ผู้หญิง ร้านเสื้อผ้า และจิตวิทยาการขอ(ตอนจบ)


Appreciative Inquiry : การขอแบบผสมผสาน

สวัสดีครับ... ชาว Go2Know ทุกท่าน _/|\_

วันนี้ผมตื่นมาพร้อมกับความร้อนอบอ้าวที่โคราชครับ

นานๆได้กลับบ้านสักทีก็สบายดีเหมือนกัน ที่สำคัญคือประหยัดครับ

จะเรียกว่ากลับมาชาร์ทแบท รอสู้ศึกในเทอมสุดท้ายก็คงจะไม่ผิดนัก

ใกล้ได้เป็นมหาแล้วครับ.... (มหาบัณฑิตนะ... แฮะๆ) อีกไม่กี่เดือนเอง ^^



สำหรับวันนี้ก็มาต่อกันกับตอนจบของ Series เรื่อง ผู้หญิง ร้านเสื้อผ้า และจิตวิทยาการขอ

ใครพลาดตอนแรก >>> คลิกดูได้ที่นี้ครับ <<< เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น "น้องหยก"ยังได้ให้ข้อมูล

ที่น่าสนใจเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าที่เธอมักจะไปใช้บริการอีกมากมายเลยครับ... เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ตามผมมาเลยครับ ^^



ผมถามต่อ "แล้วหยกเข้าไปดูทุกร้านเลยป่ะ พอเจอตัวที่ถูกใจ" หยกตอบ "ไม่นะพี่... บางร้านแต่งหน้าร้านหรูเกิน

หยกก็ไม่เข้าไปนะ เพราะคิดว่าราคามันต้องแพงแน่ๆ" ผมถามต่อ "อืมๆน่าสนใจดีแฮะ แล้วพนักงานขายละ

แบบไหนโดนใจที่สุด" หยกตอบ "อืม... ชอบแบบไม่ต้องเดินตามอะพี่ แต่ก็ไม่ใช่ไม่สนใจเราเลยนะ ไม่เอาพนักงานขายผู้ชายด้วย

ชอบซื้อเสื้อผ้ากับผู้หญิงมากกว่า" ผมถามต่อ "แล้วชอบเดินในร้านแบบไหนอะ" หยกตอบ "ชอบร้านที่เป็นสัดส่วน ดูไม่รก

แบ่งเป็นบล็อกๆให้เดิน และที่สำคัญถ้าแต่งร้านด้วยสีชมพูหยกจะชอบมาก" ผมถามต่อ "แล้วเสียงเพลงละเกี่ยวกับการตัดสินใจ

เข้าร้านป่ะ" หยกตอบ "ไม่เกี่ยวหรอกพี่... แต่ถ้าเข้าไปในร้านที่มีเพลงมันก็ไม่เงียบดี เดินได้เรื่อยๆ"



ตัดมาที่จุดนี้ครับ... เรามาดูกันต่อครับว่า"ร้านเสื้อผ้าที่โดนใจคุณผู้หญิงควรจะมีอะไรอีกน๊าาาา" ตามมาครับ ^^

สิ่งที่ร้านเสื้อผ้าควรจะคำนึงถึงต่อไปคือ"การขอด้วยสถานที่"ครับ ซึ่งต้องดูกันตั้งแต่หน้าร้านเลยทีเดียว

หน้าร้านที่โดนใจพวกเธอ "ควรจะดูดีมี Style แต่ไม่หรูจนเกินไป" เพราะพวกเธอมักจะคิดว่าร้านที่หรูหรา

สินค้าด้านในมันต้องแพงแน่ๆ ซึ่งจุดนี้ทำให้เราเสียโอกาสในการดึงพวกเธอเข้าร้านโดยไม่รู้ตัวจริงๆครับ

ภายในร้านควร"จัดให้เป็นสัดเป็นส่วน ดูไม่รก"ควรแยกซอยทางเดินออกเป็นบล็อกๆเพื่อให้พวกเธอมีพื้นที่ในการเดิน

อาจจะเปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อให้ร้านไม่เงียบ เสริมสร้างบรรยากาศให้พวกเธอใช้เวลาเดินในร้านของเราให้มากที่สุด



สิ่งสุดท้ายที่ร้านเสื้อผ้าต้องไม่ลืมคือ "การขอด้วยพนักงานขาย"ครับ สิ่งนี้ถือได้ว่าสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้

ร้านเสื้อผ้าหลายร้านเหลือเกินที่ตกม้าตาย เพราะพนักงานขายของตัวเองครับ... พนักงานขายที่โดนใจพวกเธอ

ควรจะเป็นยังไงมาดูกันครับ... คุณสมบัติที่พนักงานขายพึงมีคือ"จรรยาบรรณ"ครับ พนักงานขายหลายคน

สักแต่จะขายของ โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง บางทีเสื้อผ้าชุดนี้พวกเธอใส่ไม่ได้แน่ๆ ก็ดันไปโกหก

ว่าใส่ได้บ้างละ พยายามคะยั้นคะยอให้พวกเธอซื้อให้ได้ แบบนี้คะแนนติดลบครับ พวกเธอจะมองว่าร้านคุณไม่จริงใจ



การดูแลลูกค้าแบบที่พวกเธอถูกใจคือ "ดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ"ครับ ว่าง่ายๆคือไม่ต้องไปเดินตามทุกฝีเก้า

แต่ก็ไม่ใช่จะปล่อยปะละเลยจนพวกเธอรู้สึกว่าคุณไม่สนใจ จำไว้ครับ.. ว่าพวกเธอคือลูกค้าของเรา

ต้องให้ความสำคัญไปพร้อมๆกับการให้อิสระในการเลือกซื้อครับ จะเป็นอะไรที่ถูกใจพวกเธอมาก

"พนักงานขายควรจะเป็นผู้หญิง"ด้วยครับ... เพราะพวกเธอจะกล้าสอบถาม/ขอคำปรึกษาได้สะดวกใจกว่าผู้ชาย


 
ครับ... สรุปแล้ว"จิตวิทยาการขอ"ที่ร้านเสื้อผ้าพึงมีประกอบด้วยส่วนผสม 3 อย่างดังนี้ครับ

1.การขอด้วยสินค้า >>> เลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน นำสินค้าที่ดีมีคุณภาพทันสมัยมาตอบโจทย์พวกเธอ

และ"ใช้หุ่นโชว์"เป็นตัว(ล่อ)ช่วยดึงดูดให้พวกเธอเข้ามาชมสินค้าภายในร้าน

2.การขอด้วยสถานที่ >>> เริ่มตั้งแต่หน้าร้าน"ต้องดูดีแต่ไม่หรูจนเกินไป" ภายในร้าน"ต้องจัดให้เป็นสัดส่วน ดูไม่รก"

ใช้เสียงเพลงเสริมสร้างบรรยากาศให้ร้านน่าเดินยิ่งขึ้น (ถ้าเป็นไปได้ควรจะมีห้องลองชุดด้วย)

3.การขอด้วยพนักงานขาย >>> พนักงานขาย"ต้องมีจรรยาบรรณในการขาย" ดูแลลูกค้าแบบ "ดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ"

และพนักงานขายควรจะเป็นผู้หญิงถึงจะถูกใจพวกเธอที่สุด



ถ้าส่วนผสมในการขอทั้ง 3 อย่างนี้ลงตัวแล้วละก็ ร้านเสื้อผ้าของคุณจะเป็นร้านที่โดนใจคุณผู้หญิงได้อย่างไม่ยากเลยละครับ

ยิ่งถ้าทำให้พวกเธอประทับใจได้แล้วละก็ กระบวนการซื้อซ้ำ และบอกต่อก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ที่ร้ายไปกว่านั้น...

ผู้หญิง 1 คนจะบอกต่อถึง 27 คน
พยายามให้เธอใช้เวลาอยู่ในร้านของเราให้นานที่สุดครับ เพราะยิ่งเธออยู่นานเท่าไหร่

โอกาสที่เราจะขายสินค้าได้ก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วยครับ...  (ผู้หญิงมักจะซื้อสินค้าตามอารมณ์ และความอยากครับ)

ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ...  ผมว่ามันจะสร้างจุดเปลี่ยนให้ธุรกิจของท่านเลยก็ว่าได้ ^^

 


แล้วคุณละคิดยังไง

หมายเลขบันทึก: 332867เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2010 19:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ผู้หญิงซื้อของตามอารม แล้วความอยาก...จิงๆ...

แต่หนูต้องตามเงินด้วยนะ

  ร้านเสื้อผ้าในมุมมองของผมนะครับ (มุมมองของผู้ชาย)  ผมชอบเรื่องนี้เรื่องเดียวครับ

   ดูแลลูกค้าแบบ "ดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ" ชอบคำนี้ตังเลยครับ สำหรับพนักงานขาย

(ประเภทเดินจี้ติดตามตื๊อ  ผมจะเดินหนีเลยครับ ทำให้เราไม่มีอิสระ  ประเภทมองไม่เห็นเรา   ผมก็เดินออกเหมือนกัน  เหมือนไม่เห็นความสำคัญของเรา  ต้องรักษาระยะห่าง พอดีๆครับ)

 

ดีค่ะ

บทความดีใครอยากเปิดร้านเสื้อผ้าอ่านแล้วได้ความรู้มากเลยค่ะ

เป็นแนวทางในการตกแต่งร้าน

ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ

@น้องซกมก >>> ขอบคุณที่แวะมาแชร์กันครับ... เรื่องเงินก็เป็นตัวแปลที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งเลยครับ ในการเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ^^

@อาจารย์ small man >>> อาจารย์ก็คิดเหมือนผมครับ... ตอนเขียนบทความนี้ ในส่วนของพนักงานขายผมว่าใช้ได้กับทั้งลูกค้าผู้ชาย และผู้หญิงนะครับ ยกเว้นแต่พวกสินค้าเทคนิคที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด อันนี้ก็อาจจะต้องตามติดกว่าปกตินิดนึง เพื่อลูกค้าจะถามข้อมูลครับ อย่างร้านคอมหลายๆร้าน ถ้าเกิดมาเซิลเดินมาหาผมมักจะเดินหนีเลย เพราะว่าผมแค่มาดุเฉยๆ ไม่ได้มาซื้อ รู้สึกเกรงใจอะครับ เหมือนให้ความหวังเขา ขอบคุณอาจารย์มาครับที่เข้ามาแชรืกัน ^^

@คุณyumiko >>> ยินดีมากครับ.... ที่บทความของผมเป้นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ ขอบคุณที่แวะเข้ามาครับ ^^

ขอบคุณทุกท่านสำหรับคอมเม้นดีๆ แชร์ประสบกาณร์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ^^

ถ้าร้านใดทำได้อย่างนี้คงลูกค้าตรึมเลย

เห็นด้วยกับการขอทั้ง 3 ข้อนะคะเอิร์ท สิ่งที่จะทำให้สะดุดตาที่สุดคือการโชว์เสื้อผ้าที่เป็นคอนเซปของร้าน

ไม่ว่าจะโชว์ด้วยวิธีไหนก้ตาม..และปัจจุบันนี้นอกจากจะใส่หุ่นโชว์แล้ว พนักงานขายยังเป็นหุ่นโชว์เดินได้อีกนะคะ

นั่นยิ่งทำให้ดึงดูดลูกค้าได้มาก เพราะเสื้อที่ใส่กับหุ่นพลาสติก

กับเสื้อที่ใส่กับมนุษย์บางทีให้ความแตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

การจัดหน้าร้านให้ดูหรูเป็นเพียงแรงกระตุ้นสายตาให้ดูเท่านั้น แต่ในกลุ่มลูกค้าในช่วงอายุของเอิร์ท

ส่วนใหญ่คงไม่คิดอยากจะเข้าร้านที่ดูหรูเกินไปแน่นอนค่ะ แค่จัดร้านให้สะอาด ดูดี และตรงกับกลุ่มลูกค้าก็น่าจะพอ

ในเรื่องของการขายก็เป็นจุดสำคัญ..อย่างที่บอกว่าทุกอย่างควรมีความพอดี หากอะไรมากไปน้อยไปย่อมไม่ดีแน่ค่ะ

สรุปแล้วร้านการขอทั้ง 3 ข้อมีประโยชน์จริง ๆ นะคะ

ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ ^^

@คุณ...มณีวรรณ ตั้งขจรศักดิ์ >>> ครับ... ผมว่าถ้าร้านเสื้อผ้าร้านไหนสามารถทำได้ทั้งหมดนี้ ลูกค้าล้นแน่นอนครับ ขอบคุณที่แวะมานะครับ ^^

@คุณ >>> ขอบคุณสำหรับคุณนัทนะครับ... พนักงานขายใส่โชว์เองเลย ก็เริ่มมีให้เห็นครับ... เป็นแนวทางใหม่ที่น่าสนใจอีกเช่นเดียวกัน แต่คนขายต้องหาหุ่นมาตรฐานแต่ดูดีสักนิดนะครับ จะเป็นอะไรที่ถูกถามแน่ๆว่า ตัวนี้เท่าไหร่ ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์กันนะครับ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมา แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่นะครับ

ทุกความคิดเห็นมีคุณค่า และเป็นกำลังใจให้ผมเสมอ ^^

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ตรงกับประสบการณ์และการใช้ชีวิตประจำวัน

ชอบร้านเสื้อผ้า รองเท้า ที่เข้าไปแล้วแค่ทักเราว่า เข้ามาชมก่อนค่ะ มีแบบให้เลือกมาใหม่นะคะ แล้วก้อปล่อยให้เราเลือก ไม่ต้องเดินตาม อึดอัดค่ะ ร้านที่เข้าออกยากหรือมีทางเข้าทางเดียวก็จะไม่อยากเข้าค่ะ ควรมีที่ให้เดินออกสองทาง

อีกอย่าง บางร้านในกรุงเทพเอารูปดาราใส่เสื้อผ้าแบบนั้นมาโชว์ ก็ทำให้เรารู้ว่า แบบนี้ดาราเขาใส่กันนะ เราก็อยากใส่บ้างค่ะ

ที่สำคัญเจ้าของต้องอยู่เพื่อที่จะต่อรองได้เลยไม่ใช่กับลูกจ้างค่ะ

ร้านรองเท้าที่พิดโลกไปทีไรเสียเงินทุกทุเพราะเจ้าของร้านให้ส่วนลดทุกครั้งเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

คุณไพรัชช์ ชอบใจกับความรู้นี้ครับ น่าสนุกดี

หวัดดีจ้า

เพิ่งกลับมาจากอุดรเหมือนกัน

อากาศร้อนอบอ้าว ว ว .. มั่กๆ

j

ขอบคุณทุกความเห็นครับ

@อาจารย์ อ้อม ฐิติรัตน์ สุวรรณสม >>> ดีใจมากครับ ที่อาจารย์ชอบเรื่องนี้ ผมว่า blog นี้ตอบโจทย์คุณผู้หญิงเรื่องร้านเสื้อผ้าในอุดมคติ ได้เป็นอย่างดีเลยละครับ หวังว่ามันจะมีประโยชน์กับผู้ที่สนใจทำธุรกิจประเภทนี้ ใช้เป็นแนวทางในการเปิดกิจการหนะครับ ขอบคุณที่แวะมาครับ ^^

@อาจารย์โย >>> ตอนไปสัมภาษณ์ผมก็ไม่คิดว่ามันจะตรงใจสาวๆหลายๆคนนะครับอาจารย์ ก็น่าแปลกดีเหมือนกัน การถามแบบ AI ของเราแค่ 1 คน ถือได้ว่าผลมันครอบคลุมกับกลุ่มเป้าหมายกว่า 90% เลยก็ว่าได้ครับ ขอบคุณอาจารย์มากครับสำหรับความรู้ และวิถีแห่ง AI ^^

@พี่แจ๋วแหวว >>> สงสัยจะเข้าน่าร้อนแล้วละพี่แจ๋วแหวว โคราชแบบร้อนไม่ไหวแล้ว... กลับบ้านมีหนมมาฝากกันป่าวครับ แฮะๆ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมครับพี่ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาไม่มากก็น้อยนะครับ ^^

สวัสดีค่ะ

รู้สึกเหมือนน้องหยกเหมือนกันค่ะ ชอบให้พนักงานดูอยู่ห่างๆ แล้วพอเราต้องการความช่วยเหลือค่อยเข้ามาค่ะ ไม่ชอบแบบเดินตามๆ เช่นกัน เหมือนโดนกดดันยังไงไม่รู้ ตามร้านเช่น sasa, H&M, MNG จะมีแค่พนักงานตรงแคชเชียร์ กับตรงห้องลองเสื้อผ้า

สะส่วนใหญ่นะคะ ไม่ค่อยมีพนักงานเดินตามค่ะ ให้ลูกค้าเลือกสินค้าได้อย่างสบายใจเหมือนเป็นห้องเสื้อของตัวเองเลยค่ะ

...สวัสดีค่ะ...คุณเอิร์ท...

๐ พอได้อ่านตอนที่ต่อจากเมื่อวานแล้วก็...คนขายกับคนซื้อเนี้ย..มีความพยายามเหมือนกันเลย...

๐ ก็คนขายจะต้องคิดว่าจะทำยังไงให้ลูกค้าสนใจและยอมที่จะเสียเงินซื้อสินค้าโดยทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก

๐ ส่วนคนซื้อ ผู้หญิงทุกคนก็ต้องหา ของที่ถูกใจและที่สำคัญก็ต้องผสมกับถูกเงินในกระเป๋าด้วย

สวัสดีอีกครั้งค่ะน้องไพรัชช์

...ตามมาอีกวันแล้ว อย่าเบื่อนะ เสื้อผ้ากระเป๋า รองเท้า มันเป็นของคู่กันกับผู้หญิง จริง จริ๊ง

... 3 ข้อที่น้องบอกมันก็จริงทุกข้อค่ะ แต่พี่ว่า น่าจะเพิ่มอีกข้อคือป้ายเซลล์ ด้วยนะ อยู่ไกลแค่ไหน หลังร้านขนาดไหน สายตาผู้หญิงเนี่ยเห็นหมด หอบมาพาดใส่แขนไว้ก่อน เอาไม่เอา ว่ากันอีกเรื่อง แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ เนี่ยเหมือนกับมากมายดีใจยังกะได้ทอง ...ผ่านไปอีกสัปดาห์ ก็ลดซะ50เปอร์เซ็นต์ (ฮา) ซื้ออีกไหม...ซื้อสิ ...เนื่องในโอกาส แก้แค้น เป็นซะงั้น

...ไม่เชื่อน้องอยู่โคราช หลายวันลองไปเดินเดอะมอลล์นะคะ น้องจะเห็นภาพอย่างที่พี่ว่าเป็นที่ประจักษ์ ดีไม่ดีวันอาทิตย์นี้อาจเห็นพี่ด้วยนะ เพราะพี่จะพาลูกๆไปว่ายน้ำ อิอิ

ขอบคุณทุกความเห็นครับ

@คุณOrn >>> ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ... แสดงว่าผมถามไม่ผิดคน 555+ ผู้หญิงส่วนใหญ่คิดอย่างนั้นจริงๆครับ ^^

@คุณสายลมที่หวังดี >>> ขอบคุณครับที่แวะมา... ใช้แล้วครับ คนขายหรือนักธุรกิจก็ต้องทำการบ้านมาหนักพอสมควรครับ เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกๆด้าน เพื่อให้เกิดความพึ่งพอใจให้มากที่สุด เมื่อ Demand กับ Supply ตรงกัน มันก็เป็นอะไรที่คลิกครับ คนขายปิดการขายได้ คนซื้อพอใจกับสินค้าและบริการ Win Win ครับ ^^

@คุณปิ่นธิดา >>> ขอบคุณมากครับที่ติดตาม... เรื่องผู้หญิงกับราคา เป็นของคู่กันจริงๆครับ ไว้โอกาสต่อไป ผมจะลองเจาะประเด็นนี้ดู มันน่าจะมีอะไรที่น่าสนใจมากมายทีเดียว ไว้คอยติดตามนะครับ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะครับ ทุกความเห็นมีประโยชน์มากมายจริงๆ ^^

ขอแชร์เรื่องร้านดูหรูนิดนึงนะครับ

ผมเคยไปพักที่เกรทเฮาร์แห่งนึงที่เชียงใหม่ครับ ชื่อ marlboro (มีเพื่อนแนะนำมา บอกว่าถูกครับ คืนละ 150 บาทเอง)

พอตกกลางคืน ผมก็ไปนั่งดื่มเบียร์ที่บาร์(ก็ในเกรทเฮาร์นั่นแหละครับ) คุยกันไปคุยกันมา เจ้แกก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเปิดร้านเบียร์ที่ๆ ฝรั่งเยอะมาก(นักท่องเที่ยว) แล้วก็เป็นร้านที่เรียงรายต่อกันเลย (แบบว่าคนเยอะก็คู่แข่งเยอะครับ) ร้านเจ้ก็ทำดูดีนะ ดูหรู แต่ไม่ค่อยมีคนเข้า อยู่มาวันนึงมีฝรั่งมากิน พอเช็คบิลก็บอกว่า ทำไมร้านยูถึงถูกอย่างนี้ ไอนึกว่าจะแพงกว่านี้ รู้มั้ยว่าที่ไอกล้าเข้าร้ายูเนี่ยเพราะว่าไอหนะรวยแล้วก็มีตังค์เลยกล้าเข้า คนอื่นเค้าคงคิดว่าแพงเลยไม่กล้าเข้า ฝรั่งคนนั้นเลยบอกให้ "ติดราคาสิ" (เขาจะได้รู้ว่าไม่แพง) เจ้แกก็เชื่อครับ ไปทำป้ายบอกราคามาติดหน้าร้าน จากนั้นก็ขายดิบขายดีครับ

เรื่องก็มีอยู่เทานี้หละครับ

สวัสดีครับท่านเอิร์ท

และสวัสดีท่านเทพดรุณด้วยครับ

ถูกใจข้อมูลของท่านเทพดรุณ ตรงกับความรู้สึกผมครับ

ผมเคยรับผิดชอบจัดการดูแลโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งแถวถนนเทพารักษ์

เจ้าของตกแต่งดีมากๆ โดยเฉพาะคอฟฟี่ช็อป อาหารไม่แพง แต่ไม่มีลูกค้าเข้า

ผมเสนอให้เจ้าของทำป้ายราคาไปตั้งไว้หน้าโรงแรม ท่านก็ทำป้ายเสียหรูไปว่างไว้ แต่มองราคาอาหารไม่เห็นได้ต้องเดินเข้าไปดู ก็มีลูกค้าเพิ่มบ้าง ผมเลยใช้ปากกาเมจิกเขียนตัวโตๆว่า  กาแฟ ทุกชนิด 35 บาท  จากนั้นมีลูกค้าเข้าร้านยอดขายหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วนำไปจ่ายค่าจ้างพนักงานได้ทั้งโรงแรมครับ

ยืนยันครับว่าข้อมูลที่ท่านเทพดรุณบอกเล่ามาใช้ได้จริง บางที่ผู้ประกอบการยากจะทำกิจการตามที่ตัวคิดโดยเอาตนเป็นแบบจึงทำให้หลายๆร้านต้องปิดกิจการไปอย่างน่าเสียดาย

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

มาเรียนรู้จิตวิทยาการขอ

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับข้อคิดเห็น กำลังจะเปิดร้านพอดีเลยค่ะ

เจ้าของร้านเสื้อผ้า

ไม่จริงซะทีเดียว คนขายเพศไหนก็ได้อยู่ที่วาทะศิลป์ในการพูดต่างหากทุกวันนี้ ผมขายเสื้อผ้าเอง(ผมเป็นผู้ชาย100%) ขายดีจนมือพันกันหมด ก็ไม่จำเป็นว่าคนขายแต่เป็นผู้หญิง ขอค้าน พูดมาได้ โธ่ (ไม่อยากบอกรายได้ต่อเดือนเลยเดี๋ยวจะช็อกเปล่าๆ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท