กลับไปเริ่ม ข้อสอบ MCQ และการวิเคราะห์ ๑
เอกสารอ่านเพิ่มเติม (update 3 ธ.ค. 2551)
โครงสร้างของข้อสอบ MCQ แบบ 1 best choice ประกอบด้วย
-
Item: ข้อสอบทั้งข้อ ( 1 ข้อ เรียกว่า 1 item)
-
Stem: โจทย์
-
Lead-in: ตัวคำถาม
-
Answer set / Option / Alternatives: ชุดคำตอบ, ชุดตัวเลือก ทั้งชุด ซึ่งแบ่งเป็น
-
Key answer: คำตอบที่ถูกต้อง
-
Distractor / Foils: ตัวลวง
หลักในการสร้างข้อสอบ MCQ
-
ต้องสามารถวัดผลการเรียนรู้ที่สำคัญ : อย่าสอบตามที่สอนทั้งหมด ต้องเลือก contet ที่สำคัญออกมา
-
ต้องวัดในสิ่งที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของแต่ละวิชา : โดยอาจารย์ต้องเขียนวัตถุประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละวิชาก่อน แล้วนำเนื้อหากับวัตถุประสงค์มาทำ Table of Specification อาจารย์ต้องแบ่งข้อสอบตาม Table of Spec ไม่ใช่แบ่งจำนวนข้อสอบตามชั่วโมงที่ Lecture
-
เนื้อหาต้องเหมาะสมกับระดับผู้ถูกทดสอบ : หรือเรียกว่ามี construct validity ในกรณีที่บางสาขาสอนเด็กต่างขั้นปีด้วยเรื่องเดียวกัน ไม่ควรใช้ข้อสอบชุดเดียวกันสอบทุกชั้นปีที่สอน ต้องเลือก content ให้เหมาะกับพื้นความรู้ของเด็กแต่ละชั้นปี
-
ข้อสอบแต่ละข้อควรเป็นอิสระจากกัน : อย่าถามคำถามโยงกันที่หากตอบข้อ 1 ผิด ทำให้ข้อ 2 ผิดตาม ความอิสระจากกัน จะทำให้ครอบคลุมเนื้อหาได้มากกว่า ไม่เทไปเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
-
เรียงลำดับจากข้อง่ายไปหายาก : จะเรียงได้ก็ต้องประเมินข้อสอบก่อนว่าข้อไหนยาก ข้อไหนง่าย ซึ่งเราเรียกว่า วิเคราะห์ข้อสอบ เราควรวิเคราะห์ข้อสอบก่อน อย่าเพียงนำข้อสอบของผู้สอนแต่ละท่านมาเรียงต่อๆ กัน
-
ความยาวต้องเหมาะสมกับเวลาที่กำหนดให้ทำ มีเวลาเผื่อสำหรับการทบทวน โดยปกติควรใช้เวลาทำนาน 1 นาที ต่อ 1 ข้อ ดังนั้นถ้าสอบ 1 ชั่วโมง (60 นาที) ก็ควรออก 50 ข้อ เหลือ 10 นาทีให้ทบทวน ถ้าอาจารย์ไม่สามารถนำไปทดลองจับเวลาทำกับเด็กได้เพราะกลัวข้อสอบรั่ว ก็อาจให้อาจารย์ด้วยกันลองทำดู อาจารย์มักใช้เวลาประมาณ 2/3 ของเด็ก ดังนั้น ถ้าอาจารย์ใช้เวลา 1 นาที แสดงว่าเด็กจะทำไม่ทัน
-
จำนวนข้อสอบที่จะให้ความเที่ยงสูงคือ 80 ข้อขึ้นไป ดังนั้น โดยทั่วไปก็จะใช้จำนวนข้อสอบ 100 ข้อ ในเวลา 2 ชั่วโมง
-
ความยากง่ายพอเหมาะ : ซึ่งควรมีสัดส่วนดังนี้ ง่าย 25%, ปานกลาง 50%, ยาก 25% (ยาก 25% เอาไว้จับช้างเผือก) จะวัดความยาก-ง่าย ก็ต้องด้วยการ วิเคราะห์ข้อสอบ แต่ถ้าเป็นข้อสอบ complehensive ไม่ควรใช้ข้อสอบที่ยาก เพราะเราไม่ต้องการจับช้างเผือก แต่เราต้องการวัดสิ่งที่เด็กต้องรู้ โดยออกข้อสอบที่ง่าย ถึง ปานกลาง และข้อสอบที่ง่าย ไม่ควรมากกว่า 25% เพราะข้อสอบที่ง่ายเกินไปก็จะไม่สามารถแยกแยะประเมินผลได้
-
ไม่ควรสร้างข้อสอบที่โจทย์สั้น แต่คำตอบยาว ข้อสอบที่ดีโจทย์ต้องยาว คำตอบต้องสั้น
ต่อ ข้อสอบ MCQ และการวิเคราะห์ ๓