mind mirror กระจกส่องใจให้รู้เท่าทันสรรพสิ่ง
เช้านี้นั่งสาธยายพระธรรมอยู่เลยเหลือบเห็นกระจกที่วางอยู่
เห็นภาพในกระจกหลายอย่าง
เลยนำมาสอนใจของธรรมฐิตที่ยังโง่ต่อการเข้าใจธรรมชาติมากนักว่า
กระจก........ไม่เลือกจะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด
จิตใจ......... จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก
กระจก.......... รับรู้ แต่ไม่ยึดถือครอบครอง
ดังนั้น........... จึงไม่มีภาพใดๆ หลงเหลือติดอยู่ในกระจก
สายฝน.......... ในกระจก หาได้เปียกกระจกไม่
เปลวไฟ........... ในกระจก ก็หาได้เผาลนกระจก เช่นกัน
ทั้งนี้............เพราะกระจกไม่ได้ให้อำนาจแก่สายฝนและเปลวไฟ
ดังนั้น........จงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก
แต่ไม่ยึดติด เพราะถ้าหากจิตของท่าน
หลงยึดถือหรือตกเป็นทาสของสรรพสิ่ง
อย่างไม่รู้เท่าทัน ความเศร้าหมองใจย่อมตามมา
อย่างหลีกไม่ได้
แล้วกระจกใจของท่านละเป็นยังไง...
ธรรมะสวัสดีขอรับ...
กระจกใจหนูส่องแล้วมักเก็บมันไว้ค่ะ และมักเก็บแต่เรืองไม่ดีเสียด้วย
นมัสการค่ะ...ขอบคุณที่นำสิ่งดีมาให้ทบทวนตนเองแต่เช้าค่ะ
มันเป็นธรรมดาของใจขอรับต้องฝึกเข้าไว้จะรู้เท่าทันมัน.
ก็หวังให้ทุกชีวิตได้คิดในสิ่งดีๆขอรับคุณครู..
กราบนมัสการ เพื่อความเป็นศิริมงคลในการดำเนินชีวิตของวันนี้ มารับกระจกแห่งธรรมะ
สาธุ สาธุ สาธุ
ใช้ธรรมเป็นกระจกส่องใจได้ดีค่ะ
รับแต่มันไม่ยึดนะขอรับท่านรอง
ใจเราก็ต้องรับ(รู้)สิ่งที่เข้ามาเพื่อศึกษามันแล้วคัดสรรสิ่งที่เป็นประโยชน์แต่หายึดติดไว้ไม่..
ก็ขอให้สิ่งดีสะท้อนเข้าหาท่านผอ.นะขอรับ..
หายไปหลายวันสบายนะขอรับอาจารย์
อนุโทนาที่แวะมาเยี่ยมเยียน..
นมัสการค่ะ
มีข้อสงสัยด้วยค่ะ
การเป็นคนไม่ค่อยคิด หรือไม่คิดอะไรมาก ต่างจากการไม่ยึดติดหรือเปล่าคะ
เข้าใจมาตลอดว่าคนละประเด็นกัน การไม่คิดมาก อาจจะกลายเป็นคนละเลยไป หรือเปล่า ?
กราบเรียนถามพระคุณเจ้าค่ะ :)
การเป็นคนไม่ค่อยคิด หรือไม่คิดอะไรมาก ต่างจากการไม่ยึดติดหรือเปล่าคะ...
ต่างกันขอรับ การไม่ค่อยคิดหรือไม่คิดอะไรมาก กับการไม่ยึดติดคนละอย่างกัน การไม่คิดอาจจะเป็นคนง่ายๆหรือบางครั้งอาจจะมักง่ายก็ได้อย่างเช่นเมื่อหิวมีไรก็กินไม่ต้องคิดมากได้ทั้งนั้น แต่บางครั้งทำไรแบบไม่คิดตริตรองผลออกมาก็ไม่สวยหรูเท่าไหร
แต่การไม่ยึดติดต้องคิดด้วยปัญญาด้วยการมีสติควบคุม รู้เข้าใจกับสิ่งที่มากระทบทางทวารทั้งหก แต่ไม่ได้ดีใจเสียใจ(อาจทำยากต้องฝึก)
ง่ายๆเราหิวข้าวกินแล้วลองถามตัวเองว่าเรากินเพื่ออะไร?
หรือมีคนด่าเราเราโกรธเพราะอะไรคนด่ากลับบ้านนอนสบายแต่เรายึดกลับไปทุกข์ที่บ้านต่อ นั่นแหละยึดติด
ดังนั้นการไม่ยึดติดต้องใช้ปัญญารู้เท่าทันกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนิ่มนวล
มีโอกาสจะอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ขอรับ..
นมัสการพระคุณเจ้า
ทั้งสองอย่างแหละขอรับคุณครู..
นมัสการครับ
ท่านอธิบายแจ่มแจ้งมากครับ
นมัสการ
คุณใช้ปัญญาแจ่มแจ้งมากกว่าขอรับ..
นมัสการพระคุณเจ้า
นมัสการครับ
สาธุครับ
วันหนึ่ง ถ้าหมดสภาพ
กระจกคงเสื่อมสลายไปเองนะครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า (อีกรอบขอรับ)
(กราบ 3 หน)
สาธุขอรับที่มาเยี่ยม..
ขอบคุณอาจารย์ขอรับที่แวะมาทักทาย..
แต่ขณะที่กำลังมีสภาพนี่สิน่าคิกเหนาะอาจารย์..
ด้วยความเขลาของกระผม ทำให้เข้าใจไม่หมด จึงขอเรียนถามพระคุณเจ้าเพิ่มเติมก่อนนอนว่า .........เพราะกระจกไม่ได้ให้อำนาจแก่สายฝนและเปลวไฟ... หมายความเช่นไรขอรับ
ลองคิดตามง่ายๆนะขอรับว่าท่านมีรถอยู่คันนึงตอนแรกๆเรามีอำนาจเหนือมันแต่เมื่อรถถูกคนขูดขีดเป็นรอย แล้วท่านไม่สบายใจหงุดหงิดทันที..
ถามว่าใจท่าน(เปรียบดังกระจก)มีอำนาจหรือท่านให้อำนาจรถ(เปรียบดังสายฝนและเปลวไฟ)มาอยู่เหนือใจให้งุดหงิดละ..
พิจารณาอย่างนิ่มนวลนะขอรับ..แล้วใจเราจะมีอำนาจเหนือสรรพสิ่ง..