจะเห็นภาพสะท้อนดังกล่าวนี้ได้จากผลงานศิลปะของเขา (ถ่ายทอด อธิบาย และให้ข้อสังเกต จากทรรศนะของผู้เขียน ซึ่งเป็นผู้ชมและศึกษางานศิลปะ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของวิธีดูงานศิลปะที่สื่อสะท้อนและเชื่อมโยงกับมิติอื่นๆของสังคม)
กมล ทัศนาญชลี มีสตูดิโอทำงานอยู่อเมริกา อีกทั้งมีบทบาทอย่างแข็งขันและต่อเนื่องมากที่สุดคนหนึ่งต่อวงการศิลปะของทั้งสองประเทศ เป็นผู้ริเริ่มการก่อตั้งสภาศิลปกรรมไทยในอเมริกาและผู้ร่วมบุกเบิกก่อตั้งคณะศิลปกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งของประเทศ สร้างความเคลื่อนไหวทางศิลปะและวงวิชาการศิลปะของประเทศไทยทั้งการทำเวิร์คช็อปทางศิลปะแก่อาจารย์และนักเรียนนักศึกษาไทย เป็นศาสตราจารย์ทางศิลปะในต่างประเทศและสอนศิลปะในประเทศไทยหลายแห่ง ทำงานศิลปะในขั้นเป็นเลิศหลายสาขา ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม สื่อผสม ศิลปะการจัดวางและติดตั้ง ภาพพิมพ์ ทำให้ได้รับการเชิดชูเป็นศิลปินแห่งชาติ ด้านทัศนศิลป์ สาขาจิตรกรรมและสื่อผสม ในปี ๒๕๔๐
นอกจากนี้ ก็นับว่าเป็นศิลปินผิวสีจากกลุ่มประเทศในเอเชียหรือจากซีกโลกตะวันออกเพียงคนเดียวที่มีชื่อและผลงานบันทึกร่วมกับศิลปินทุกสาขาของโลกทุกยุคสมัยในหนังสือประวัติศาสตร์พัฒนาการศิลปะของโลก Gadner's Art Through the Ages
ปี ๒๕๕๔ นี้ กมล ทัศนาญชลีได้จัดแสดงผลงานเดี่ยวเนื่องในวาระครบรอบอายุ ๖๗ ปีของตนที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ ระหว่างวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ – ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๔ ผลงานที่เลือกสรรมาจัดแสดงบางส่วนของผลงานทั้งหมดซึ่งกระจายอยู่ในกลุ่มผู้สะสมหลายแห่งของโลก ขนมาจัดแสดงเต็มทั้ง ๔ ชั้นของหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์
กมล ทัศนาญชลีเป็นคนทำงานศิลปะทั้งในสตูดิโอ กลางแจ้ง ในอากาศ ทะเล ทะเลทราย ภูเขา กลางเมือง เอกลักษณ์ของการใช้หลอดสี เป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีของคนในวงการศิลปะ ซึ่งสื่อสะท้อนการทำงานระดับกระบวนทัศน์ และเป็นกระบวนทัศน์ความเป็นองค์รวมของสรรพสิ่ง ทุกสิ่งเป็นศิลปะและตัวเขาก็เป็นอณูของศิลปะ จักรวาลและเอกภพเหมือนอยู่ในหลอดสีที่รังสรรค์สรรพสิ่งให้เป็นศิลปะ ลองพิจารณาจากตัวอย่างผลงานดังต่อไปนี้
จักรวาลและภพอยู่ในหลอดสี โลก พระอาทิตย์ หมู่ดาวเคราะห์ ตลอดจนอวกาศและกาลเวลา ล้วนจัดวางตนเองและมีสีสัน มีชีวิตชีวา ประสานสอดคล้อง สมดุล และเชื่อมโยงกันด้วยพลังบางอย่างอย่างสมดุลเหมือนอยู่ในหลอดสีขนาดใหญ่สุดจินตนาการหลอดเดียวกัน
เขาทำงานกลางทะเลทรายให้เห็นสีสัน ลีลาและความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งของธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาลดังกล่าวโดยการเขียนรูปและทำงานติดตั้งร่วมกับสายลม แสดงแดด สายน้ำ และพลังของธรรมชาติ
กมล ทัศนาญชลี ร่วมมือกับธรรมชาติให้จัดวางตนเองเพื่อแสดงให้เห็นสีสันและรูปทรงของความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ของจักรวาลและเอกภพ สื่อสะท้อน และสร้างความดำรงอยู่ให้กันและกันของสรรพสิ่ง โลก หมู่ดาว และระบบอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง มีชีวิต ไหลสายธารการดำเนินไปจากหลอดสีอันยิ่งใหญ่ดังจักรวาลและเอกภพ
สองซีกโลก อวกาศ และความกว้างใหญ่ไพศาลทั้งความมีและไม่มีของธรรมชาติ ก็ก่อเกิด ดำรงอยู่ และเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปด้วยการจัดการของพลังแห่งธรรมชาติความสร้างสรรค์เหมือนลูกกลิ้งสีพิมพ์ภาพ ปัจเจกและสังคมมนุษย์คงเล็กจนเหมือนกับเป็นอณูและพลังของความว่างเปล่า สัมผัสได้เพียงความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ระบบโลกก็เป็นองค์ประกอบเล็กๆเหมือนกับเป็นอณูและเม็ดสี ผสมผสานกันเป็นสีสันและลีลาหลากหลาย
กลุ่มผู้ชมชาวญี่ปุ่นพาลูกหลานผู้เยาว์วัยมาดูงานและมีความสุขไปกับการชมงานศิลปะด้วยกัน : สีชีวิต ความงอกงาม การเติบโตอันงดงามและมีสีสัน ที่ไหลและวาดระบายออกมาจากหลอดสีแห่งจักรวาลและเอกภพ ภาพล่างโดย : ณัฐพัชร์ ทองคำ
ศิลปะจัดวางชีวิตด้วยความรักความเมตตา : ชายหนุ่มผู้พิการบนรถล้อเลื่อนกับหญิงสาว พากันมาดูงานศิลปะที่ต้องไปด้วยกันของสองชีวิตทั้ง ๔ ชั้นของอาคารหอศิลป์ เป็นภาพอันงดงามที่มีชีวิต เป็นสีสันของหัวใจและชีวิตแห่งรักที่จัดวาง รินไหลและระบายออกมาจากหลอดสีแห่งจักรวาลและเอกภพของสรรพสิ่ง
ลูกคิดและสังคมเศรษฐกิจ : ไหลสีสันและวาดระบายสังคมเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คน
เจ้าฟ้า ศิลปิน กวี | ศิลปะจัดวาง ๓ พลังความสร้างสรรค์ : ภาพผีเสื้อและดอกไม้ ทรงวาดพระราชทานโดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เนื่องในพระวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดนิทรรศการ ตรงกับวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ อันเป็นวันเกิดของกมล ทัศนาญชลีด้วย และภาพล่าง : ศิลปะจัดวาง สี พู่กัน จานสี และองค์ประกอบต่างๆ ที่มีความหมายในพื้นที่และกาละเทศะเฉพาะ ซึ่งนำมาจัดวางร่วมกันเป็นองค์ประกอบศิลปะ พร้อมกับบทกวีที่เขียนขึ้นโดยเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีแห่งรัตนโกสินทร์ ทั้ง ๓ องค์ประกอบที่ผุดบังเกิดงานศิลปะและความสร้างสรรค์มิติใหม่ให้เกิดขึ้น เหมือนกับความเป็นหลอดสีแห่งจักรวาลและเอกภพ ที่ไหลสายธารวาดระบายความงดงามของชีวิตและสิ่งต่างๆในโลกของสรรพสิ่ง
เมื่อพิจารณาให้เห็นถึงความหมายของการแสดงงานศิลปะในครั้งนี้แล้ว ก็จะเห็นว่า แม้กมล ทัศนาญชลีจะเป็นศิลปินคนไทยก็ตาม แต่เขาเป็นคนทำงานในวงการศิลปะระดับโลก อีกทั้งผลงานชุดนี้ หลายชิ้นเป็นผลงานที่ติดตั้งกระจายไปหลายแห่งของโลก จึงเป็นการยากที่ผู้ชมจะสามารถได้ชมอย่างทั่วถึงด้วยตนเอง ทว่า การที่ตัวศิลปินเองขนส่งผลงานจำนวนมากของตนเองจากต่างประเทศทั้งทางเครื่องบินและทางเรือเพื่อมาจัดแสดงอย่างสมบูรณ์ที่สุดที่ประเทศไทยครั้งนี้ ก็เชื่อว่าจะเป็นการแสดงผลงานที่จะดำเนินการอย่างนี้ได้ยากไม่ว่าจะโดยรัฐบาลและโดยภาคธุรกิจเอกชน ผู้เขียนจึงถือโอกาสพาน้องๆไปเดินดูด้วยกัน
เมื่อได้ชมแล้ว ก็ต้องนับว่าเป็นการแสดงงานทางศิลปะที่ดีที่สุดอีกครั้งหนึ่งของวงการศิลปะและของประเทศเลยทีเดียว.
พ พลังแห่งธรรมชาติสรรสร้าง
ย ยามลาร้างร่วงหล่นปลิวลับหาย
อ อวดดอกผลิใหม่ขาวพราวกระจาย
ม มองแล้วคลายหายเศร้า เจ้า พยอม
...............................................................
สวัสดีครับคุณอุ้มบุญครับ ชมภาพให้มีความสุขนะครับ
ต้นพยอมนี่ เมื่อตอนที่อยู่บ้านตอนเด็กๆ เห็นชาวบ้านเขาใช้แก่นต้นพยอม คู่ไฟแล้วใส่ในกระบอกทำตาล จะทำให้น้ำตาลสดไม่บูดแน่ะครับ
ตอบแทนศิลปของอาจารย์กมล...ด้วยศิลปะของดวงใจ
ขอบคุณบันทึกทางศิลปะที่น่าหลงไหล
ขอบคุณอาจารย์วิรัตน์ มากนะครับ
ขอบคุณคำบรรยายประกอบภาพที่คลี่ให้เห็นจิตนาการที่ลึกซึ้งของศิลปินท่านนี้ค่ะ..ชื่นชมที่อาจารย์เข้าถึงจินตนาการหลากหลายของงานศิลป์แบบนี้..พี่ใหญ่คงต้องรีบหาโอกาสไปซึมซับความงามด้วยตนเองจากหอศิลป์ในเร็วๆนี้ค่ะ..
สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดีครับ
รูปเขียนเด็กดูแล้วต้องยิ้มตามไปด้วยเลยนะครับ
สวัสดีครับพี่ใหญ่ครับ
เป็นงานที่ให้พลังการคิดและให้ไฟชีวิตดีมากเลยครับ
สวยยยยยยยย