๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
ถ้าไม่ต้องอยู่เวรตอนเย็น ผมจะวิ่งออกกำลังไปตามถนนลูกรังแถวบ้านที่ไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่านในช่วงหกโมงเย็น เส้นทางนี้จะลัดเลาะไปตามป่ายาง บรรยากาศร่มรื่น และเป็นทางขึ้นเนินให้ได้เร่งฝีเท้า..ได้แรงจริงๆ จึงเป็นเส้นทางที่บรรดาเสือภูเขาในเมืองทั้งหลายชอบมาปั่นจักรยานกันด้วย
ก่อนหน้านี้ ผมจะต้องล่ามโซ่เจ้าโซดา ผูกไว้กับเอวตัวเองแบบปลดล็อคได้ง่าย แล้วพามันออกวิ่ง ส่วนเจ้าชาเย็นจะวิ่งตามไม่ห่าง โดยไม่ต้องมีโซ่ล่าม เพราะมันไม่เคยให้จับตัว
เวลาออกวิ่ง ผมจะใช้หลักการ ขาไปตามใจหมา ขากลับตามใจคน คือ ขาไปหยุดแวะตามจุดที่หมาต้องการจะท้ิงร่องรอย หรือปล่อยของเสียเป็นระยะ จนมันหนำใจ แต่ขากลับ ผมจะวิ่งตามจังหวะของผมแบบไม่หยุด ระยะทางรวมแล้วไปกลับก็เกือบ ๓ กิโลเมตร
ช่วงนี้เจ้าโซดาต้องเลี้ยงลูก แถมยังมีแผลที่ขาจนเดินกะเผลก จึงเป็นโอกาสให้ผมได้ออกวิ่งกับเจ้าชาเย็นสองต่อสอง ได้ความรู้สึกแตกต่างไป
ผมกับมันต่างคนต่างวิ่งตั้งแต่ต้น โดยไม่ต้องล่ามโซ่ผูกโยงติดกัน ทำให้ไม่ต้องวิ่งๆหยุดๆเหมือนเวลามีเจ้าโซดามาด้วย ผมวิ่งของผม เจ้าชาเย็นก็วิ่งของมัน เดี๋ยวเถลเถไถออกข้างทางไปทำธุระของมัน เดี๋ยวไปยืนวางมาดลิ้นห้อยอยู่บนเนินข้างทาง ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามกวดผมมาแล้วแซงหน้าไปอย่างเย้ยๆ วนเวียนอยู่อย่างนี้ไปตลอดทาง ดูท่าทางมีความสุขและเริงร่าเป็นพิเศษ ผมเองก็มีความสุขและได้ออกกำลังผ่อนคลายจริงๆ ที่สำคัญ คือ เราวิ่งไปด้วยกัน
อะไรที่เป็นโซ่ที่มองไม่เห็นร้อยระหว่างเรา ก็คงจะเป็นความสัมพันธุ์ที่มีมาสองเดือนกว่า ผมค่อนข้างมั่นใจว่า เจ้าชาเย็นไม่หนีผมไปไหนแน่ ถึงจะไม่มีโซ่ล่าม แต่ผมยังไม่มั่นใจกับเจ้าโซดา แล้วก็ยังไม่กล้าพอที่ละทดลอง
สวัสดีค่ะท่าน อ. เต็มศักดิ์
เป็นธรรมชาติที่สวยงามน่าอิจฉา สวยค่ะ
คุณเกศครับ