…………………………….
ข้อเท็จจริงของคำแสง
…………………………….
· มารดาของเธออ้างว่า เธอเกิดที่บ้านสันต้นดู่ ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย แต่ไม่ปรากฎเอกสารรับรองการเกิด แต่ตัวเธอเองเข้าใจว่า ตนเกิดที่เมืองตุม อำเภอเมืองสาด จังหวัดเชียงตุง ประเทศพม่า
· ข้อเท็จจริงเรื่องวันเดือนปีเกิดตามเอกสารของนางสาวคำแสงไม่ตรงกัน จะเห็นว่า (๑) บัตรประจำตัวบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน ระบุว่า เธอเกิดเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๖ (๒) เอกสารของโรงเรียนบ้านท่าตอน ระบุว่า เธอเกิดเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๗ (๓) บัญชีสำรวจรายชื่อชนกลุ่มน้อยโดยผู้ใหญ่บ้านระบุว่า เธอเกิดเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๔ (๔) แบบสอบถามและแบบบันทึกของคลินิกแม่อายระบุว่า เธอเกิดเมื่อวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๖
· ยังมีความสับสนกว่า เด็กหญิงคำแสง นาเฮง มีชาติพันธุ์ไทยใหญ่ หรือชาติพันธุ์ไทยเขิน[1] หรือชาติพันธุ์ไทยลื้อ[2]
· เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๗ บิดามารดาไปรับการจดทะเบียนแรงงาน เธอและครอบครัวจึงได้รับการบันทึกชื่อใน ท.ร.๓๘/๑ เธอจึงได้รับเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก กล่าวคือ ๐๐-๕๐๑๐-๑๐๔๙๓๐-๗ เพราะเป็นผู้ติดตามแรงงานต่างด้าวซึ่งถูกบันทึกใน ท.ร.๓๘/๑
· แต่คำแสงไม่ได้รับการออกบัตรประจำตัวแต่อย่างใด เนื่องจากในวันนัดให้ไปถ่ายรูปนางสาวคำแสง นาเฮงไม่ได้ไปตามนัด (ใบขอรับ-ส่วนที่ ๓ เลขที่เอกสาร ๐๑๘๖๘ นัดถ่ายรูปเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑)
· ปัจจุบันเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนบ้านท่าตอน
· ต่อมา แบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรจากฐานข้อมูลการทะเบียน สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (ท.ร.๑๔/๑) เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑ได้รับรองว่า คำแสงเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน และได้รับบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน โดยกำหนดให้มีเลขประจำตัว ๐-๕๐๑๐-๘๙๐๒๖-๘๐-๙ ซึ่งเอกสารนี้ระบุว่า คำแสงมีสัญชาติไทยใหญ่ ซึ่งสถานะบุคคลดังกล่าวหมายความว่า คำแสงได้รับการยอมรับว่า เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนประเภทบุคคลในสถาบันการศึกษาภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการจัดการสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘
· คำแสงป่วยเป็นโรครูมตอย sle ที่เธอต้องเข้ารับการรักษาทุกปียังไม่มีแนวโน้มที่จะรักษาให้หายขาด
· คำแสงมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๕ คน เธอเป็นคนที่ ๓ ซึ่งเราได้ทราบว่า เธอมีน้องฝาแฝดชายหญิงที่แม่ของเธอจำใจยกให้คนอื่นไปเลี้ยง
· ในปัจจุบัน อาศัยอยู่ที่บ้านห้วยน้ำเย็น หมู่ที่ ๔ ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัด เชียงใหม่
…………………………….
ข้อเท็จจริงของบิดาของคำแสง
…………………………….
· บิดาชื่อนายทำมะ นายเฮง
· โดยแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นพิเศษ (ท.ร.๓๘/๑) เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๗ รับรองว่า ทำมะเกิดเมือ พ.ศ.๒๕๑๐ และมีสัญชาติพม่า
· ทำมะก็ให้ปากคำว่า เขาเกิดในประเทศพม่า
· ทำมะยอมรับว่า มีบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกให้โดยรัฐบาลพม่า (ไม่ทราบเลขประจำตัว)
· เขาเล่าว่า เข้ามาในไทยครั้งแรก เมื่อพ.ศ.๒๕๓๕ และเดินทางไปๆ มาๆ หลายครั้ง จนประมาณปี ๒๕๔๒ ก็ได้ตัดสินใจตั้งถิ่นฐานถาวรในประเทศไทย โดยเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านสันต้นดู่ ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
· เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๗ นายทำมะไปรับการจดทะเบียนแรงงาน แบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นพิเศษ (ท.ร.๓๘/๑) เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๗ ระบุว่า ทำมะเป็นคนสัญชาติพม่า
· กรมการปกครองได้ออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎรให้แก่ทำมะ โดยกำหนดให้มี เลขประจำตัวประชาชน ๐๐-๕๐๑๐-๑๐๔๙๒๙-๓ บัตรหมดอายุในวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๐
· นอกจากนั้น พบว่า นายทำมะร้องขออนุญาตทำงานตามกฎหมายมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบัน และได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยมาตลอด
· ปัจจุบันและย้ายมาอยู่บ้านห้วยน้ำเย็น ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
…………………………….
ข้อเท็จจริงของมารดาของนางสาวคำแสง นาเฮง
…………………………….
· มารดา ชื่อ นางโยง[3] หรือนางยง[4] อินดี เกิดเมือ พ.ศ. ๒๕๐๕ ในประเทศพม่า
· ยงมีบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกให้โดยรัฐบาลพม่า (ไม่ทราบเลขประจำตัว)
· ยงเข้ามาในไทยครั้งแรก เมื่อพ.ศ.๒๕๓๕ และเดินทางไปๆ มาๆ หลายครั้ง จนประมาณปี ๒๕๔๒ ก็ได้ตัดสินใจตั้งถิ่นฐานถาวรในประเทศไทย โดยเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านสันต้นดู่ ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
· เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๗ นางโยงไปรับการจดทะเบียนแรงงาน แบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นพิเศษ (ท.ร.๓๘/๑) เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๗ ระบุว่า ยงมีสัญชาติพม่า
· จึงได้รับการออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร โดยมีเลขประจำตัวประชาชน ๐๐-๕๐๑๐๑๐๔๙๓๑๕
· ปัจจุบันและย้ายมาอยู่บ้านห้วยน้ำเย็น ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
…………………………….
จุดเกาะเกี่ยวระหว่างคำแสงกับประเทศไทย
…………………………….
· หากฟังว่า คำแสงเกิดในประเทศไทย ดังปากคำของมารดาของคำแสง คำแสงมีจุดเกาะเกี่ยวโดยหลักดินแดนโดยการเกิดกับประเทศไทยเพราะคำแสงเกิดในประเทศไทย
· คำแสงมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยเพราะอาศัยอยู่จริงในประเทศไทยในปัจจุบัน อย่างน้อย คำแสงจึงมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยโดยหลักดินแดนภายหลังการเกิด
…………………………….
จุดเกาะเกี่ยวระหว่างคำแสงกับประเทศพม่า
…………………………….
· หากฟังว่า คำแสงเกิดในประเทศพม่า ดังปากคำของคำแสงเอง คำแสงมีจุดเกาะเกี่ยวโดยการเกิดโดยหลักดินแดนกับประเทศพม่า
· แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อฟังว่า บุพการีทั้งสองมีสถานะเป็นคนสัญชาติพม่า และเป็นคนในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่า คำแสงจึงมีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐพม่าโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิตจากบิดาและมารดา
· ที่ชัดเจนในปัจจุบัน คำแสงไม่มีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศพม่าโดยหลักดินแดนเพราะไม่ได้อาศัยอยู่จริงในประเทศพม่า
…………………………….
สถานะบุคคลของคำแสงตามกฎหมายพม่าว่าด้วยสัญชาติพม่า
…………………………….
· เราอาจชี้ได้ชัดเจนว่า คำแสงอาจมีสิทธิในสัญชาติพม่าโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิต เพราะเมื่อบุพการีทั้งสองมีสถานะเป็นคนสัญชาติพม่า และเป็นคนในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่า คำแสงจึงมีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐพม่าโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิตจากบิดาและมารดา
· หากเราฟังว่า คำแสงเกิดในประเทศพม่า เราก็ต้องชี้ว่า คำแสงอาจได้สัญชาติพม่าโดยหลักดินแดน
· แต่หากจะรับฟังได้ว่า คำแสงเกิดในประเทศไทย เราก็จะต้องชี้ว่า คำแสงย่อมไม่อาจมีสิทธิในสัญชาติพม่าโดยหลักดินแดน
· เรายังไม่ทราบว่า บุพการีของคำแสงได้เพิ่มชื่อของคำแสงในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่า ข้อเท็จจริงนี้ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องสืบค้นต่อไป
…………………………….
สถานะบุคคลของคำแสงตามกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติไทย
…………………………….
· เรายังไม่อาจชี้ได้ชัดเจนว่า คำแสงมีสัญชาติไทยหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏชัดเจนว่า คำแสงเกิดก่อนหรือหลังวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๕
· หากเราฟังว่า คำแสงเกิดก่อนวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๕ เราก็ต้องชี้ว่า คำแสงมีสัญชาติไทยโดยหลักดินแดนโดยมาตรา ๒๓ วรรค ๑ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งหากคำแสงยืนยันว่า ตนเกิดในประเทศไทยก่อนวันที่ดังกล่าว คำแสงก็จะต้องหาพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือมายืนยันข้อเท็จจริงนี้ให้ได้ จึงสถานะเป็นคนต่างด้าว
· หากเราฟังว่า คำแสงเกิดตั้งแต่วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๕ เป็นต้นมา เราก็ต้องชี้ว่า คำแสงไม่ได้สัญชาติไทยแม้จะรับฟังได้ว่า คำแสงเกิดในประเทศไทย และยังจะต้องรับฟังว่า คำแสงถูกถือเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองไทยมาโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
· แต่หากเราฟังว่า คำแสงมิได้เกิดในประเทศไทย เราก็ต้องชี้ว่า คำแสงก็ไม่อาจมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ภายหลังการเกิด คำแสงก็อาจร้องขอสิทธิในสัญชาติไทยภายหลังการเกิด ซึ่งอาจจะเป็นสัญชาติไทยโดยการสมรส หากมีคู่สมรสเป็นคนสัญชาติไทย หรืออาจจะเป็นสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ หากคำแสงแสดงให้ประจักษ์ถึงความกลมกลืนระหว่างคำแสงและประเทศไทย
โปรดอ่านอีกด้วย กรณีศึกษานางสาวคำแสง นาเฮง (ตอนที่ ๒) – เธอผิดกฎหมายคนเข้าเมืองหรือไม่ ? เธอไร้รัฐไร้สัญชาติหรือไม่ ? http://gotoknow.org/blog/archanwell-and-maeai-study/255279 โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร งานเขียนเพื่อโครงการ “คลินิกกฎหมายชาวบ้าน (ด้านสถานะและสิทธิบุคคล) อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย พายัพ และ Unicef เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒
ไม่มีความเห็น